“เจ้าคือกุนซือฝู?” จินเกาหยางทวนถามเพื่อความแน่ใจ
“มิผิด หม่อมฉันคือผู้ที่ทุกคนเรียกว่ากุนซือฝู” ฝูซิ่นฮวาตอบ
เสียงของนางไม่ดังนัก ทว่ากลับเป็นน้ำเสียงที่หนักแน่นน่าเชื่อถือ จินเกาหยางมองนางอย่างประเมินชั่วครู่ จากนั้นจึงหันมาสนใจนายกองคนอื่น ๆ ที่เริ่มแนะนำตัวต่อจากฝูซิ่นฮวา
เมื่อทำความรู้จักกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็มุ่งความสนใจไปยังแผนที่และกุนซือที่กำลังวางกลศึก จินเกาหยางมองฝูซิ่นฮวาตาแทบไม่กะพริบ คำพูดคำจาของนางฉะฉานหนักแน่น นายกองทุกคนก็ดูเหมือนจะตั้งใจฟังทุกคำที่นางพูดเป็นอย่างดี จนจินเกาหยางใคร่อยากรู้นัก สตรีผู้นี้มีดีอะไร จึงสามารถบัญชาการกองทัพทหารม้าที่ยิ่งใหญ่อย่างทัพไป๋หู่ได้
“กลที่เราจะใช้เรียกว่ากลพยัคฆ์หมอบ” ฝูซิ่นฮวากล่าวขณะวางธงลง “ก่อนกรีธาทัพ ฝ่ายเราจงแสดงตัวเป็นคนเขลา จากนั้นจึงล่าถอยให้ข้าศึกได้ใจ ชักนำเข้ามาในพื้นที่ส่วนนี้...”
“ช้าก่อน!” จินเกาหยางขัดขึ้น “พื้นที่ที่เจ้าว่าจัดเป็นพื้นที่แขวน หากข้าศึกเตรียมตัวพร้อมที่จะเข้ามาต่อสู้กับเราในพื้นที่นี้ เราอาจเป็นฝ่ายปราชัยได้”
“พื้นที่ที่ว่าจัดเป็นพื้นที่แขวนก็จริงเพคะ แต่หม่อมฉันได้ให้ทหารทำกับดักและเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้ว” ฝูซิ่นฮวาใช้พู่กันขีดเส้นกากบาทลงบนแผนที่
“จุดนี้เป็นช่องทางที่ฝ่ายเราจะสามารถหนีออกจากพื้นที่แขวนได้ ส่วนบริเวณนี้” มือบางจับพู่กันลากยาว “หม่อมฉันเห็นว่าควรขุดสนามเพลาะ แล้วปักไม้แหลมไว้”
“หากขุดสนามเพลาะตรงนี้ แล้วคนของเราจะหนีอย่างไร”
“หม่อมฉันจะให้ทำสะพานสองฝั่งซ้ายขวาของสนามเพลาะ สำหรับให้ทหารของเราข้ามมา เมื่อทหารของเราข้ามมาหมดแล้วก็ให้ระเบิดสะพาน เทน้ำมันลงสนามเพลาะแล้วจุดไฟ จากนั้นทหารอีกกองที่ซุ่มอยู่ด้านนอกจะปิดทางออกของศัตรูแล้วโจมตีอีกฝั่ง”
“เท่ากับว่าเราปิดล้อมข้าศึกแล้วบุกโจมตี”
“เพคะ” ฝูซิ่นฮวาตอบ แล้วจึงอธิบายกลศึกต่อ “จุดที่ข้าศึกถูกล้อม หม่อมฉันขอเรียกว่า ‘ภายใน’ ส่วนจุดที่เราอยู่เรียกว่า ‘ภายนอก’ เราจะโจมตีจากภายนอกเท่านั้น จะไม่บุกเข้าภายในเป็นอันขาด ทหารกองหน้าควรมีโล่กำแพงที่แข็งแกร่ง เหล็กแหลม หอก หลาว ต้องเตรียมให้พร้อม กองกลางคอยสนับสนุนกองหน้า กองหลังโจมตีด้วยธนูเพลิง คำนวณจากทิศทางลมแล้ว เราอยู่เหนือลม เป็นฝ่ายได้เปรียบ”
“แล้วคนของเราที่อยู่หลังสนามเพลาะล่ะ ฝั่งนั้นเป็นทิศใต้ลมมิใช่หรือ”
“อย่างที่หม่อมฉันได้ทูลไปก่อนหน้านี้ เราได้เตรียมทางหนีออกจากพื้นที่นั้นไว้แล้ว ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องทหารที่อยู่หลังสนามเพลาะเพคะ”
จินเกาหยางคิดภาพตามที่ฝูซิ่นฮวาวางแผน เขาต้องยอมรับว่าแผนการของนางไม่เลวเลย ไม่น่าเชื่อว่าสตรีท่าทางเปราะบางราวคุณหนูในห้องหอจะรู้จักวางกลเช่นนี้ได้
“หลังจากชนะศึกครั้งนี้ หม่อมฉันคิดว่าเราควรเดินหน้าโจมตีเมืองเล็กสิบหกเมืองที่กระจัดกระจายของต้าเจาก่อน จากนั้นจึงค่อยบุกยึดเมืองหลวง”
จินเกาหยางมองสตรีตรงหน้าที่ดูท่าทางมั่นใจในกลศึกของตนถึงขั้นวางแผนชนะก่อนรบ
เป็นสตรีที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ !
“ดี” จินเกาหยางตอบสั้น ๆ โดยไม่ละสายตาจากฝูซิ่นฮวาที่มีใบหน้าเรียบเฉยเย็นชา
ภายใต้ท่าทางอ่อนแอ แท้จริงหญิงผู้นี้ดุดันราวนางพญาเสือโคร่ง สตรีเช่นนี้หาได้ยากนัก ไม่คิดเลยว่าสกุลฝูจะมีบุตรีที่งดงามและชาญฉลาดถึงเพียงนี้
นางคือบุปผาที่เบ่งบานกลางสนามรบอย่างแท้จริง
หลังจากประชุมเสร็จ ทั้งหมดจึงไปร่วมรับประทานอาหารมื้อเที่ยงกับเหล่าทหารคนอื่น ๆ แม้แต่ฝูซิ่นฮวาที่เป็นกุนซือใหญ่ก็กินอาหารแบบเดียวกับพลทหาร จินเกาหยางลอบสังเกตนางอยู่เงียบ ๆ เห็นได้ชัดว่าทหารในกองทัพให้ความเคารพยำเกรงนางไม่น้อย ทั้งที่นางเป็นสตรีเพียงคนเดียวในกองทัพ
“ท่านอ๋อง ข้าวพ่ะย่ะค่ะ” มู่จิ่ว คนสนิทของจินเกาหยางที่ตามมาจากเมืองหลวงนำชามข้าวมาให้เขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