เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 7

Sign in Buddha’s palm 7 ยอดปรมาจารย์ชั้นที่หนึ่งในรอบหลายสิบปี

ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างผู้ฝึกยุทธสามระดับบนกับผู้ฝึกยุทธในสามระดับกลางอยู่ที่กำลังภายใน

กายเนื้อของผู้เชี่ยวชาญในสามระดับบนที่ถูกเคี่ยวกรำขัดเกลาด้วยพลังปราณของโลก รวมถึงกำลังภายในก็ถูกปรับสภาพไปด้วย ในสถานการณ์ปกติกำลังภายในของผู้เชี่ยวชาญในสามระดับบนสามารถปะทะกำลังภายในของผู้เชี่ยวชาญในสามระดับกลางได้เป็นร้อย

ถ้าจะพูดให้ง่ายเข้า เพียงผู้เชี่ยวชาญที่เพิ่งจะตัดผ่านเข้าสู่สามระดับบนก็สามารถที่จะกวาดผู้เชี่ยวชาญในสามระดับกลางออกไปได้อย่างง่ายดาย

นอกเหนือไปจากเรื่องของกำลังภายใน ร่างกายของผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตสามระดับบนก็ได้รับการเพิ่มศักยะไปอีกระดับหนึ่ง แน่นอนว่าศักยภาพที่เพิ่มขึ้นย่อมด้อยกว่าความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ [กายาวัชระคงกระพัน] ไปมาก

“นี่เป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับชั้นที่สามแล้วอย่างนั้นรึ?”

ซูฉินกระซิบกับตัวเอง มองดูแล้วตื่นเต้นไม่เบา

ความรู้สึกของเขากระจ่างชัดมากในครานี้ ค่อยๆ ดึงไอพลังฟ้าดินอันเจือจางที่อยู่รอบตัวเข้ามาหา

ซูฉินปล่อยหมัดออกไปแต่มันไม่ใช่พลังของเขาเองที่ปะทุออก แต่มันคือพลังอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าดิน

“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีแค่ผู้เชี่ยวชาญระดับชั้นที่สามเท่านั้นที่สามารถนั่งตำแหน่งหัวหน้าตำหนักในวัดเส้าหลินนี้ได้”

ความคิดของซูฉินพลิกผันไปมาและเขาก็ตระหนักถึงกำลังภายในที่โคจรหมุนวนในร่างกายตลอดเวลา “ช่องว่างระหว่างระดับชั้นที่สี่กับชั้นที่สามนี่มันห่างกันไกลเกินไปจริงๆ ”

ซูฉินอดประหลาดใจไม่ได้

นั่นก็เพราะว่าพลังที่มาจากผู้เชี่ยวชาญระดับชั้นที่สามไม่ใช่แค่พลังที่มาจากตน แต่เป็นพลังที่ควบคุมฟ้าดิน

คิดเรื่องนี้ซูฉินก็พลันเข้าใจความร้ายกาจของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ [กายาวัชระคงกระพัน]

หนึ่งสิ่งที่ต้องรู้ไว้ว่า [กายาวัชระคงกระพัน] ไม่เกี่ยวใดๆ เลยกับพลังฟ้าดิน มันเป็นการฝึกกายเนื้อล้วนๆ

และความร้ายกาจนั้นมันคือเพียงแค่ร่างกายล้วนๆ สามารถต่อกรกับผู้ฝึกยุทธสามระดับบนได้ ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าใช้เพียงแค่พลังของตัวเองต่อต้านพลังของฟ้าดินเลยเชียวนะ!

“เวลาใกล้จะหมดลงแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องกลับไป”

ซูฉินควบแน่นไอพลังงานกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ [กายาวัชระคงกระพัน] การควบคุมร่างกายของเขาสูงมาก ตราบเท่าที่เขาไม่ปลดปล่อยกลิ่นอายให้เล็ดลอดออกไปแม้แต่พบเข้ากับยอดปรมาจารย์ชั้นที่หนึ่งตัวเป็นๆ ก็ไม่มีทางที่จะจับสังเกตความผิดปกติใดๆ ได้

วูบ!

ร่างของซูฉินกลายเป็นเงาภาพติดตาข้ามผ่านระยะทางหลายลี้(1) ในอึดใจเดียว

ถ้าศิษย์วัดคนใดก็ตามผ่านมาแถวนี้แล้วเห็นเข้าล่ะก็ จะต้องนิ่งงันคิดไปว่านี่ตัวข้าเห็นวิญญาณใช่หรือไม่

วัดเส้าหลินนั้นเรียบง่าย เงียบสงบ และสันโดษ

ตอนที่ซูฉินเกำลังจะกลับมาที่ลานจิปาถะ เขาเห็นร่างเงากำลังจ้องมองด้วยสายตาว่างเปล่าไปทางภูเขาด้านหลัง

“เจินซิ่ง?”

ซูฉินจำอัจฉริยะที่เข้ามาในวัดเส้าหลินพร้อมกันกับเขาได้

“แต่ว่าทำไมข้ารู้สึกว่าเขามีบางอย่างแปลกๆ ไปสักหน่อยนะ?” ซูฉินรู้สึกได้ว่าเจินซิ่งมีร่องรอยของความสิ้นหวังแผ่ออกมา เหมือนมีเรื่องบางอย่างมากระทบความรู้สึก

เจินซิ่งเมื่อเห็นว่าซูฉินมาถึงก็จากไปในทันที

“เกิดอะไรขึ้นกัน?” ซูฉินพึมพำอยู่กับตนเอง

ซูฉินเพียงคิดแต่ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปถามไถ่ใดๆ ให้มากความ

เขาไม่ได้เหมือนกับเจินซิ่ง ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นศิษย์รุ่น ‘เจิน‘ เหมือนกันและเข้ามาพร้อมๆ กัน แต่แทบจะไม่มีความข้องเกี่ยวกันเลยระหว่างพวกเขา

สำหรับเจินซิ่ง เขาคืออัจฉริยะของลานอรหันต์ เขาแม้แต่อาจจะกลายเป็นหัวหน้าตำหนักในอนาคต เขามีอนาคตอันสดใส แต่แล้วถ้าเป็นซูฉินล่ะ? เป็นแค่เณรกวาดลานวัด

หลังจากกลับมาถึงลานจิปาถะ ซูฉินได้ยินศิษย์ของลานจิปาถะกำลังกระซิบกันอยู่

“ข้าได้ยินมาว่าเจินซิ่งจากลานอรหันต์น่ะ ครอบครัวทั้งครอบครัวของเขาถูกฆ่าล้างทั้งครัวเรือนโดยผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมที่ผ่านทางมา…”

“ข้าก็ได้ยินเรื่องนี้นะ มีคนบอกว่าเจ้าอาวาสเรียกไปพบเพื่อปลอบใจเป็นพิเศษเลยล่ะ”

“ปลอบใจ? ทั้งครอบครัวของเขาตายเลยนะ ปลอบใจจะไปพอทีไหนกันเล่า?”

“โอย ช่างน่าเวทนาเสียจริง…”

“ที่แท้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้” ซูฉินคิดว่าเขาเข้าใจการแสดงออกของเจินซิ่งแล้วตอนนี้ แอบรู้สึกไม่คาดคิดอยู่นิดหน่อย

“โลกภายนอกอันตรายเกินไป”

“มันคงจะปลอดภัยกว่าถ้าอยู่ที่นี่ ในวัดเส้าหลิน…”

ซูฉินรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก มันเสริมความตั้งใจของเขาที่จะอยู่ในวัดเส้าหลินต่อไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]