ส่วนสวี่ฉู่หมิงคนนี้ เย่เฉินยังไม่ทันได้สืบเรื่องเขา
ทว่าคนผู้นี้มีอิทธิพลอย่างมากในตอนสิบปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง เขาแน่ใจว่าคนผู้นี้จะต้องเป็นคนที่มีความสามารถอย่างมาก
ส่วนผู้หญิงในประเทศนี้นั้นหลงใหลในผู้ชายที่ร่ำรวยและมีศักยภาพพร้อมแบบนี้อย่างมาก
เย่เฉินกล่าว “สิบปีก่อน ตอนที่บ้านคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมากที่สุด เขาก็เป็นฝ่ายยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคุณ ตอนนี้เขาก็กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในขณะที่คุณอับจนหนทาง คุณจะต้องรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ช่วยชีวิตคุณแน่ๆ ใช่ไหม?”
คำพูดนี้ของเย่เฉินเจือกระแสหึงหวงอยู่ไม่น้อย แต่ว่าเขาก็ไม่มีสิทธิ์โกรธฉินหงเหยียน
ฉินหงเหยียนพอจะฟังออกว่าเย่เฉินหึงหวงตนเองขึ้นมาจึงกล่าวด้วยเสียงอ่อนหวาน
“ฉันขอบคุณเขามากจริงๆ ในระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมานี้ เขาช่วยฉันเอาไว้ได้มาก ถ้าหากไม่ได้เขา ตอนนี้ฉันอาจจะแต่งงานกับใครก็ไม่รู้และคงจะมีเงินเดือนไม่กี่พันหยวนต่อ นั่งรถไฟฟ้าเบียดเสียดกับคนอื่นบนรถเมล์ กลับบ้านมาซักผ้าเลี้ยงลูก โดยที่ไม่มีโอกาสได้รู้จักคุณเลย ถึงแม้ว่าฉันจะเคยอยู่กับเขามาสามปี แต่ว่าตอนนี้ฉันเห็นเขาก็เหมือนเห็นคนแปลกหน้า ไม่ได้รู้สึกอะไรอีกแล้ว”
เย่เฉินยิ้มพลางกล่าวถาม “จริงเหรอ?”
ฉินหงเหยียนกล่าวพลางยิ้ม “แน่นอนสิ เขาแก่แบบนี้ ผมก็ขาวโพลนไปหมดแล้ว อีกสองปีก็คงหัวล้านแล้ว ไม่ได้ถึงหนึ่งในร้อยของที่รักของฉันด้วยซ้ำ ฉันมีแฟนที่หล่อขนาดนี้ ทำไมจะต้องไปชอบคนอื่นด้วย! เด็กโง่ คุณอย่าหึงเลยได้ไหมคะ?”
ฉินหงเหยียนปลอบเย่เฉินเหมือนเด็กผู้หญิง เพื่อไม่ให้เขาต้องเสียอารมณ์
ที่จริงเขาหายโกรธหญิงสาวนานแล้ว สิ่งที่เขาจินตนาการไปเองนั้นหนักหนากว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงมากทีเดียว
ตัวเย่เฉินเองก็มั่นใจอย่างมากว่า รูปร่างหน้าตา อายุหรือความสามารถของชายคนนั้น น่าจะไม่สามารถเทียบเคียงเขาได้เลย!
เกรงว่าต่อให้มีเงินมากกว่าเขา แต่เย่เฉินก็ชนะเขาได้!
จะเศรษฐีลำดับหนึ่งของเมืองเสินเฉิง แต่เมื่อเทียบกับตระกูลเย่แล้วก็ไม่คู่ควรให้ต้องเหลือบแล!
แน่นอนว่าสวี่ฉู่หมิงเองก็โลดแล่นในวงการมากนาน ทั้งความรู้ และแผนการต่างๆ รวมไปถึงความสามารถในการเข้าสังคมต่างๆ ของเขาล้วนแต่เหนือชั้นกว่าเย่เฉินมากนัก
ครั้งนี้สวี่ฉู่หมิงไม่เพียงแต่ช่วยฉินหงเหยียนแต่ยังช่วยเย่เฉินไปด้วยในเวลาเดียวกัน เขาช่วยคลี่คลายปัญหาระหว่างหลิ่วอวี่เจ๋อและเย่เฉิน
อีกทั้งเขายังไม่เรียกร้องให้ฉินหงเหยียนนอนกับตนเองเพื่อแลกกับการให้ความช่วยเหลือจากเขา ถือเป็นการให้ความช่วยเหลือโดยไม่หวังสิงใดตอบแทน
เย่เฉินรู้สึกว่าสวี่ฉู่หมิงคนนี้ ถ้าไม่ใช่คนดีเลิศประเสริฐ ก็คงจะเป็นคนเจ้าแผนการ และวางแผนได้อย่างรัดกุมมากทีเดียว
เขาอยากจะเจอคนผู้นี้!
เย่เฉินกล่าว “หงเหยียน แฟนเก่าคุณคนนั้นช่วยผมเอาไว้มากเลย ผมอยากเลี้ยงข้าวเขา เพื่อขอบคุณเขา คุณคิดว่ายังไง?”
ฉินหงเหยียนประหลาดใจ “คุณอยากเจอเขา?”
เย่เฉินหัวเราะน้อยๆ แล้วพยักหน้า
ในฐานะที่เป็นผู้หญิง ปกติจะไม่ยอมให้แฟนเก่ากับแฟนใหม่เจอหน้ากัน เหตุเพราะกลัวจะทำให้แฟนคนปัจจุบันหึงหวง
หน้าที่การงานของสวี่ฉู่หมิงเองในตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก เย่เฉินเป็นแค่คนส่งของเท่านั้น ฉินหงเหยียนเกรงว่าในตอนที่กินข้าวด้วยกันจริงๆ สวี่ฉู่หมิงจะรังแกเย่เฉิน
แต่เย่เฉินเป็นฝ่ายเอ่ยปากแบบนี้ หล่อนเองก็ไม่อยากจะปฏิเสธ
ถ้าหากหล่อนปฏิเสธ เย่เฉินคงจะรู้สึกว่าตนเองกับสวี่ฉู่หมิงมีอะไรในกอไผ่ ไม่ได้บริสุทธิ์ใจเหมือนที่ตนเองเคยบอกเขา
ไม่อย่างนั้นทำไมถึงไม่ยอมให้พวกเขาได้พบหน้ากัน?
“ได้ค่ะ” ฉินหงเหยียนรับคำ
“ดูทีวีกันสักเดี๋ยวเถอะ กินซุปแก้เมาที่คุณทำแล้ว ฉันตาสว่างเลย” ฉินหงเหยียนกล่าว
“ก็ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)