บทที่566 ตัดออกไปแล้ว
ในเวลานี้ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดกระโปรงสีขาวเดินออกมาจากด้านใน
เธอก้มหัวทักทายท่านผู้ชมก่อน จากนั้นถือไมโครโฟนขึ้นมาแล้วเริ่มบรรยาย “นี่คือเรื่องราวยุคปฏิวัติของสาธารณรัฐประชาชนจีน สถานที่เกิดเหตุอยู่ในเมืองเมืองหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ วันหนึ่ง ดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้นจากขอบฟ้า”
เมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นพูดจบ เธอถือไมโครโฟนแล้วเดินไปขอบเวที จากนั้นผ้าม่านหน้าเวทีค่อย ๆ เปิดออก
เริ่มที่ฉากตลาดที่อยู่หน้าบ้านเศรษฐีหลังหนึ่ง
หน้าประตูบ้านคนรวยนั้นมีคนสัญจรไปมามากมาย จากนั้นมีชาวนาหลายคนกำลังนั่งขายผักอยู่บนพื้นใต้กำแพงเก่า ๆ แห่งหนึ่ง
ในหมู่นักแสดง จ้าวจิ้งอี๋รับบทเป็นสาวสวยขายเต้าหู้ เธอเฝ้าร้านไปด้วยแล้วตะโกนขายไปด้วย “เชิญซื้อเต้าหู้จ้า เต้าหู้สด ๆ ใหม่ ๆ จ้า......”
“คุณนายตระกูลหลี่จะออกเดินทางแล้ว......” มีเสียงตะโกนขึ้นมา
ประตูบานใหญ่กลางเวทีก็ค่อย ๆ เปิดออกจากด้านใน
ทุกคนเห็นหยางหยางกำลังยืดเอวอยู่ด้านในประตูนั้น หลังจากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นแล้วก้าวออกจากประตู
เขาจัดทรงผม‘แหวกกลาง’ ไม่รู้ว่าใส่เจลไปเท่าไหร่ เมื่อยืนอยู่ใต้แสงไฟก็สามารถเห็นทรงผมที่เงาวับ
แว่นตากรอบกลมสีดำสวมอยู่บนใบหน้าขาวใสของเขา
เขาแต่งตัวชุดจีนโบราณสีน้ำตาลเข้ม
และในมือข้างหนึ่งถือด้ามจิ้วที่ยังไม่เปิดออก ส่วนอีกข้างถือกรงนกไว้
จากนั้นมีชายสองคนสวมชุดจีนโบราณสีขาวเดินตามหยางหยางออกมา ชายสองคนไว้ทรงแหวกกลางแล้วมีสติ๊กเกอร์พลาสเตอร์สุนักแบบไว้บนหน้าผาก
อย่าหาว่าเขาแต่งตัวเฉยกัน เพราะการแต่งตัวของหยางหยาง และสีหน้าท่าทางของเขา มันแสดงออกถึงความเป็นเฒ่าแก่ในยุคโบราณของประเทศจีนเชียวนะ
แต่ว่า......ทำไมดูเขายังไงก็ไม่เหมือนคนดีเอาซะเลย
กู้ฮอนเหลือบมองไปที่เป่หมิงโม่ แล้วเห็นเขากำลังมองที่หยางหยาง ทำให้เส้นประสาทบนใบหน้าของเขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกเล็กน้อย
อย่าหาว่าโม้เลย เพราะการแต่งตัวของหยางหยางมันเหมือนคุณชายไม่ผิด
เขายืดอกขึ้นมาด้วยความมั่นใจ แล้วพาลูกน้องสองคน เดินมองซ้ายมองขวาตามท้องตลาด
เดินเข้าไปหยิบของเล่นที่ร้านตาลุงขายอยู่มาเล่น แล้วหันไปหยิบดอกไม้สดที่ป้าคนหนึ่งวางขายอยู่มาดม ท่านผู้ชมไม่สามารถจับผิดการแสดงของเขาได้เลยจริง ๆ
แม้กระทั่งครูหลี่ที่ยืนกังวลจนเหงื่อแตกแทนหยางหยางยังรู้สึกผิดปกติ เพราะหยางหยางบนเวทีในวันนี้ มันช่างต่างกับหยางหยางที่ซ้อมการแสดงในเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง
จากนั้นสาวน้อยที่ยืนอยู่ขอบเวทีถือไมโครโฟนขึ้นมาแล้วเริ่มอ่านบทบรรยายต่อ :
ตระกูลหลี่เป็นตระกูลร่ำรวยที่สุดในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ และนับว่าเป็นตระกูลที่จิตใจบุญที่สุด แต่ว่าคุณชายตระกูลหลี่นั้นไม่ใช่เช่นนั้น ปกติของเขาถ้าไม่ไร้สาระอยู่ในบ้านก็จะออกมาข่มขู่รังแกชาวบ้านไปทั่ว ซึ่งพฤติกรรมที่เลวร้ายของเขามันกลายเป็นคำนินทาของชาวบ้านทุก ๆ คน......
