เหมยฮวาบัญชาการ นิยาย บท 6

ทัพไป๋หู่วิ่งหนีล้มลุกคลุกคลานถอยกลับสู่ที่มั่น โดยมีทัพต้าเจาไล่ตามมาติด ๆ ส่วนจินเกาหยางนั้น หลังตีฝ่าพาทหารของตนออกจากวงล้อมของข้าศึกได้สำเร็จ แม่ทัพหนุ่มก็ถอยกลับมารั้งท้าย ให้เหล่าพลทหารรุดหน้านำไปก่อน ฝูซิ่นฮวายืนมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดจากหอสังเกตการณ์ที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ นางเห็นกองทัพของตนกำลังควบม้ามุ่งหน้ากลับมายังฐานทัพ ทันใดนั้นกุนซือสาวก็ยิ้มที่มุมปาก

ทุกครั้งในการรบ นางเท่านั้นที่เป็นผู้บัญชาการศึก ไม่ว่าศัตรูหน้าไหนก็อย่าหวังจะบัญชาการให้นางทำตามความต้องการของพวกมันได้

“เตรียมตัวตั้งรับ” น้ำเสียงของฝูซิ่นฮวาแทบจะเป็นเสียงกระซิบ ทว่าหนักแน่นดุดัน น่าเกรงขาม จนคนฟังที่เป็นคนสนิทของนางแท้ ๆ ยังรู้สึกขนลุกไปทั้งร่าง

“เตรียมตัวตั้งรับ!” นายกองที่คอยคำสั่งอยู่หันไปตะโกนสั่งการต่อจากฝูซิ่นฮวา

ทหารกล้าแห่งทัพไป๋หู่นั่งตัวตรงอยู่บนหลังม้า กระชับอาวุธในมืออย่างมั่นคง เตรียมพร้อมต่อสู้กับทหารต้าเจาที่จินเกาหยางวางแผน ‘ลวง’ มาให้

จินเกาหยางรั้งท้ายกองทัพของตน รอจนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าทหารต้าจินทั้งหมดเข้าสู่เขตแดนที่วางแผนไว้ แม่ทัพหนุ่มจึงยิงพลุขึ้นฟ้า

ทันทีที่พลุไฟถูกจุด ธนูของต้าจินก็พุ่งออกมาจากทุกทิศทุกทางของป่า พุ่งเข้าใส่ทหารต้าเจาอย่างไม่ปรานี กว่าเสวียนชิวจะรู้ตัวว่าถูกลวงออกจากฐานที่มั่น ตัวเขาและกองทัพก็ตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูเสียแล้ว

‘เสืออยู่ในถ้ำเมื่อใดก็แข็งแกร่ง หากจะจัดการกับเสือก็ต้องลวงให้มันออกจากถ้ำให้ได้’ จินเกาหยางพูดกับฝูซิ่นฮวาขณะวางแผนการศึก

‘ท่านพูดราวกับมีแผนอยู่ในใจ’ ฝูซิ่นฮวาถาม

‘ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้จักกลยุทธ์ยามพ่ายดี’

ฝูซิ่นฮวามองจินเกาหยางอย่างไม่ไว้ใจ ‘ท่านคงมิได้หมายถึง...’

‘กลยุทธ์ทุกข์กาย ข้าจะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้เสวียนชิวตามมาติดกับ’

‘ท่านมันบ้าไปแล้ว!’ นางพูดเสียงดังอย่างที่แทบไม่เคยใช้กับใคร ‘ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่ หากพลาดพลั้งเกิดอะไรขึ้นกับท่าน จะให้ข้าขี่ม้านำทัพออกศึกแทนท่านหรือไร!’

ทว่าจินเกาหยางกลับยิ้ม

‘ข้าขอบคุณในความเป็นห่วงของกุนซือ แต่หากไม่ใช่ข้า เกรงว่าเสวียนชิวจะไม่ยอมเชื่อ’

‘ท่านก็เลยคิดจะให้เสวียนชิวเชือดเล่นสักแผลสองแผลอย่างนั้นหรือ!’

‘ก็คงอย่างนั้น’

‘ท่านมันบ้าไปแล้ว เว่ยหยางอ๋อง!’

‘ฝูซิ่นฮวา’ จินเกาหยางจับที่บ่าข้างหนึ่งของนาง ‘ไหนเจ้าบอกว่าเชื่อใจข้า’

‘ข้าอยากจะถอนคำพูดนั้นยิ่งนัก!’ นางชักเสียงแข็งใส่ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด น้ำเสียงแข็ง ๆ ของนางจึงทำให้จินเกาหยางอารมณ์ดีจนน่าโมโห

‘เอาเถิด ข้าสัญญาว่าจะต้องกลับมาพบเจ้าอีกครั้งอย่างแน่นอน’

‘เฮอะ!’ ฝูซิ่นฮวาแค่นหัวเราะ

‘เชื่อใจข้า ข้าสาบานด้วยเกียรติทั้งหมดที่มีว่า ข้าจะกลับมาให้เจ้าบัญชาการจนกว่าจะเอาชนะต้าเจาได้’ จินเกาหยางพูดอย่างหนักแน่น ฝูซิ่นฮวามองสบตาเขาครู่หนึ่ง แม้นางจะไม่เห็นด้วยกับกลยุทธ์ทุกข์กายนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันอาจเป็นทางเดียวที่จะล่อให้เสวียนชิวออกมาติดกับได้

ฝูซิ่นฮวาถอนหายใจ ‘เช่นนั้นก็ทำตามแผนที่เราคุยกันไว้แต่แรก’

แผนการของฝูซิ่นฮวาและจินเกาหยางคือการส่งคนลอบไปที่ด้านหลังเมืองตามที่แม่ทัพหนุ่มเสนอ ข้าศึกจะต้องคิดว่ากองทัพที่อยู่หน้าประตูเป็นทัพที่ต้าจินใช้ถ่วงเวลา เพื่อลอบโจมตีเมืองจากทางด้านหลัง และต้าเจาจะต้องเตรียมรับมือที่หลังเมืองฮุยเจาเป็นอย่างดี ยามนั้นทหารต้าจินจะทำทีเป็นพ่ายแพ้กลับมาหาแม่ทัพที่อยู่หน้าประตูเมือง ในขณะที่แม่ทัพผู้สวมเพียงเสื้อเกราะอ่อนก็จะยอมถูกทำร้าย เพื่อให้ศัตรูตายใจว่าพวกเขาพ่ายแพ้ ต้องพากันหนีตายกลับเข้าที่มั่น ให้พวกมันตามมาสู่เขตแดนแห่งความตายด้วยตัวเอง

ทหารต้าเจาที่ถูกยิงด้วยธนูล้มตายเกลื่อนกลาด จินเกาหยางหันม้ากลับมารอตั้งรับศัตรู ทหารกล้าที่ก่อนหน้านี้ทำทีเป็นหนีตายต่างก็ชักม้ากลับมายืนหยัดเคียงข้างแม่ทัพของตน

เสวียนชิวแทบจะมอดไหม้ด้วยไฟโทสะ รัชทายาทหนุ่มควบม้านำหน้าทหารต้าเจาที่รอดชีวิตมุ่งมาหาจินเกาหยางด้วยความเคียดแค้น!

จินเกาหยางรับทวนคู่กายจากพลทหารมาถือไว้ในมือ ก่อนจะควบม้าเข้าหาเสวียนชิวอย่างไม่เกรงกลัว

“บุก!”

ฝ่ายฝูซิ่นฮวาที่อยู่บนหอสังเกตการณ์ เห็นข้าศึกต้องกลก็เผยรอยยิ้มเย็นออกมา ครั้นเมื่อนางเห็นจินเกาหยางเข้าปะทะกับข้าศึก จึงหันไปพยักหน้าให้นายกองที่คอยท่าอยู่

