หลังจากที่ไหว้บรรพบุรุษเสร็จแล้ว พันดาวก็กินข้าวไปสองคำด้วยความรีบร้อน ก่อนจะจากตระกูลวงค์วันดีออกมาโดยเอาเรื่องงานมาอ้าง
เพราะว่าที่โต๊ะอาหารมีทิศเหนือนั่งอยู่ด้วย เขามองเธอด้วยสายตาแปลกๆเป็นระยะๆ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดไม่สบายไปทั่วทั้งตัว คิดว่าปลีกตัวออกมาก่อนน่าจะดีกว่า
ภาคีค่อนข้างเอาใจใส่ดูแลเธอมาโดยตลอด ตอนที่ไปก็ส่งคนขับรถมาให้กับเธอเป็นพิเศษ ส่งเธอมาจนถึงข้างนอกประตู
พันดาวเข้าใจดีว่า สิ่งดีๆที่ภาคีทำให้กับเธอ ก็เหมือนกับผู้ใหญ่ทำให้กับคนที่เด็กกว่า แล้วก็ยิ่งเหมือนกับช่วยดูแลเธอแทนน้องชายของเขาอีกด้วย
อันที่จริงภายในใจของพันดาวก็มีความสงสัยมากมายอยู่เหมือนกัน เธอเคยแอบไปถามลองเชิงภาคีเกี่ยวกับเรื่องของภาคินมาก่อน
เธอรู้สึกว่าภาคีรู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลัง แต่กลับไม่ยอมบอกอะไรกับเธอทั้งนั้น แค่ให้เธอใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลวงค์วันดีอย่างสงบจิตสงบใจเท่านั้น แล้วภายหลังจะให้คำตอบที่น่าพึงพอใจกับเธอเอง
พันดาวเองก็ไม่ได้อยากที่จะสืบเสาะความลับของตระกูลวงค์วันดีอะไรมากมายเหมือนกัน แต่แค่รู้สึกว่ายังไงก็เป็นสามีของตัวเอง แต่งงานกันมาสองปีแล้ว แม้แต่ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปของสามีตัวเองก็ยังแค่รู้มาจากข่าวลือที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้เหล่านั้นเท่านั้น ถึงขนาดที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนเลยสักครั้ง เธอรู้สึกอยากรู้อยากเห็นอยู่ไม่น้อย
แต่ว่าชีวิตในตอนนี้เธอเองก็เริ่มจะคุ้นชินอย่างช้าๆแล้ว นอกจากย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหญ่แล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากชีวิตตอนก่อนที่จะแต่งงานมากนัก
ในแต่ละวันก็ทำงานของตัวเองตามเดิม ไปทำงานเลิกงานภายในบ้านก็มีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น รู้สึกว่ามันก็อิสระสบายใจเหมือนกัน
ดีกว่าการที่มีผู้ชายที่เอาแต่ใจขี้โมโหเอะอะก็มาระบายความโกรธใส่โดยอาศัยนามของสามีตั้งเยอะ
ตอนที่แต่งงานเข้ามาในตอนแรก เธอเคยคิดมาก่อนแล้วว่าตัวเองอาจจะถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณ ความเป็นไปได้ที่แปลกประหลาดต่างๆนานาเธอก็เคยคิดมาหมดแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นแบบในตอนนี้
บางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจว่าที่ตระกูลวงค์วันดีจ่ายเงินไปรับเธอเข้ามาในตระกูล มันเพื่ออะไรกันแน่
พอกลับมาถึงบ้านหยิบเอกสารข้อมูลการทำงาน ก่อนจะไปที่สตูดิโอโดยตรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหนือดาวยังมีเรา