เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 313

5b288a63ab62398519fb0d393997c8eb.png

Sign in Buddha’s palm 313 หุบเขาสายฟ้าสมบูรณ์

“โอ้?”

ดวงตาของซูฉินหรี่ลง

ประตูเชียนเป็นโลกใบเล็กที่สร้างขึ้นโดยผู้ที่ ทรงพลังถึงขีดสุดจากยุคกระแสปราณฉีเฟื่องฟู มันคล้ายคลึงกับดินแดนใหม่แรกเกิดที่บริสุทธิ์ สร้างขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากกระแสปราณฉีที่เงียบงันบนโลกมนุษย์ ทางเข้าออกระหว่างประตูเซียนกับโลกภายนอกควรจะถูกแบ่งแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง

ซูฉินลองคิดตามไป และรู้สึกว่ามันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น

ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดสามารถทําลายความว่างเปล่าได้ด้วยการเหวี่ยงมือแกว่งเท้า พลังของพวกเขาแข็งแกร่งมากจนถึงขนาดแหวกมิติออกได้ แต่แท้ที่จริงแล้ว โลกที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดจะมาเปรียบเทียบกับโลกอันยิ่งใหญ่ได้อย่างไร?

หากโลกมนุษย์อยู่ในยุคสมัยที่กระแสปราณฉี เงียบงัน โลกใบเล็กนั้นย่อมเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สําหรับการบ่มเพาะเพียงพอจะให้กําเนิด เซียนเทพปฐพี่และผู้ทรงพลังถึงขีดสุด แต่หากรอจนถึงยามที่กระแสปราณฉีฟื้นคืนจนแปรเปลี่ยนไปเป็นยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีโลกใบเล็ก ย่อมด้อยกว่าโลกมนุษย์มาก

ไม่เช่นนั้นในยุคเฟื่องฟูครั้งสุดท้าย เหล่าผู้ทรง พลังถึงขีดสุดควรจะไปยังโลกใบเล็กก่อนเวลาแทนที่จะรอจนกระแสปราณฉีเข้าสู่ความเงียบงัน

“ในสมัยก่อน มีผู้ทรงพลังถึงขีดสุดกี่คนภายใน ประตูเซียน?”

ซูฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามขึ้นมา

“ในยุคเฟื่องฟูกระแสปราณนี้ครั้งล่าสุด มีผู้ทรง พลังถึงขีดสุดด้วยกันทั้งสิ้นเจ็ดคนมีผู้ทรงพลัง ถึงขีดสุดสองคนที่ประสบกับการจ้องมองของ เทพเจ้าปีศาจจากส่วนลึกของโลกถ้ําปีศาจใน ช่วงการรบครั้งสุดท้าย พวกเขาจึงหลบหนีไปด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดอีกห้า คนที่เหลือก็เข้าไปภายในประตูเซียน สืบทอดนิกายของพวกเขาต่อไป…”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้บุรุษชะตาฟ้าก็หยุดครู่หนึ่งแล้ วกล่าวต่อไปว่า “นอกจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดทั้งห้าและนิกายที่สืบทอดต่อมาแล้ว ยังมีกองกําลัง อื่นๆ ที่เข้าสู่ประตูเซียนด้วย”

“เจ้าทราบสถานการณ์ภายในประตูเซียนหรือ ไม่?”

ซูฉินถามอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก

“ประตูเชียนถูกแยกออกจากโลกภายนอกอย่าง สิ้นเชิง แม้แต่บุคคลที่จะออกมาภายนอกยังทําได้ยาก นับประสาอะไรกับผู้คนที่อยู่ภายนอก”

“แม้ว่าสํานักชะตาฟ้าของข้าจะสามารถคํานวณ ความลับสวรรค์ได้ แต่ประตูเซียนนั้นมีไอพลัง ของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดปราบปรามเอาไว้ การคํานวณชะตาจึงไม่อาจเข้าไปแตะต้อง….”

เมื่อบุรุษชะตาฟ้ากล่าวออกไปเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

เห็นได้ชัดว่ากลวิธีของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดแข็งแกร่งเกินไป แม้ว่าความว่างเปล่าก็ยังถูกทําลายได้ แล้วสํานักชะตาฟ้าจะคํานวณอะไรได้เล่า?

“แต่หลายปีที่ผ่านพ้นไป ไม่ว่าประตูเซียนจะเป ลี่ยนแปลงไปเช่นไร แต่นิกายที่สืบทอดต่อมาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดทั้งห้าจะยังคงอยู่….”

บุรุษชะตาฟ้ากล่าวออกมาอย่างหนักแน่น

ประตูเซียนที่เหล่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดสร้างขึ้น เมื่อหลายพันปีผ่านพ้น แม้ว่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดจะตกตาย แต่เคล็ดวิชาที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลังก็ เพียงพอจะทําให้แน่ใจว่านิกายที่เหลืออยู่จะดูแลประตูเซียนต่อไปได้
“กว่าหมื่นปีแล้วในดินแดนโพ้นทะเล มีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้นนับสิบ แต่ไม่มีสักคนเลยหรือที่เข้าไปภายในประตูเซียน?”

