บทที่ 90 ฉันจะรับเด็กคนนี้เป็นลูกศิษย์
หยางเหวินป๋อถึงกับชะงักกึก ลังเลเล็กน้อย ก่อนพยักหน้ารับคำ “ใช่ครับ”
“งั้นนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ หากในท้ายที่สุดแล้ว มหาวิทยาลัยของเราได้รับเงินทุน เธอก็อาจจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเป็นรองอธิการบดี หรืออาจจะได้เป็นอธิการบดีในอนาคตก็ได้ ฉันควรแสดงความยินดีกับเธอล่วงหน้าเลยดีไหม”
ฮั่วเหรินเซิงกล่าวต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เธอเองจะได้ความดีความชอบจากการชิงทุนในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยของเราก็จะได้รับเงินทุนจำนวนมหาศาล แต่ซูเย่ได้อะไรตอบแทนบ้างล่ะ?”
“เขาไม่ได้อะไรตอบแทนเลย นอกจากเอาชื่อของตัวเองมาแปดเปื้อน และถูกทำลายอนาคตด้วยความเกลียดชังที่ไม่ยุติธรรม วิธีการที่เธอเลือกใช้ บางครั้งก็ต้องคำนึงถึงคุณธรรมด้วยเช่นกัน เพราะวิธีการบางอย่างต่อให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่บ่อยครั้งมันก็เป็นวิธีการที่อำมหิตมากเกินไป”
“ฉันจะรับเด็กคนนี้เป็นลูกศิษย์เอง”
ฮั่วเหรินเซิงพูดจบ ก็กล่าวต่อโดยทันที “ฉันคงทำลายอนาคตของเด็กรุ่นใหม่ที่มีจิตใจดีงามเช่นนี้ไม่ได้หรอก…”
“ขอบคุณอาจารย์มากเลยนะครับ!”
หลี่เคอหมิงอุทานออกมาด้วยความดีใจ
“อาจารย์ฮั่ว”
หยางเหวินป๋อพยายามโต้แย้ง
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”
ฮั่วเหรินเซิงยกมือโบกสะบัด ขัดจังหวะการพูดของหยางเหวินป๋อ “เหตุผลของเธอฉันไม่สนใจหรอก ฉันเป็นแพทย์แผนจีน ฉันแค่อยากจะให้วงการของเราพัฒนาต่อไปก็เท่านั้นเอง”
“แต่อาจารย์ลองคิดดูสิครับว่าถ้าข่าวนี้หลุดรอดออกไป เราจะอธิบายกับพวกแพทย์แผนจีนฝีมือดีจำนวนมากได้อย่างไร พวกเขาต้องไม่พอใจแน่ ๆ เลยครับ”
“งั้นรอให้การแข่งขันชิงทุนจบลงก่อนก็ได้ ถ้าซูเย่สามารถคว้าตำแหน่งผู้ชนะได้สำเร็จ ก็คงไม่มีใครปฏิเสธความสามารถของเขาได้อีกแล้ว!”
ผู้เป็นปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีนหันหน้ามาหาหลี่เคอหมิง
“เคอหมิง ในเมื่อลูกศิษย์ของเธอมีความเก่งกาจมากกว่าคนทั่วไป ก็ใช้การแข่งขันชิงทุนในครั้งนี้ เป็นโอกาสทดสอบดูสิว่าเขามีความสามารถในระดับไหนกันแน่ ส่วนตอนนี้ เธอก็สอนวิชาฝังเข็มให้เขาแทนฉันไปก่อน”
“ได้เลยครับอาจารย์”
หลี่เคอหมิงพยักหน้าอย่างมีความสุข
แต่ทันใดนั้น เขาก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แต่กลับไม่ได้พูดออกมา
หลี่เคอหมิงหันไปมองหน้าหยางเหวินป๋อ
หมอนี่จะคัดค้านอะไรอีกไหม?
