บทที่ 99 เป้าหมายคือการทำให้วงการแพทย์แผนจีนแปดเปื้อน!
“ค่ายกลนี้สามารถทำให้พวกมันหนีไปไม่ได้?”
ระหว่างทางที่ขี่ดาบไป ชายวัยกลางคนที่มีเคราและมีกระแสพลังปราณรอบกายที่อยู่ตรงกลางได้เอ่ยปากถาม
“ฉันได้ยินมาว่าค่ายกลนี้ถูกส่งมาจากเด็กใหม่ขั้นสาม ฉันก็ไม่รู้ว่ามันมีประสิทธิภาพแค่ไหน”
ชายร่างกำยำเล็กน้อยส่ายศีรษะเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อในค่ายกลนี้สักเท่าไหร่
“ถ้ามันไม่ได้ผลเลย เบื้องบนคงไม่ส่งต่อมาให้เรา”
ชายชราร่างผอมบางที่ดูกระฉับกระเฉงยิ้มแย้มพลางเอ่ยขึ้น “คราวนี้ เบื้องบนตั้งใจจะถอนรากถอนโคนพวกมันให้หมดไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่ส่งเรามาพร้อมกัน
“ยังไงก็ห้ามประมาท”
ชายวัยกลางคนที่ไว้เครา ได้ส่ายศีรษะอย่างเคร่งขรึมพร้อมกับกล่าวขึ้น “ถึงแม้เราจะมีฝีมือกันพอตัว แต่การเข้าสู่พื้นที่ระดับสี่ ย่อมได้พบกับสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดคิด อาจจะไม่ถึงชีวิต แต่ก็อาจได้รับบาดเจ็บบ้าง”
“ได้รับบาดเจ็บในเขตระดับสี่?”
ชายชราร่างเล็กเม้มปากแล้วเอ่ยตอบ “ถ้าเป็นเช่นนั้นคงถูกหัวเราะเยอะจนฟันหักแน่แล้ว”
อีกสองคนยิ้มอย่างมั่นใจ
ระหว่างที่พูดคุยกัน ทั้งสามรีบตรงเข้าไปในพื้นที่ระดับสี่ทันที
เมื่อเข้าสู่พื้นที่ระดับที่ 4 ทันใดนั้นชั้นพลังงานที่ดูแหลมคมก็ปะทุขึ้นรอบตัวทั้งสามราวกับว่ามีการติดตั้งใบพัดจรวด ห่อหุ้มพวกเขาทั้งสามไว้อย่างสมบูรณ์ มันคือรัศมีดาบ!
แสงดาบที่ส่องประกายระยิบระยับผ่านทุกที่ที่พวกเขาเดินไป
ทันทีที่ทั้งสามเข้าสู่พื้นที่ระดับสี่ มอนสเตอร์จำนวนมากก็วิ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งจากด้านหน้าทันที ทว่าพวกมันไม่มีแม้แต่โอกาสในการแตะต้องตัวพวกเขาทั้งสามด้วยซ้ำ พวกมันถูกฆ่าด้วยด้วยรัศมีดาบอันแหลมคมรอบ ๆ ตัวพวกเขาทั้งสามราวกับเนื้อในเครื่องบด!
ไม่นานนัก ทั้งสามก็ตรงเข้าไปถึงจุดที่มนุษย์กิ้งก่าหกตนอยู่ และก่อนที่มนุษย์กิ้งก่าจะทันได้ตอบสนองอะไร พวกเขาทั้งสามพลันเริ่มวางค่ายกลธาตุไม้ขนาดใหญ่จากสามมุมพร้อม ๆ กันด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวทันที
อีกด้านหนึ่ง มนุษย์กิ้งก่าหกตนรู้สึกถึงพลังอันทรงพลังที่เล็ดลอดออกมาจากพวกเขาทั้งสามคน พวกมันจึงไม่มีความคิดที่จะต่อสู้กับทั้งสามคนเลยแม้แต่น้อย หากแต่หันไปเตรียมวางค่ายกลหลบหนีโดยไม่รอช้า!
แสงสีเหลืองเปล่งประกายเจิดจ้า ปรากฏภาพค่ายกลที่ซับซ้อนอย่างยิ่งบนพื้นดิน โดยมีมนุษย์กิ้งก่าหกตนยืนอยู่ด้านข้าง
“เริ่มค่ายกล!”
