เหมยฮวาบัญชาการ นิยาย บท 92

การรวมแคว้นของต้าจินและต้าเจาผ่านมาได้สามปีแล้ว ประชาชนทั่วหล้าต่างมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ เนื่องด้วยจินเกาหยางทุ่มเทแรงกายแรงใจไม่รู้เท่าไร ในการสร้างเมืองที่ถูกเผาทำลายขึ้นมาใหม่ รวมทั้งเยียวยาผู้คนทั่วต้าเจาที่ได้รับความเดือดร้อนในช่วงที่เสวียนหานเฟิงเป็นฮ่องเต้ปกครองต้าเจา บางครั้งจินเกาหยางก็ไปเยือนต้าเจาด้วยตนเอง เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าในการฟื้นฟูเมืองและช่วยเหลือเรื่องสภาพจิตใจ รวมไปถึงสภาพความเป็นอยู่ของผู้คน ทำให้เขาสามารถครองใจประชาชนทั้งสองแคว้นเอาไว้ได้

ส่วนฝูซิ่นฮวานั้นก็เพิ่งคลอดบุตรชายคนที่สองนาม ‘จินหย่งจื้อ’ เป็นเด็กรูปร่างอ้วนท้วนแข็งแรง สมบูรณ์ไม่แพ้คนพี่ที่อยู่ในวัยเริ่มเดินเริ่มวิ่งแล้ว ฝูซิ่นเล่อจึงลดภาระหน้าที่ในฐานะกุนซือของนางลง อะไรที่เขาขบคิดหรือตัดสินใจเพียงคนเดียวได้ เขาก็จะตัดสินใจด้วยตนเอง เพื่อให้ผู้เป็นพี่ได้ใช้เวลาอยู่กับการดูแลโอรสทั้งสอง แต่กระนั้นเขาก็หาได้ลดความสำคัญของฝูซิ่นฮวาในกองทัพลง ยามนี้ทัพไป๋หู่จึงยังคงมี ‘ฮองเฮา’ เป็นกุนซือให้แก่กองทัพ

โดยรวมแล้วชีวิตแต่ละวันในการเป็นฮ่องเต้ของจินเกาหยางไม่มีอะไรให้เดือดร้อนวุ่นวายใจนัก นอกจากรบกับขุนนางในราชสำนักช่วงเช้า รบกับงานช่วงกลางวัน รบกับโอรสทั้งสองช่วงเย็น และรบกับฮองเฮาช่วงค่ำ

หลังคลอดองค์ชายรอง จินเกาหยางก็ไม่ยอมให้ฝูซิ่นฮวาหลอกให้เขารอถึงสามเดือนซ้ำเป็นครั้งที่สอง ทันทีที่นางพร้อม เขากับนางก็แสดงความรักฉันสามีภรรยาได้ตามปกติ เป็นเหตุให้หกเดือนต่อมาฝูซิ่นฮวาก็ตั้งครรภ์ลูกคนที่สาม ทว่าแม้ฝูซิ่นฮวาจะมีโอรสถึงสององค์ และยังมีบุตรที่อยู่ในครรภ์อีกคน บรรดาขุนนางทั้งหลายก็ยังไม่วายหาเรื่องมาให้จินเกาหยาง โดยการพยายามสรรหาหญิงงามส่งมาให้เขาเลือกเข้าฝ่ายใน โดยใช้ข้ออ้างเดิม ๆ ว่าเพื่อให้เขามีทายาทในการสืบทอดราชบัลลังก์

“บัลลังก์ข้ามีเพียงหนึ่งเดียว พวกเจ้าจะให้ข้ามีลูกสักกี่คน หากยังไม่เลิกวุ่นวายกับเรื่องหลังบ้านของข้า ระวังเถิด ข้าจะลงไปวุ่นวายกับเรื่องหลังบ้านของพวกเจ้าบ้าง” จินเกาหยางกล่าวเมื่อมีขุนนางเสนอให้เขาเลือกสรรหญิงงามไปเป็นสนม

แล้วจินเกาหยางก็ทำจริงตามที่พูด ผู้ใดไม่หยุดวุ่นวายเรื่องการหาสตรีมาให้เขา เขาก็จะจัดการพระราชสมรสให้บุตรชายหรือบุตรีของขุนนางผู้นั้นไปไกลถึงชายแดน หรือแต่งออกไปต่างแคว้น ร้ายสุดคือให้บุตรของขุนนางที่ไม่ถูกกันแต่งกันเสียเอง เขาจึงได้สงบหูเรื่องสตรีลงได้

ส่วนฝูซิ่นเล่อยามนี้มีบรรดาศักดิ์เป็น ‘จิ้นอิ๋งโหว’ และยังเป็นแม่ทัพที่อายุน้อยที่สุดของต้าจิน นอกจากนี้แม่ทัพหนุ่มที่หญิงสาวทั้งต้าจินต่างหมายปอง ยังมีข่าวลือกับ ‘สตรีแปลกพิกลคล้ายหญิงวิปลาส’ ที่เขาอ้างว่าเป็นญาติห่าง ๆ แล้วพาเข้ามาอยู่ในจวน

