Sign in Buddha’s palm 222
“พวกเจ้าช่างเป็นมนุษย์ที่ไร้ยางอาย”
ก่อนที่ซูฉินจะทันได้พูดอะไร ชิงชิวเฉียนเฉียนที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มออกมา
ซูฉินได้มายังเกาะหยิงโจวแห่งนี้ก่อน และไม่ว่าจะเป็นค่ายกลฟ้าดินภายนอกหรือแนวค่ายกลสังหารในทะเลสาบก็ล้วนเป็นฝีมือของซูฉินทั้งสิ้นที่ทําลายไปจนหมด คนเหล่านี้ มาทีหลังกล้าดียังไงที่จะมาบอกให้ซูฉินมอบสมบัติให้
“เจ้าภูตอสูรที่เพิ่งจะเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธ…”
หมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนเหลือบมองชิงชิวเฉียนเฉียนทันใดนั้นก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ถ้ายังไม่ลงมือในตอนนี้จะให้รอไปจนถึงเมื่อไหร่?”
เมื่อเสียงเงียบลง
ไม่ไกลนัก ทั้งเฉวยผู้อาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะและชายที่สะพายดาบยาวจากพรรคหมื่นดาบก็ระเบิดไอพลังออกมาเฮือกใหญ่
“บูม!”
ผู้อาวุโสเฉว่ยวจากตําหนักเทพเจ้าหิมะลงมือเป็นคนแรกนางเป็นเหมือนดังภูเขาน้ําแข็งนิรันดร์กาลความหนาวเย็นนั้นแผ่กระจายออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว โดยมีตัวนางเป็นจุดศูนย์กลางมันแผ่พลังออกไปทั่วทุกทิศ
“โลกเยือกแข็ง!”
ผู้อาวุโสเฉวยวี่แห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะกระแทกคําออกมาทีละคําทุกครั้งที่นางพูดออกมา อุณหภูมิรอบตัวจะลดลงอย่างรวดเร็วและเมื่อกล่าวคําสุดท้ายออกมา ก็มีผลึก น้ําแข็งกระจายไปทั่วบริเวณ
“หนาวอะไรขนาดนี้ ”
ชิงชิวเฉียนเฉียนตัวสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกเพียงอุณหภูมิรอบตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
“ตัวของท่านผู้อาวุโสยังคงอบอุ่นอยู่…”
ชิงชิวเฉียนเฉียนเขยิบเข้าไปใกล้ซูฉินโดยไม่รู้ตัว
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าอากาศอันหนาวเหน็บที่อาวุโสเฉว่ยวแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะปล่อยออกมาจะแพร่กระจายไปไกลเท่าไหร่แต่ในระยะสามจ้างรอบตัวซูฉินนั้น อบอุ่นเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิก็มิปานราวกับอยู่กันคนละโลก
“โลกเยือกแข็งของตําหนักเทพเจ้าหิมะยอดเยี่ยมสมคําร่ําลือจริงๆ…” นักพรตเฒ่าแห่งสํานักเอกะวิถีถึงกับต้องก้าวถอยห่างออกไปในใจรู้สึกทิ้ง
เมื่อหลายร้อยปีก่อน ผู้นําตําหนักเทพเจ้าหิมะรุ่นที่แล้วได้ใช้เคล็ดวิชานี้เพื่อเปลี่ยนเกาะที่มีสิ่งมีชีวิตมากมายหลายแสนตัวให้กลายเป็นผลึกน้ําแข็งเหตุการณ์ในครั้งนั้นทําให้ยุทธภพในต่างดินแดนต้องตื่นตกใจ
ผู้อาวุโสเฉวยวี่แห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะได้แสดงพลังนั้นออกมาเช่นกันในยามนี้ แม้ว่าจะด้อยกว่าอดีตผู้นําตําหนักเทพเจ้าหิมะมากแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ตํานานยุทธธรรมดาๆ จะต้านทานได้
ชายสะพายดาบยาวจากพรรคหมื่นดาบถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ดึงดาบยาวด้านหลังออกมา
ในชั่วพริบตา
ประกายแสงดาบอันแหลมคมก็ผงาดขึ้นมา ปกคลุมรอบตัวในระยะหลายสิบเมตร ค่อยๆ รวมตัวกันกลายเป็นดาบเล่มใหญ่ที่มีความยาวมากกว่าสิบเมตร ฟาดฟันไปทางซูฉินจากระยะไกล
“พรรคหมื่นดาบนั้นเก่งในการฆ่าฟัน ทันทีที่ดาบศักดิ์สิทธิ์ถูกเรียกออกมามันจะฆ่าสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและหมื่นดาบรวมหนึ่งนั้นก็มีความเฉียบคมถึงขีดสุด แม้มีภูเขา ขวางกั้นก็สามารถผ่ามันออกเป็นสองซีก”
นักพรตสํานักเอกะวิถีออกความเห็นขณะมองดูฉากตรงหน้า
ในตอนนี้ เขาไม่ได้ต้องการจะขัดจังหวะการต่อสู้แย่งชิงสมบัติของจ้าวทะเลบูรพา จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่ลงมือ
“แล้วก็หมิงโยว?”