ซูฉินถามออกทันที ราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

“มนุษย์สวรรค์ล้อกันเล่นแล้ว”

บุรุษชะตาฟ้าส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ประตูเซียนสร้างขึ้นโดยการที่ผู้แข็งแกร่งถึงขีดสุดบุกทะลวงเข้าไปเปิดมิติความว่างเปล่า มันไม่ได้อยู่ บนโลกนี้ หากต้องการจะก้าวเข้าประตูเซียน จําเป็นต้องมีพลัง ต้องก้าวข้ามผ่านความว่างเปล่าด้วยกายเนื้อ”

“แต่พลังมิติภายในความว่างเปล่านั้นมีอยู่มากมาย ยกเว้นแต่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดที่ครอบครองพลังห้วงมิติ ต่อให้มีเซียนเทพปฐพี่เป็นสิบ เป็นร้อยคนอยากผ่านเข้าไป พวกเขาก็จะต้องตกตายอย่างไม่มีข้อสงสัย”

ท่าทีของบุรุษชะตาฟ้าดูสิ้นหวัง “แน่นอนว่าการ ออกมาจากประตูเซียนนั้นจะไม่เป็นอันตราย แต่มันก็ไม่ง่าย มิฉะนั้น ในหมื่นปีมานี้ คงจะมีคนจาก ประตูเซียนออกมาสู่โลกมนุษย์บ้างแล้ว…”

“เข้าใจแล้ว”

ซูฉินขบคิด

หากเป็นเซียนเทพปฐพีอื่นๆ แม้แต่เซียนเทพ ปฐพี่ขั้นสูงสุดอย่างจ้าวทะเลบูรพาก็ไม่กล้าที่จะแตะต้องช่องว่างในความว่างเปล่า

แต่ซูฉินแตกต่างออกไป

ซูฉินมีภาพดวงตะวันขนาดมหึมา เมื่อเขาฝึก ฝนภาพดวงตะวันฯ จนถึงความสําเร็จชั้นยอดแล้ว เขาสามารถแปลงกายเป็นอีกาทองคําสามขา ซึ่ง เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในด้านเปลวเพลิง ด้วยร่างของอีกาทองคําสามขา เขาจะต้องเกรงกลัวกับอีแค่พลังของมิติความว่างเปล่าหรือ ไม่ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์วัยเยาว์?

แม้ว่าการฝึกฝนภาพดวงตะวันฯ ไปจนถึงความ สําเร็จชั้นยอดจะอยู่ห่างไกลแสนไกล แต่ตอนนี้ซูฉินก็ได้ครอบครองวิหารการสงครามอยู่ด้วย

วิหารการสงครามเป็นสมบัติพื้นที่มิติที่ผู้ทรง พลังถึงขีดสุดทิ้งเอาไว้ ทั้งมันยังแตกต่างจากสมบัติพื้นที่มิติอื่นๆ วิหารการสงครามสามารถรองรับ สิ่งมีชีวิตได้ และถ้าซูฉินอยู่ภายในวิหารการสงครามย่อมไม่มีปัญหาในการควบคุมวิหารการสงครามเดินทางผ่านความว่างเปล่า

หลังจากนั้นซูฉินก็ถามคําถามเพิ่มเติมกับบุรุษ ชะตาฟ้า

เป็นธรรมดาที่บุรุษชะตาฟ้าย่อมรู้เรื่องราว มากมาย และแม้ว่าซูฉินจะไม่ได้ถาม บางอย่างก็เป็นบุรุษชะตาฟ้าที่เริ่มเล่าออกมาเอง

แม้ว่าสํานักชะตาฟ้าจะไม่ได้ต่อสู้เพื่อสิ่งของนอกกาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้กลัวความตาย

ต่อหน้ามนุษย์สวรรค์อย่างซูฉิน แม้จะเป็นบุรุษ ชะตาฟ้าก็จําเป็นจะต้องเชื่อฟัง

“เอาล่ะ”

“พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว”

หลังจากที่ซูฉินได้ข้อมูลที่ต้องการ เขาก็โบกมือไล่

“กลับไป?”

“พวกเรากลับไปได้แล้ว?”

บุรุษชะตาฟ้าสงบสติความปิติยินดีล้นทะลักใน หัวใจ

“ขอบคุณมนุษย์สวรรค์สําหรับความกรุณา สํานักชะตาฟ้าของข้าจะจดจําความเมตตาของมนุษย์สวรรค์ไว้เสมอ” บุรุษชะตาฟ้ารีบโค้งคารวะ
เฉิน

ต้องรู้ว่าบุรุษชะตาฟ้าแอบตรวจสอบซูฉินอย่างลับๆ พยายามใช้วิชาสําแดงสวรรค์เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับซูฉิน แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็น พฤติกรรมที่น่ารังเกียจ

การที่ซูฉินจะสังหารเขาเสียเดี๋ยวนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่มากจนเกินเหตุ

ท้ายที่สุดไม่มีผู้แข็งแกร่งคนไหนอยากให้ความลับของเขาถูกคนอื่นตรวจสอบ

เมื่อได้รับอนุญาตจากซูฉิน บุรุษชะตาฟ้าและนักพรตหนุ่มก็รีบออกจากเมืองฉางอันไปอย่างรวดเร็ว

ภายในพระราชวัง
ซูฉินเดินอย่างเชื่องช้าไปตามทางเดินอันร่มรื่น แวดล้อมด้วยแมกไม้

“ตามที่บุรุษชะตาฟ้าได้กล่าวเอาไว้ ภายในประตูเซียนอย่างน้อยๆ ก็มีมรดกที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดทั้งห้าได้ทิ้งเอาไว้……”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]