จินเกาหยางและฝูซิ่นฮวาเคยได้พบสตรีที่ว่านั้นแล้ว ฝูซิ่นเล่อเรียกนางว่าเหลียนเอ๋อร์ ในขณะที่จินหย่งไท่เรียกนางว่าน้าเหลียน สำหรับฮ่องเต้และฮองเฮา เหลียนเอ๋อร์มิได้เป็นสตรีแปลกพิกลหรือเป็นหญิงวิปลาสแต่อย่างไร นางเพียงแค่มีนิสัยเหมือนเด็กที่ยังไม่โต ชอบเล่นซนเหมือนเด็ก ทั้งยังไม่มีความเหนียมอายเช่นสตรีทั่วไป บางคนกล่าวว่านางไร้ยางอาย ไร้มารยาท และขาดการอบรมสั่งสอน แต่จินเกาหยางกับฝูซิ่นฮวากลับมองว่านางน่าเอ็นดู เพราะนิสัยที่ชอบทำอะไรโผงผาง รู้สึกเช่นไรก็แสดงออกมาเช่นนั้น และก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เพียงจินเกาหยางและภรรยาที่เอ็นดูนาง แต่ตัวฝูซิ่นเล่อเองก็ดูเหมือนจะชมชอบนางอยู่ไม่น้อย แม้ว่าตัวเขาจะปากไม่ตรงกับใจ ชอบเรียกนางว่าหญิงอัปลักษณ์ทุกคำก็ตาม

เมื่อกล่าวถึงแม่ทัพก็ย่อมต้องกล่าวถึงนายกองคนสำคัญอย่างเฉาเทียน ที่บัดนี้ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพแห่งทัพไป๋หู่ ทั้งยังได้ฮูหยินเป็นถึงอดีตองค์หญิงอย่างซวงเอ๋อร์อีกด้วย

ทางด้านของซินเอ๋อร์ ยามนี้นางได้กลายเป็นคุณหนูสกุลหลัว ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ถูกผู้ใดรังแกอีก ในวันฉลองอายุครบหนึ่งเดือนของจินหย่งจื้อ ซินเอ๋อร์ได้ตามหนิงอันอ๋องมาร่วมอวยพรให้องค์ชายรอง หญิงสาวดูคล้ายยังมีใจให้ฝูซิ่นเล่ออยู่ แต่นางก็มิได้ทำอะไรเกินเลย เนื่องด้วยเห็นว่ายามนี้ฝูซิ่นเล่อมีเหลียนเอ๋อร์อยู่ข้างกายแล้ว ทั้งจินเกาหยางและฝูซิ่นเล่อจึงได้แต่หวังว่าสักวันซินเอ๋อร์จะสามารถตัดใจได้ และพบเจอกับผู้ที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนางไปตลอดชีวิต

“ท่านพี่คิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ” ฝูซิ่นฮวาเอ่ยถามเมื่อเห็นสามีที่นั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชาดูเหมือนจะใจลอย

“ข้าก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ แล้วนั่นเจ้าเอาอะไรเข้ามาด้วย”

“โจ๊กรังนกกับรากบัวเชื่อมเจ้าค่ะ” หญิงสาววางถาดอาหารลง “เมื่อเย็นท่านกินข้าวไปนิดเดียว ข้าเกรงว่าท่านจะหิว จึงลงไปห้องเครื่องทำอะไรง่าย ๆ มาให้ท่าน”

“เจ้าทำเองหรือ” จินเกาหยางถามอย่างประหลาดใจ อยู่กันมาหลายปี นางเคยทำอาหารเสียเมื่อไหร่

“ตอนข้าแพ้ท้อง ท่านยังลงไปห้องเครื่องทั้งต้มยา ทั้งตุ๋นลูกบัวให้ข้าด้วยตัวเอง แล้วเหตุใดข้าจะไม่หัดทำอาหารเพื่อท่านบ้างล่ะเจ้าคะ” ฝูซิ่นฮวายิ้มละมุน “ที่จริงแล้วท่านไม่จำเป็นต้องทำให้ข้าถึงเพียงนี้ ท่านเป็นถึงฮ่องเต้ ผู้ใดรู้เข้าว่าท่านเข้าครัวทำอาหารให้ข้าจะเอาไปนินทาได้”

หญิงสาวถอนหายใจออกมา ยามนี้นางกำนัลทั้งหลายต่างรู้ดีว่า เมื่ออยู่กันตามลำพัง ฮ่องเต้จะคอยดูแลปรนนิบัติฮองเฮา อาบน้ำแต่งตัว แม้ว่าฮองเฮาเองจะช่วยตอบแทนด้วยสิ่งเดียวกัน แต่การที่ฮ่องเต้ปรนนิบัติฮองเฮาเช่นนี้ ก็ไม่เคยมีปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์ใดมาก่อน

“ใครจะพูดอะไรก็ปล่อยเขาพูดไป ข้าคร้านจะสนใจ” จินเกาหยางพูดอย่างไม่ใส่ใจ ขณะเริ่มลงมือกินโจ๊กรังนกที่ฝูซิ่นฮวาทำมาให้ “สามีภรรยาดูแลกันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ควรทำ”

“แต่ท่านเป็นฮ่องเต้ อยู่เหนือผู้คนทั่วหล้า จะให้คนเอาไปพูดกันว่าท่านดูแลปรนนิบัติข้าได้อย่างไร”

“ก็ให้พวกเข้ารู้กันไปว่า แม้ข้าเป็นฮ่องเต้อยู่เหนือผู้คนทั่วหล้า แต่ข้าก็ยังอยู่ใต้คนเพียงคนเดียว” จินเกาหยางยิ้ม “คนผู้นั้นคือเจ้า”

ฝูซิ่นฮวายิ้มน้อย ๆ พลางส่ายหน้า

“เป็นข้าที่ต้องอยู่ใต้อำนาจท่าน”

“ไม่หรอก” จินเกาหยางยิ้ม “ข้าจะให้สตรีที่เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องบ้านเมืองอยู่ใต้อำนาจข้าได้อย่างไร”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