หยางหยางที่กำลังแสดงอยู่บทเวทีนั้น เมื่อได้ยินคำบรรยายนี้ก็หน้าบึ้งขึ้นมาทันที รู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ เพราะเขาจำได้ว่าในสคริปต์นั้น คุณชายตระกูลหลี่เป็นคนน่ารัก เป็นคนเอาใจใส่ผู้อื่น และเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านทุกคน
เมื่อเขาได้พบกับสาวน้อยที่ขายเต้าหู้อยู่ในเมืองนั้น ทั้งสองก็ได้ตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบ
แต่เนื่องด้วยทั้งสองครอบครัวมีความแตกต่างทางฐานะมากไป ตระกูลหลี่จึงไม่เห็นด้วยกับเขา
แต่แล้วเขาทั้งสองได้ยืนหยัดและฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมด จุดจบของนิทานเรื่องนี้คือเขาทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน
แล้วนี่ มีคนเปลี่ยนบทไปเหรอ ทำไมไม่แจ้งเขาเลย......จะให้ข้าแสดงตัวร้ายงั้นเหรอ ได้สิ อยากหยุดดาวเหรอ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
ไม่เพียงแต่หยางหยางคิดอยู่คนเดียว ครูหลี่ก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน แต่เมื่อมองไปที่ท่านผู้ชมและผู้หลักผู้ใหญ่ที่กำลังรับชมการแสดงอยู่ ถ้าสั่งหยุดตอนนี้คงหมดกัน นี่อาจจะเป็นจุดสิ้นสุดของอาชีพวิชาการของครูก็เป็นไปได้
ก็ต้องตามนั้นแล้วล่ะ อยู่ที่ว่าพวกเขาจะแสดงยังไงต่อละ ไหน ๆ ก็มาถึงจุดนี้แล้ว ความรู้สึกของครูหลี่ตอนนี้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ดูเหมือนว่าเธอเริ่มคิดถึงการย้ายข้าวของออกจากโรงเรียนแห่งนี้ และเริ่มวางแผนการงานในอนาคตของเธอใหม่แล้ว บางทีอาจมีภาพที่ตัวเองนั่งขายของบนพื้นอยู่แถวตลาดที่ไหนสักที่......
กู้ฮอนที่นั่งอยู่ด้านล่างเวทีก็ตะลึงจนพูดไม่ออกเหมือนกัน เดิมทีให้หยางหยางแสดงตามบทก็ยากพอสมควรแล้ว และตอนนี้ บทถูกแก้ไขกระทันหันแบบนี้จะให้เขาแสดงต่อยังไงกัน
เธอแอบมองเป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นเขาหรี่ตาแล้วจ้องมองแต่หยางหยาง บางทีในสมองเขาอาจจะกำลังคิดว่า หลังจบการแสดงกลับไปจะจัดการกับเด็กแสบคนนี้อย่างไร
หยางหยางเปลี่ยนบุคลิกการแสดงกระทันหัน เมื่อเขาเดินไปถึงร้านขายขนมปังปิ้ง ตามบทแล้วเขาต้องหยิบเงินออกมาซื้อ ในเมื่ออยากให้เล่นเป็นตัวร้ายใช่ไหม เดี๋ยวจะทำให้ดู
จากนั้นหยางหยางยื่นมือไปหยิบขนมชิ้นใหญ่มากิน อื้ม รสชาติดีมาก ไม่คิดว่าขนมที่เอามาแสดงจะอร่อยขนาดนี้ พูดตามตรงตอนนี้เขาก็รู้สึกหิวแล้ว
เมื่อนักแสดงตัวน้อยที่ขายขนมปังปิ้งเห็นหยางหยางไม่ได้เล่นตามบท เขาจึงเตือนหยางหยาง ยื่นมือออกมา “นี่ ๆ ...... คุณชายหลี่ คุณทานแล้วทำไมไม่จ่ายเงินล่ะ”
หยางหยางกลอกตาขาวใส่ แล้วนำขนมที่เพิ่งกินไปคำเดียวฟาดลงบนพื้น แล้วยังใช้เท้าเหยียบขนมปังนั้น
เขาจ้องหน้าด้วยความหยิ่งผยอง “ขนมปังเน่า ๆ แบบนี้ ต่อให้ข้าพังร้านของนายทั้งร้านก็จะไม่จ่ายหรอก” เมื่อพูดเสร็จ เขาใช้ท้าวเตะขนมปังนั้นทิ้ง แล้วกวักมือเรียกลูกน้องสองคนนั้นเข้ามาจับตัวนักแสดงตัวน้อยนั้นไว้
“โอ้ย พวกนาย…...” เขากำลังจะพูดว่า ‘พวกนายทำไมไม่เล่นตามบท’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดิมพันรักยัยตัวแสบ