ฉินหงเหยียนหลับตาลง น้ำตาแห่งความสุขก็ไหลลงอาบใบหน้าที่งดงามของหญิงสาว
หล่อนอายุ 31 ปีแล้ว ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้มีคนตามจีบมาเยอะ แต่สุดท้ายแล้วเจ้าหล่อนก็รู้สึกว่าตนเองน่าจะต้องอยู่คนเดียวตามลำพังไปจนแก่จนมาเจอเย่เฉิน
เย่เฉินดีใจอย่างมาก ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่ดีกับเขาที่สุดตั้งแต่ที่เคยเจอมา
ในตอนที่ทุกคนต่างก็เยาะเย้ยเขาว่าเป็นเขยที่ถูกตระกูลหวังทอดทิ้ง ในตอนที่โดนตระกูลเย่ทอดทิ้งเขา มีแค่ฉินหงเหยียนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยินยอมอยู่เคียงข้างเขา
เย่เฉินหยิบเอาแหวนเพชรที่ส่องประหายวิบวับออกมาจากกล่อง เขาเอื้อมไปสัมผัสมือเรียวงามของแฟนสาวขึ้นมาจากนั้นก็สวมแหวนลงบนนิ้วนางของหญิงสาว
ฉินหงเหยียนที่ซาบซึ้งใจอยู่ ก็สังเกตเห็นความพิเศษของแหวนเพชรวงนี้ พลันตกตะลึง “แหวนเพชรวงนี้…สวยจังเลย!”
แหวนเพชรวงนี้เป็นดีไซน์ของแบรนด์ lorraine Schwartz อันเป็นจิลเวอรี่ระดับสูง แหวนเป็นแพชรแปดแฉกขนาด 18 กะรัตและฝังเพชรบนตัวเรือนแพลตตินัม
ส่วนขาที่ยึดเกาะเพชรเอาไว้นั้นแสดงให้เห็นถึงความรักที่มีให้หญิงสาวว่ามันแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลงขนาดไหน!
ฉินเสี่ยวตั่วที่อยู่ด้านข้าง หยิบกล้อง SRT ขึ้นมาเหมือนตัวเองเป็นตากล้อง แล้วถ่ายรูปไปพร้อมๆ กับอธิบายไปด้วย “พี่คะ แหวนนี่ราคาตั้งเจ็ดล้านดอลลาร์เลยนะคะ พี่เขยสั่งทำให้พี่โดยเฉพาะเลย!”
เจ็ดล้านดอลลาร์!
ต่อให้เป็นที่เทียนไห่ก็เถอะ แต่เงินจำนวนนี้ก็ซื้อบ้านหรูได้เป็นหลังแล้ว!
บวกกับที่เหมาเกาะนี้อย่างน้อยๆ ก็น่าจะต้องใช้หลายสิบล้าน
แค่สองอย่างนี้เย่เฉินก็ใช้เงินไปเป็นร้อยล้านแล้ว!
ฉินหงเหยียนมองเย่เฉินอย่างตื่นตระหนก “คุณเอาเงินมาจากไหน?”
เย่เฉินสวมแหวนเข้าที่นิ้วนางของฉินหงเหยียนเรียบร้อยแล้ว และในวินาทีนี้เขาจำเป็นต้องบอกความจริงแฟนสาวแล้ว
“หงเหยียน ผมอยากจะขอโทษคุณ ที่จริงแล้วเรื่องที่ผมโดนขับออกจากตระกูลเป็นเรื่องโกหก ผมเป็นคนตระกูลเย่อยู่” เย่เฉินกล่าว
ฉินเสี่ยวตั่วที่รู้ความจริงนานแล้ว กล่าวพลางระบายยิ้ม “ไม่ใช่แค่นั้นนะ พี่คะตอนนี้เขาเป็นคนที่รวยที่สุดในประเทศแล้ว เฉินเย่กรุ๊ปที่ซื้อบริษัทต่างๆ ในตอนนี้น่ะเป็นบริษัทเขา”
ฉินหงเหยียนตกตะลึงไป
“คุณยังไม่โดนขับออกจากตระกูลเหรอ? เฉินเย่กรุ๊ปเป็นบริษัทของคุณเหรอ?”
เฉินเย่ พออ่านย้อนก็พบว่าเป็นคำพ้องเสียงของชื่อเย่เฉิน!
เย่เฉินพยักหน้า
ทว่าฉินหงเหยียนที่ได้รู้ข่าวนี้กลับมีท่าทีไม่พอจอย่างมาก “พูดแบบนี้แปลว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณหลอกฉันเหรอ? คุณไม่เชื่อใจกันขนาดนี้ก็อย่าขอฉันแต่งงานเลย!”
ฉินหงเหยียนพูดไปพลางถอดแหวนที่เย่เฉินสวมให้ออก
เย่เฉินรีบร้อนวิ่งเข้าไปกอดหญิงสาวแล้วห้ามหล่อน “หงเหยียน อย่าทำแบบนี้สิครับ คุณฟังผมอธิบายก่อน ตอนนั้นผมรู้มาว่าหวังเจียเหยาหลอกผม ทั้งที่มีอะไรกับฟางเชาแต่กลับหลอกผมว่าไม่ได้ทำอะไร ไม่เพียงเท่านั้นหลังจากที่หล่อนตั้งท้องแล้ว ก็ยังพลอดรักกับหลิ่วอวี่เจ๋อ ไปนัดเจอกันทุกวัน”
ผมอยากจะขอหย่ากับหล่อน แต่ว่าก่อนที่ย่าของหวังเจียเหยาจะตาย บังคับให้ผมรับปากว่าจะไม่หย่ากับหวังเจียเหยา ย่าเล็กของหวังเจียเหยามีบุญคุณเคยช่วยชีวิตผม ผมไม่อยากให้หล่อนไปจากโลกใบนี้อย่างมีอะไรติดค้างใจ ดังนั้นก็เลยรับปากหล่อนไป
คุณเองก็รู้ว่าผมเป็นคนให้ความสำคัญกับคำสัญญามาก ไม่อยากจะผิดสัญญาดังนั้นผมก็เลยคิดวิธีนี้ขึ้นมา ผมรู้ว่าหวังเจียเหยาชอบเงิน ทันทีที่รู้ว่าผมไม่เงินก็จะต้องขอเลิกกับผมแน่นอน”
ส่วนเรื่องชีวิตแต่งงานที่ผ่านมาของเย่เฉินกับหวังเจียเหยานั้น ฉินหงเหยียนเองก็พอจะรู้อยู่บ้าง
ฉินหงเหยียนรู้ว่าเย่เฉินเป็นคนดี จึงไม่โทษเขาแล้วย้อนถาม “งั้นพวกเราคบกันมานานขนาดนี้ ทำไมคุณไม่บอกฉัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)