แต่หยางเหวินป๋อไม่ได้คัดค้านอะไรอีกแล้ว
เพราะเขาย่อมรู้ดีว่าอาจารย์ฮั่วเดิมทีมีนิสัยยอมหักไม่ยอมงอ เท่านี้ก็นับว่าท่านอาจารย์ยอมประนีประนอมมากพอแล้ว หากหยางเหวินป๋อยังรบเร้าฮั่วเหรินเซิงต่อไป ดีไม่ดีชายชราอาจจะประกาศรับตัวซูเย่เป็นลูกศิษย์คนใหม่ในวันนี้เลยก็ได้ และนั่นก็จะทำให้มีปัญหาใหญ่ตามมาไม่รู้จบ
เพราะฉะนั้น การยื้อเวลาออกไปจนจบการแข่งชิงทุน ก็น่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
ถ้าซูเย่ไม่สามารถคว้าตำแหน่งผู้ชนะได้สำเร็จ แต่อาจารย์ฮั่วยังดึงดันที่จะรับตัวเขาเป็นลูกศิษย์อยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ ถึงตอนนั้น พวกนักศึกษาในคณะแพทย์จะต้องไม่พอใจมากแน่นอน
เพียงแค่คิด หยางเหวินป๋อก็รู้สึกปวดหัวแล้ว
ในขณะที่เดินกลับออกมาจากบ้านพักของฮั่วเหรินเซิง หลี่เคอหมิงก็ส่งข้อความไปหาซูเย่ บอกให้ชายหนุ่มมาพบเขาที่ศาลานั่งเล่นประจำมหาวิทยาลัย
ซูเย่กำลังจะเดินไปหาข้าวกลางวันทาน แต่เมื่อได้รับข้อความจากผู้เป็นอาจารย์ เขาก็รีบตรงดิ่งไปที่ศาลานั่งเล่นโดยทันที
“ฉันอยากจะขอโทษเธอ”
นี่คือคำพูดแรกที่หลุดออกจากปากหลี่เคอหมิงเมื่อเขาพบหน้าซูเย่ “ฉันอธิบายสถานการณ์ของเธอให้อาจารย์ฟังแล้ว แต่เธอก็คงรู้ดีว่าหลายวันนี้เกิดข่าวลือมากมาย เธอจะได้กลายเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ฉัน ถ้าเธอสามารถเป็นผู้ชนะการแข่งขันชิงทุนให้มหาวิทยาลัยของเราได้สำเร็จ”
“แต่เธอไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกนะ เดี๋ยวฉันจะคอยช่วยเหลือเป็นอย่างดี”
“เริ่มจากวันเสาร์นี้เป็นต้นไป ฉันจะไปรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจี้หยางทุกวันเสาร์ เรายังมีเวลาอีกสี่สัปดาห์ที่เธอจะได้เรียนรู้ทักษะการฝังเข็ม รวมถึงการศึกษาข้อมูลอีกหลายอย่างที่อาจจะมีอยู่ในข้อสอบวัดความรู้ก็ได้ เธอมั่นใจได้เลยว่าทุกอย่างที่ฉันรู้ ฉันจะถ่ายทอดให้เธออย่างหมดไส้หมดพุงเอง”
“ขอบคุณอาจารย์มากเลยนะครับ”
ซูเย่ก้มศีรษะด้วยความซาบซึ้งใจ
นอกจากได้รับความรู้โดยตรงจากหลี่เคอหมิงแล้ว การติดตามอาจารย์ไปรักษาคนไข้ถึงโรงพยาบาล ก็ยังนับเป็นประโยชน์สูงสุดต่อซูเย่อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีที่ไหนจะเหมาะสมต่อการศึกษาศาสตร์แห่งแผนจีน มากไปกว่าโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนอีกแล้ว
ยิ่งคิด ซูเย่ก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น
แต่ว่า…
ซูเย่ก็ถามออกมาอย่างกะทันหัน “เป็นฝีมือของคณบดีจากคณะแพทย์แผนจีนใช่ไหมครับ?”
“หืม?”
หลี่เคอหมิงหยุดชะงัก
“เขาเป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดใช่ไหมครับ?”
ซูเย่ถามย้ำออกไปอีกครั้ง
“เธอรู้ด้วยหรือ?”