“บุก!” เสียงนายกองตะโกนสั่งการ พลทหารส่งเสียงเฮดังก้อง

ทหารกล้าแห่งทัพไป๋หู่ที่อยู่ในฐานที่มั่นเร่งควบม้าออกไปสมทบกับจินเกาหยาง ทัพต้าเจาที่เคยกระหยิ่มยิ้มย่องว่าสามารถขับไล่ทหารต้าจินได้ บัดนี้ขวัญเสียจากการถูกโจมตีอย่างดุดัน เริ่มลังเลว่าตนควรจะถอยกลับเข้าที่มั่นหรือเดินหน้าต่อสู้ต่อไป

จินเกาหยางที่บาดเจ็บตรงเข้าต่อสู้กับเสวียนชิวที่กำลังขาดสติ ครั้งนี้ทวนในมือของจินเกาหยางมั่นคงกว่าคราแรกที่ปะทะกัน เสวียนชิวจึงตระหนักได้ว่าแม่ทัพผู้นี้หาได้เชี่ยวชาญด้านการใช้ทวนน้อยไปกว่าตน แต่เป็นกลลวงของฝ่ายนั้นที่แสร้งยอมให้ตัวเองบาดเจ็บ

เสวียนชิวพยายามใช้ข้อได้เปรียบในการที่ร่างกายของตนมิได้บาดเจ็บเช่นจินเกาหยางในการต่อสู้กับอีกฝ่าย หากจินเกาหยางนั้นคำนวณพละกำลังที่เหลือของตนในการปะทะครั้งนี้มาเป็นอย่างดีแล้ว ใช่ว่าเขาไม่เคยออกรบ ไม่เคยบาดเจ็บ จะได้ไม่รู้จักประมาณกำลังของตน จินเกาหยางตั้งรับอีกฝ่ายได้ทุกกระบวนท่า เขาตั้งรับมากกว่าโจมตีเพื่อหาจุดอ่อนของอีกฝ่าย และจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเสวียนชิวขณะนี้ก็คือความโมโหที่ทำให้ขาดสติ จนเปิดช่องว่างให้จินเกาหยางได้โอกาสโจมตี

เสวียนชิวถูกจินเกาหยางเล่นงานจนตกจากหลังม้า แม่ทัพแห่งต้าจินกระโดดลงจากหลังม้าเพื่อต่อสู้กันให้สมศักดิ์ศรี ทั้งสองชักกระบี่ออกมาสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร จินเกาหยางได้เรียนรู้จากเสวียนชิวว่า ความโกรธคือไฟที่จะเผาไหม้ตนเอง เพราะยิ่งเสวียนชิวโกรธมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเผยจุดอ่อนให้จินเกาหยางโจมตีได้มากเท่านั้น

ในที่สุดเสวียนชิวก็พลาดท่า ต้องคมกระบี่ของจินเกาหยาง ที่แทงทะลุแขนส่วนที่ไม่มีเกราะของเขา!

ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั้งแขนของแม่ทัพแห่งต้าเจา และยิ่งเจ็บมากขึ้นเมื่อจินเกาหยางกระชากกระบี่กลับคืนมา เหล่าพลทหาร นายกอง รองแม่ทัพ เมื่อเห็นแม่ทัพของตนกำลังจะพ่าย ก็รีบตรงเข้าช่วยเสวียนชิว

“ถอยทัพ!” รองแม่ทัพต้าเจาตะโกนสั่ง “ถอยทัพ!”

แม้จะสั่งการเช่นนั้น พวกเขาก็ไม่มีที่มั่นให้ถอยกลับไป เมื่อทหารแห่งทัพไป๋หู่อีกส่วนหนึ่ง เข้ายึดเมืองฮุยเจาได้สำเร็จตามแผนที่วางไว้

ในที่สุดทัพต้าเจาก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกเมืองฮุยเจา!

จินเกาหยางขี่ม้ากลับเข้ามาในค่าย เห็นฝูซิ่นฮวายืนรออยู่ก็รีบกระโดดลงจากหลังม้าแล้วเดินเข้ามาหานางช้า ๆ ทั้งสองยกมือคนละข้างขึ้นในระดับอก ก่อนจับมือกันด้วยมิตรภาพ

“ข้าบอกแล้วว่าจะต้องกลับมาหาเจ้าอีกครั้ง” จินเกาหยางยิ้ม “และข้าทำตามสัญญาเสมอ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