นักพรตเฒ่าหรี่ตามองมองดูชายชุดดําที่เหมือนกับหายวับไปจากโลกนี้
กว่าสิบปีแล้วที่หมิงโยวเป็นที่รู้จักในฐานะตํานานยุทธที่ใกล้เคียงกับระดับผู้เยี่ยมยุทธมากที่สุดในต่างแดน บัดนี้ก็ผ่านไปนับสิบปีความแข็งแกร่งของหมิงโยวนั้นมีแต่จะสูงขึ้นไม่มีต่ําลงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าสู่ระดับผู้เยี่ยมยุทธจริงๆ แต่ ก็เกรงว่ามันแทบจะไม่ห่างไปไกลนัก
หวิ่ง!!
เห็นร่างหมิงโยวยังยืนอยู่ที่เดิม แต่ก็มีอีกร่างหนึ่งเป็นเงาดํากระโจนเข้าหาซูฉิน
เงาดํานี้เงียบเชียบไร้กลิ่นอายและถ้าไม่ใช่ว่านักพรตเฒ่าเฝ้าติดตามหมิงโยวอยู่ตลอดเกรงว่าคงจะไม่รู้ตัวว่าอีกฝ่ายได้ลงมือไปแล้ว
“เงาดํานั้น?”
นักพรตเฒ่าจากสํานักเอกะวิถีหนังศีรษะชาวาบ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
ขณะเฝ้าดูเฉว่ยวจากตําหนักเทพเจ้าหิมะและนักดาบจากพรรคหมื่นดาบ นักพรตเฒ่าสามารถแสดงความเห็นต่อกระบวนท่าต่างๆได้อย่างใจเย็นเพราะถึงแม้กระบวนท่าสัง หารของทั้งสองจะน่ากลัวแต่พวกเขาก็ไม่สามารถคุกคามตนได้
แต่ในตอนนี้ เมื่อเห็นเงาดําที่หมิงโยวปล่อยออกมานักพรตเฒ่าก็รู้สึกถึงความอันตรายที่ถึงแก่ชีวิต จิตใจภายในคอยกระตุ้นเตือนเขาอยู่ตลอดเวลา
“นิกายเฮยหยวนนี่มันกลุ่มคนบ้า ถึงกับสร้างกระบวนท่าที่แปลกพิสดารเช่นนี้ ”
ขณะที่นักพรตเฒ่ากําลังด่าทอในใจ ก็หันไปมองซูฉินและคิดอยู่ในใจว่า “ด้วยการร่วมมือของทั้งสามคนโดยเฉพาะกระบวนท่าสังหารของหมิงโยวเว้นแต่ชายผู้นี้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผู้เยี่ยมยุทธเขาควรจะรีบวิ่งหนีไปเสียตั้งแต่ตอน
นักพรตสํานักเอกะวิถีส่ายหัวไปมา
ผู้อาวุโสเฉวยวี่แห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะและนักดาบพรรคหมื่นดาบยังพอทําเนา แต่หมิงโยวนี่สิ…
กล่าวตามตรงว่านักพรตเฒ่ามีความรู้สึกเล็กๆว่าหมิงโยวได้มาถึงครึ่งก้าวสู่ระดับผู้เยี่ยมยุทธแล้วและต้องมีความมั่นใจที่จะเอาชนะอีกด้วยไม่เช่นนั้นเขาคงไม่หุนหันพลันแล่น ล งมือต่อซูฉินโดยไม่ลังเลเช่นนี้
และในตอนนั้นเอง
เมื่อเผชิญหน้ากับผลึกน้ําแข็งที่โหมกระหน่ํา ประกายแสงดาบอันแหลมคมและเงาประหลาดอันลึกลําซูฉันยังคงยืนนิ่งราวกับไม่ทันได้สังเกตเห็นการโจมตีที่เกิดขึ้น
“ไอ้โง่เอ้ย”
เมื่อหมิงโยวเห็นฉากตรงหน้า สีหน้าของมันก็ฉายแววเย้ยหยัน
เดิมที่เขาเกรงกลัวซูฉินอย่างมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคู่ต่อสู้คงจะโชคดีที่สามารถเข้ามาที่ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาได้โดยบังเอิญ
รู้หรือไม่ว่ากระบวนท่าเปิดของจอมยุทธนั้นสําคัญอย่างยิ่งซูฉินช่างโง่งมที่ปล่อยให้พวกมันรวมพลังกันอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม
ในช่วงเวลาถัดมา
สีหน้าของหมิงโยวก็พลันแข็งค้าง
ท่ามกลางสายตาอันตื่นตะลึง ไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่าโลกเยือกแข็งของผู้อาวุโสเฉว่ยวแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะหรือหมื่นดาบรวมเป็นหนึ่งของนักดาบจากพรรคหมื่นดาบ และแม้แต่เงาดําของตัวเขาเองเมื่อเข้าใกล้ร่างซูฉินในระยะสามจ้างพวกมันทั้งหมดกลับสลายหายไปราวกับระยะสามจ้างนี้เป็นพื้นที่ห้ามสําหรับการต่อสู้ความชั่วร้ายทั้งปวงจะถูกกําจัดเหมือนกับตรากฏไว้ว่าห้ามบุกรุกเด็ดขาด
“นี่คือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]