ตอนที่ 338 การดูหมิ่นของคนตระกูลซู!
เย่เฉินบุกเข้ามาในบ้านตระกูลซูคนเดียว ก็เหมือนจูล่งบุกฉางป่านพัวด้วยตัวเอง!
ความกล้า ความโอหังแบบนี้ คนธรรมดาสู้ไม่ได้แน่นอน!
ซูเจิ้นหางเห็นเย่เฉินเดินเข้ามา ก็ดุด่าหลานชายตนเองว่าไม่มีมารยาท จากนั้นก็กล่าวกับเย่เฉินด้วยรอยยิ้ม
“เย่เฉิน เธอมาแล้วเหรอ ซูมู่หลินยังเด็กไม่ค่อยรู้อะไร อย่าถือสาเขาเลยนะ”
เย่เฉินหันมองซูเจิ้นหาง ยืนตัวตรง แล้วกล่าวโดยไม่มีท่าทีขัดเขินหรือหวาดกลัว “สวัสดีครับคุณซู ได้ยินมาว่าคุณซูกับปู่ของผมรู้จักกัน แถมเมื่อก่อนคุณยังเคยช่วยปู่ของผมด้วย ผมกับแฟนเตรียมของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาให้คุณซูเท่านั้น หวังว่าคุณซูจะชอบ”
ซูเจิ้นหางพยักหน้ารับ“เย่เฉิน เธอมีน้ำใจจริงๆ รีบนั่งสิ ”
คนรับใช้คนหนึ่งยื่นมือมารับโสมจากมือเย่เฉิน จากนั้นก็ให้เย่เฉินนั่งลงตรงตำแหน่งข้างประตู ข้างๆ กับซูมู่ชิง
เพิ่งจะหย่อนก้นลงไปแตะเก้าอี้ สาวรับใช้คนหนึ่งก็เดินมา “กูเหย่คะ เชิญดื่มชา”
เมื่อได้ยินสาวใช้ตระกูลซูเรียกตนเองแบบนี้ เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย เขาเหลือบไปสบตาซูมู่ชิงอย่างอดไม่ได้
กูเหย่เป็นสรรพนามที่บ้านฝ่ายหญิงจะใช้เรียกลูกเขย ดูแล้วคนรับใช้ของตระกูลซูคงจะเห็นเขาเป็นสามีของซูมู่ชิง
หลังจากเห็นเย่เฉินนั่งลงแล้ว ซูเจิ้นหางก็กล่าวกับเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “พูดถึงปู่ของเธอ เรารู้จักกันตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ตอนนั้นเราต่างก็ทำธุรกิจที่เทียนไห่ ตอนนั้นฉันเห็นความรู้และแววตาของปู่เธอไม่เหมือนคนทั่วไป คิดว่าเขาจะต้องมีอนาคตที่ดีแน่นอน! พูดไปแล้ว ตอนนั้นฉันก็ยังคิดเลยว่าถ้าทายาทของเราสองตระกูลได้แต่งงานกัน ก็คงจะกลายเป็นญาติกัน เสียดายที่ลูกสาวลูกสาวของฉันไม่เข้าตาปู่ของเธอ”
และในตอนนี้เอง จู่ๆ พ่อของซูมู่หลินก็โพล่งออกมา “พ่อครับ เรื่องในอดีตจะพูดถึงมันทำไม!”
ในห้องรับแขก หญิงวัยกลางคนที่ประโคมเครื่องประดับเต็มตัวแบบที่เย่เฉินไม่เคยเห็นมาก่อนก็กล่าวออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก “จริงด้วยค่ะ เหมือนว่าเราอยากจะแต่งเข้าตระกูลเย่ของเขานักหนา! เราไม่เข้าตาพวกเขาที่ไหน พวกเขาต่างหากที่ไม่เข้าตาเรา!”
เย่เฉินยิ้มเย็นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพวกเขาสองคนน่าจะยังเคียดแค้นเรื่องที่โดนปู่ของเขาปฏิเสธ
ก็ไม่แปลก ใครไหนประเทศนี้บ้างที่จะไม่อยากแต่งกับลูกสาวและลูกชายของคนตระกูลซู
แต่ว่าพวกคุณไม่คู่ควรจะเกี่ยวดองกับคนในครอบครัวผมหรอกนะ!
ซูเจิ้นหางกล่าวต่อ “ฮ่าๆ คิดไม่ถึงเลยว่าลูกชายของฉันจะไม่ได้เกี่ยวดองกับตระกูลเย่ของพวกเธอ แต่จนมาถึงรุ่นหลานคิดไม่ถึงเลยว่าเราจะมีวาสนาต่อกัน ฉันรู้เรื่องของเธอกับมู่ชิงแล้ว เย่เฉิน เธอข่มขืนหลานสาวฉันจนมีลูก สี่ปีมานี้ก็ไม่ถามไถ่ถึงข่าวคราวของพวกเขาสองคนแม่ลูก แต่วันนี้ฉันยังคงปฏิบัติกับเธออย่างมีมารยาท ฉันน่าจะดีกับเธอมากเลยจริงไหม?”
ใครๆ ก็รู้ว่าจะล่วงเกินตระกูลซูไม่ได้ ขนาดสวี่ฉู่หมิงเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองเสินเฉิงยังต้องก้มหัวให้ความเคารพเขา
หากว่าวันนี้เย่เฉินไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลเย่ เป็นแค่ผู้ชายจนๆ ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอะไร
แล้วดันเคยข่มขืนคุณหนูที่แสนร่ำรวยอย่างซูมู่ชิง เขาไม่มีทางได้มานั่งดื่มชาที่นี่แน่ คงจะโดนฆ่าตายแล้วเอาศพไปโยนลงทะเลนานแล้ว!
เย่เฉินกล่าวว่า “เรื่องนั้นผมผิดเองจริงๆ ครับ ผมได้ขอโทษคุณซูมู่ชิงอย่างจริงใจไปแล้ว อีกอย่างตระกูลซูของพวกคุณก็เคยทำร้ายผม ซูมู่หลินหลานชายคุณก็เคยข่มขืมหวังเจียเหยาภรรยาเก่าของผม ตอนนั้นหวังเจียเหยายังเป็นภรรยาของผมจนหล่อนมีลูกสาวกับเขา”
คำพูดนี้ของเย่เฉินทำให้ในห้องรับแขกเกิดเสียงวิจารณ์ขึ้นมา
ผู้ใหญ่ไม่น้อยรวมถึงพวกซูมู่เสวี่ย และซูมู่ชิงต่างก็หันมองซูมู่หลิน
“มู่หลินนายมีลูกสาวแล้วเหรอ? เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?”
“ลูกสาวนายอยู่ไหน? ทำไมไม่พามาเจอเรา?”
เห็นได้ชัดว่าคนตระกูลซูไม่ได้รู้เรื่องแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)