ชายวัยกลางคนผู้ไว้เคราส่งเสียงอย่างเย็นชา และทั้งสามก็โคจรพลังงานปราณเข้าที่ใต้เท้าของพวกเขาพร้อมกัน
ด้วยการโคจรพลังปราณจำนวนมหาศาล ค่ายกลธาตุไม้ที่เพิ่งถูกจัดวางพลันส่องสว่างเป็นแสงสีเขียวทันที
เมื่อจ้องมองดูอย่างละเอียดไปที่มัน จะพบว่าภายในขอบเขตที่ปกคลุมไปด้วยค่ายกลนี้ พื้นดินกลายเป็นต้นอ่อนโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน และค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเติบโตอย่างรวดเร็วกลายเป็นเถาวัลย์
ทุกที่ที่เถาวัลย์เลื้อยผ่านไป ลำแสงสีเหลืองทั้งหมดบนพื้นดินจะถูกผูกไว้ และภายใต้พันธนาการของเถาวัลย์เหล่านี้ ค่ายกลธาตุดินของมนุษย์กิ้งก่าพลันถูกรบกวน ก่อนที่พลังปราณของมันจะสลายไป!
พวกมนุษย์กิ้งก่าฉายแววความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
ในตอนนี้ที่กำลังจะวิ่งหนี แต่กลับพบว่าตัวเองถูกพันธนาการไว้อยู่กับที่เดิม และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย
“ได้ผลดีขนาดนี้เลยรึ”
ชายชราร่างเล็กเอ่ยอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ได้
ผลของค่ายกลนี้ มันได้ผลดีผิดจากที่เขาคาดไว้ไม่น้อย มันไม่เพียงแต่ทำลายค่ายกลหลบหนีของมนุษย์กิ้งก่าเหล่านี้เท่านั้น แต่มันยังผูกมัดมนุษย์กิ้งก่าเหล่านี้ไว้ทั้งหมดด้วย ซึ่งทำให้พวกมันไม่สามารถหลบหนีได้
“ใช้ได้ผลก็ดีแล้ว ไม่ได้มาเสียเที่ยว ลงมือ!”
ด้วยคำสั่งจากชายวัยกลางคนที่มีกระแสปราณรอบกาย ทั้งสามพลันรีบพุ่งเข้าไปในค่ายกล
เมื่อชัดดาบออกมาพลันมีเสียงหวีดแหลมคม เปลี่ยนมนุษย์กิ้งก่าทั้งหกตนให้กลายเป็นซากร่างไร้ชีวิต!
“แล้วกองทัพมอนสเตอร์พวกนี้ล่ะ?”
ชายชราร่างเล็กเอ่ยถาม
“ฆ่า! ฆ่าให้มากที่สุด!”
ชายวัยกลางคนพูดอย่างสงบนิ่ง
ทันใดนั้น ทั้งสามคนก็ขี่ดาบของพวกเขา และพวกมันก็พุ่งผ่านพื้นที่ระดับสี่ด้วยความเร็วที่เร็วมาก
ทุกที่ที่บินผ่าน พลันมีสายเลือดรินไหล
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสามคนที่กำจัดมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้ ๆ ได้รวมตัวกันเหนือท้องฟ้านอกป่าหินที่อยู่ลึกเข้าไปในพื้นที่ระดับสี่
“เคลียร์พื้นที่ส่วนนี้ก่อน มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด มอนสเตอร์เหล่านี้ไม่ได้ตกอยู่ในความบ้าคลั่งจริง ๆ ดูเหมือนว่าพวกมันแค่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลบางอย่างเท่านั้น”
ชายวัยกลางคนผู้มีกระแสปราณรอบกายกำลังอยู่บนดาบของเขา พร้อมกับเหลือบมองไปยังป่าหินเบื้องล่าง “ตามข้อมูลที่ได้รับมา หินสีเขียวที่ทำให้รู้สึกเลือดเดือดพล่านนั่น น่าจะอยู่ด้านล่าง”
ทั้งสามทะยานเข้าไปในป่าหิน และได้ขุดเจอแร่หินสีเขียวเรืองรองจากพื้นดิน ดังนั้นจึงนำมันกลับไปเพื่อทำการวิจัยทันที
……
ที่แห่งหนึ่ง
ในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์
ชายวัยกลางคนสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวผู้มีผมยาวเป็นลอนธรรมชาติ เดินออกจากห้องวิจัยอย่างรวดเร็วขณะพลิกดูสมุดบันทึก
“หลี่จื้อหง”
ทันใดนั้นมีเสียงเรียกดังลอยมา ดูเหมือนชายวัยกลางคนจะไม่ได้ยินจึงเดินต่อไปอย่างรวดเร็ว
“หลี่จื้อหง!”
เสียงเดิมยังคงร้องเรียก แต่ชายวัยกลางคนยังคงไม่หยุดฝีเท้า ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ขณะเดิน
พลั่ก!
ชายวัยกลางคนได้เดินชนกับใครบางคนและหยุดฝีเท้าลงในที่สุด
“หลี่จื้อหง!!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]