Talk เมเบล
ฉันใช้อยู่อยู่ที่นี่ประมาณ 1เดือน ได้แล้วแหละ แรกๆ มันก็ดีมากเพราะทุกอย่างดูแปลกใหม่ไปหมด แต่พอผ่านไปซักหนึ่งอาทิตย์ฉันก็เริ่มเบื่อ คงเป็นเพราะที่นี่ไม่มีใครเลย แถมยังไม่มีโทรศัพท์ ถึงมีก็ไม่มีสัญญาณอยู่ดี มีความคิดอยากจะกลับกรุงเทพเหมือนกันนะ
แต่พอคิดถึงหน้าคุณป๋ามันก็ทำให้ฉันล้มเลิกความคิดที่จะกลับกรุงเทพทันที
ตอนนี้ฉันปรับตัวได้แล้ว พยายามหาอะไรทำ อย่างเช่นปลูกผัก ปลูกดอกไม้บริเวณรอบๆ บ้าน ทำให้สนุกขึ้นมาก ยิ่งเวลาที่ได้เห็นการเจริญเติบโตของพืชผักและดอกไม้ที่ตัวเองปลูก ยิ่งทำให้ฉันมีความสุข
พรุ่งนี้ฉันว่าจะเข้าไปในเมืองสักหน่อย อยากไปหาซื้อของใช้ที่มันจำเป็นแล้วก็พวกเนื้อสัตว์เอามาแช่ตู้เย็นไว้ คนงานของพี่ดินจะขึ้นมาที่นี่สองสามวันครั้งหนึ่ง เวลาต้องการอะไรก็สั่งเขาจะซื้อมาให้ แต่ครั้งนี้ฉันอยากไปดูด้วยตัวเองดีกว่า
ในตอนนี้ฉันกำลังนอนดูดาวอยู่ตรงระเบียงห้อง วันนี้ดาวสวยมากเลยนะ หลังจากที่ฝนตกติดกันมาหลายวัน วันนี้อากาศก็ปลอดโปร่ง
ถ้าถามว่าตอนนี้หัวใจของฉันดีขึ้นหรือยัง คงจะพูดไม่ได้เต็มปากว่ามันดีขึ้นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ก็ดีขึ้นมาก
ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าต่อไปนี้ฉันจะกล้าเปิดใจมีความรักกับใครอีกหรือเปล่า ความรักมันน่ากลัวมากจริงๆ
วันต่อมา…
ฉันตื่นเช้าเดินลงมาจากเขา เดินคนเดียวนะ ด้วยความที่ฝนไม่ตกทางจึงเดินได้ง่ายขึ้นมาหน่อย แต่ดินโคลนก็ยังลื่นๆ อยู่บ้าง
เมื่อเดินลงมาถึงบ้านคนงานของพี่ดิน เขาก็เตรียมรถเอาไว้รอแล้ว
“คุณดินฝากบอกว่าอีกสองวันจะมาเยี่ยมนะคะ”
“ค่ะ ^_^”
ป้าขาวเป็นคนที่ฉันคุยด้วยบ่อยที่สุด เพราะป้าขาวมักจะเอาของใช้ไปให้ที่บ้านประจำ ความคุ้นชินทำให้ฉันสนิทสนมกับป้าขาวเป็นพิเศษ
ส่วนลุงเขียวเป็นคนขับรถ ลุงเขียวเป็นสามีของป้าขาวน่ะ แล้วทั้งคู่ก็เป็นหัวหน้าคนงานไร่ชาของพี่ดิน
“จากตรงนี้ไปในเมืองกี่กิโลคะ ?” ฉันถามลุงเขียว
“ห้าสิบกิโลได้มั้งหนู ไกลหน่อย”
“…อ๋อ” ฉันพยักหน้ารับ
“หนูไม่อยากกลับกรุงเทพบ้างหรอ อยู่ที่นี่มันลำบากนะ” ป้าขาวถามฉัน
“ไม่หรอกค่ะ อยู่ที่นี่ถึงจะลำบากก็ลำบากแค่ตัว แต่อยู่ที่กรุงเทพมันทำให้ลำบากใจ ^_^” พูดจบฉันก็ยิ้มเพราะไม่อยากให้คนอื่นต้องมาคิดมากด้วยกับคำพูดของฉัน
“ไม่คิดว่าวัยรุ่นๆ แบบหนูจะอยู่ในที่แบบนี้ได้ ป้าชื่นชมจริงๆ ^_^”
ระหว่างทางป้าขาวชวนฉันคุยไปเรื่อยไม่หยุดปาก จริงๆ ฉันไม่ใช่คนที่ชอบพูดคุยอะไรมากนักบางครั้งจึงได้แค่ยิ้มตาม
#ตัวเมือง