หลี่เคอหมิงมองหน้าชายหนุ่มด้วยความไม่อยากเชื่อ เขาไม่คิดเลยว่าซูเย่จะรู้ว่าหยางเหวินป๋อเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายทั้งหมด แต่สุดท้ายก็ต้องตอบรับด้วยการพยักหน้า
เมื่อได้รับทราบคำตอบ แววตาของซูเย่ก็เป็นประกายเย็นชาขึ้นมาทันที
เมื่อกลับมาถึงหอพัก ซูเย่ก็ได้รับทราบว่าเว็บไซต์ของทางมหาวิทยาลัยได้โพสต์ข่าวใหญ่ประจำปี
“แจ้งนักศึกษาทุกคนโปรดทราบ : มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางกำลังจะเข้าร่วมการแข่งขันชิงทุนการศึกษา และงบวิจัยจำนวนมาก ขอให้นักศึกษาที่มีความสนใจร่วมแข่งขันกรอกใบสมัครที่ด้านล่าง”
อีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางอาจจะมีวีรบุรุษคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาก็ได้
ในประกาศฉบับนี้ ยังมีข้อความอีกหนึ่งส่วนสำคัญแจ้งว่า
“ถ้านักศึกษาคนใดสามารถทำคะแนนได้ดีเป็นที่น่าพึงพอใจ ปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีนฮั่วเหรินเซิง ก็จะพิจารณารับตัวเป็นลูกศิษย์คนใหม่”
“คณะอาจารย์จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหล่านักศึกษาจะตั้งใจเรียน และทำงานหนัก เพื่อคว้าชัยชนะ และเกียรติยศมาสู่มหาวิทยาลัยของเราให้จงได้!”
จดหมายแจ้งเตือนฉบับนี้ถูกแชร์ส่งต่อไปยังบอร์ดข้อความของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางในเว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัย
ดังนั้น นักศึกษาจึงรับทราบข่าวทั่วทั้งมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าทุกคนที่เห็นข่าวนี้ย่อมเกิดความตื่นเต้นสุดขีด!
“สุดยอดเลยว่ะ!”
“นี่คือผลงานของคณบดีหยางแน่นอน สมแล้วที่เขารับปากพวกเราเอาไว้!”
“ต้องยกความดีความชอบทุกอย่างให้คณบดีหยางแล้วล่ะ บอกแล้วไงว่าปรมาจารย์แพทย์แผนจีนไม่มีทางรับเด็กจากคณะอื่นเป็นลูกศิษย์ได้หรอก!”
“พวกเราทำสำเร็จแล้วโว้ย!”
“นี่แหละความยุติธรรมที่แท้จริง!”
ในเวลาเดียวกันนี้ กลุ่มคนจากคณะแพทย์แผนจีนต่างก็ให้ความสนใจไปยังการรับลูกศิษย์คนใหม่ของปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิง…
พวกเขารับทราบว่าไม่มีโอกาสครั้งใดจะเข้าใกล้ความเป็นจริงมากไปกว่านี้อีกแล้ว การได้กลายเป็นลูกศิษย์คนใหม่ของฮั่วเหรินเซิง อย่าว่าแต่จะทำให้แพทย์แผนจีนทั่วประเทศต้องก้มหัวให้ ต่อให้เป็นแพทย์แผนจีนจากทั่วทั้งโลก ก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับพวกเขาได้อีกแล้ว
นี่คือทางลัดสู่ความสำเร็จโดยแท้จริง
ทุกคนมีเวลาเตรียมตัวอีกหนึ่งเดือน พวกเขาจะต้องคว้าชัยชนะมาให้ได้!
บรรยากาศในบอร์ดข้อความกลับมาสู่โหมดแห่งความร้อนแรงอีกครั้ง
“อีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ เรามาช่วยกันพิสูจน์เถอะว่า ซูเย่ก็แค่อัจฉริยะจอมปลอมคนหนึ่งเท่านั้นเอง!”
เมื่อกระทู้นี้ถูกโพสต์ลงไปในบอร์ดข้อความ
มันก็ถูกดันขึ้นเป็นกระทู้แนะนำประจำบอร์ดของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางอย่างรวดเร็ว
นักศึกษาจากคณะแพทย์แผนจีนจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าไปคอมเมนต์ให้กำลังใจผู้ที่ประกาศตัวว่าจะลงแข่งขัน รวมถึงโจมตีเด็กจากคณะวิจัยสมุนไพรจีน ว่าเป็นพวกไม่รู้จักที่ทางของตนเอง และไม่เจียมตัวเจียมตน
“คิดจะมาแข่งวัดความรู้กับพวกเราเด็กคณะแพทย์ ก็เตรียมตัวหน้าหงายให้ดีแล้วกัน!”
“เดี๋ยวพวกเราจะทำให้ดูเองว่า เด็กคณะแพทย์ทำประโยชน์ให้กับมหาลัยได้มากกว่าพวกนายขนาดไหน”
“เจ้าพวกคณะวิจัยสมุนไพร เวลาอีก 30 วันต่อจากนี้ เดี๋ยวพวกแกจะได้รู้ว่าความห่างชั้นที่แท้จริงน่ะมันเป็นยังไง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]