สุดท้ายเราก็มาถึงที่ตัวเมืองสักที ที่นี่คนค่อนข้างพลุ่งพล่านมากพอสมควร แถมรถก็เยอะอีกต่างหาก
“ไปค่ะ เดี๋ยวป้าพาไปหาเดินดูของ” ป้าขาวบอกกับฉัน ก่อนจะสั่งให้ลุงเขียวอยู่เฝ้ารถ
ฉันเดินตามป้าขาวไปเรื่อยๆ ตลอดทางเห็นอะไรที่ถูกใจก็ซื้อ เงินที่ฉันใช้คือเงินที่คุณป้าเคยโอนมาให้ในแต่ละเดือน และฉันก็ไม่ได้คิดจะโอนเงินคืนเพราะถ้าทำแบบนั้นตัวฉันจะอยู่ยังไง ยุคนี้สมัยนี้งานก็ไม่ได้หากันง่ายๆ อีกทั้งงานอะไรฉันก็ไม่เคยทำ นอกจากปลูกผักปลูกดอกไม้นี่แหละ
“แถวนี้มีร้านขายดอกไม้มั้ยคะ ?”
“จะซื้ออีกแล้วหรอหนู อาทิตย์ก่อนป้าเพิ่งซื้อไปให้เองนะ”
“หนูลงไปช่วยลุงคุยหน่อยลุงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร เดี๋ยวจะไปพูดผิดหูเขาเข้า”
“ได้ค่ะๆ” ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถเพื่อไปช่วยลุงเขียวคุยกับคู่กรณี
เมื่อเดินไปใกล้ๆ รถของคู่กรณี ขาของฉันมันก็ต้องหยุดชะงัก พร้อมกับหัวใจดวงน้อยที่มันเต้นรัว เมื่อเห็นแผ่นหลังของผู้ชายตรงหน้าที่กำลังยืนคุยกับลุงเขียวอยู่
ฉันไม่ได้คิดไปเอง แต่แผ่นหลังตรงหน้านั้นมันเหมือนกับแผ่นหลังของคุณป๋าไม่มีผิด ฉันจำได้แม่น
ทะ ทำไมถึงเป็นคุณป๋าได้ ทะ ทำไมคุณป๋าถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วรถบนถนนนี้มีตั้งกี่ร้อยคัน ทำไมต้องมาเฉี่ยวกับรถที่คุณป๋าขับ
เมื่อตั้งสติได้ฉันก็รีบหันหลังเพื่อจะเดินไปที่รถ แต่แล้วเสียงทุ้มเข้มที่คุ้นเคย ก็ส่งเสียงเรียกชื่อฉัน
“เมเบล”
เสียงนี้ทำให้ฉันชะงักอีกครั้ง บ้าจริง!! ก้าวขาเดินไปสิ จะมายืนตัวแข็งทื่อแบบนี้ทำไมกัน
หมับ!! แขนของฉันถูกมือหนาคว้ามาจับ ก่อนจะดึงให้ฉันหันหน้าไป ผู้ชายตรงหน้าเป็นคุณป๋าจริงๆ ฉันรีบสะบัดมือออกทันทีก่อนจะถอยหลังหนี
“มะ เมเบล เธอจริงๆ ด้วย”
ทั้งที่ฉันถอยหนีมาแล้ว แต่คุณป๋ากลับพุ่งตัวมากอดฉันแน่น ฉันทั้งพยายามดิ้น พยายามผลักตัวของคุณป๋าออก แต่การทำแบบนั้นมันยิ่งทำให้คุณป๋ากอดแน่นขึ้นเป็นเท่าตัว
“จะด่าจะว่าฉันยังไงก็ได้ ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เธอหนีหน้าแบบนี้อีกแล้วเมเบล…” คุณป๋าพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
สมองของฉันพลันคิดถึงเหตุผลในวันนั้น ภาพมันค่อยๆ ผุดขึ้นมาในหัวเรื่อยๆ ทั้งที่ฉันพยายามจะลืมทุกอย่างแล้วแท้ๆ จะโผล่หน้ามาตอกย้ำลอยแผลในใจของฉันอีกทำไม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เด็กดื้อของคุณป๋า Nc20+
มีต่อไหมค่ะสนุกมากอยากอ่านต่อ...
มีต่อไหมครับ...