เหล่าลู่ปรายหางตามององครักษ์หนุ่มอย่างดูแคลน “ผู้ใดใช้ให้เจ้าเป็นสุภาพบุรุษเล่า?” จอมยุทธ์หนุ่มที่กุมชัยชนะเหนือภรรยามาหลายคืนติดๆ กันชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ว่าที่น้องเขย “ข้าจะบอกให้...หากเจ้าอยากจะเป็นอย่างข้าก็รีบลงมือก่อนรายงานทีหลัง ในเมื่อหมั้นหมายกันไปแล้วหากมีข่าวดีเรื่องตั้งครรภ์ ครอบครัวของเจ้าก็ย่อมเร่งงานแต่งให้...จริงหรือไม่?”
พ่อบ้านลู่พอจะรู้จากปากองครักษ์ผู้อื่นว่าครอบครัวของจงเหยียนฐานะอยู่ในระดับเศรษฐีจึงมิได้ยินดีจะรับเสี่ยวลิ่งเป็นฮูหยินเอกของบุตรชายคนเล็กนักแต่เพราะความดื้อรั้นหัวชนฝาทำให้ต้องยอมมาหมั้นหมาย ทว่าก็ยังคงถ่วงเวลาในการแต่งงานออกไปอย่างไม่มีกำหนด
จงเหยียนได้ยินคำแนะนำของเหล่าลู่ดวงตาเบิกโพลงคล้ายกับมองเห็นขุมทองกองอยู่ตรงหน้า ‘จริงสิ! ข้ามัวแต่รอเวลาทำไมกัน? ทารกคนใดจะรอเวลาได้?’
“ท่านพูดถูก...เหล่าลู่ ท่านสมควรแล้วที่เป็นอาจารย์ของคุณหนูชิง” องครักษ์หนุ่มพึมพำพลางหันไปมองหน้าพ่อบ้านอย่างขอบคุณ สายตาของเขาที่หันกลับไปดูเสี่ยวลิ่งกำลังช่วยคุณหนูชิงถือม้วนภาพวาดออกจากห้องหนังสือเปลี่ยนเป็นแวววาว
เจ้าสายลมมีท่าทางสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเมื่อเจ้านายของมันแต่งตัวทะมัดทะแมงมาลูบคอบอกให้รู้ว่ากำลังจะเดินทางไกลเข้าเมืองหลวง ชิงหลานขอบอกขอบใจเจิงอิ่งที่ช่วยดูแลเจ้าสายลมจนมันกลายเป็นม้าหนุ่มที่มีพละกำลังแข็งแกร่ง
“คุณหนูควรจะไปขอบพระทัยองค์ชายสิบห้านะเจ้าคะ เพราะข้าได้รับคำสั่งมาให้ดูแลเจ้าสายลมจากองค์ชายเจ้าค่ะ”
ชิงหลานยิ้มน้อยๆ นางรู้สึกหนักใจหากต้องไปขอบคุณบุรุษผู้นั้นต่อหน้า นับตั้งแต่เขาเปิดเผยความในใจต่อนางในคืนนั้น สายตาของหมิงเฉิงอวี่ดูเหมือนจะมิยอมรามือในตัวนางแน่!
‘ช่างเถอะ! ถึงอย่างไรข้าก็ไปทำงานกับอาจารย์จ้าวมิใช่กับเขาเสียหน่อย’
ขบวนของคุณหนูชิงใช้เวลาเดินทางตลอดทั้งวันจนจวนพลบค่ำจึงถึงหน้าประตูเมืองหลวง จงเหยียนไปส่งพวกนางถึงในจวนสกุลจ้าวด้วยความเป็นห่วงจ้าวอี้หลงเจ้าของสำนักพู่กันทองให้พ่อบ้านนำพวกนางไปยังเรือนหลังเล็กที่ทำความสะอาดไว้ให้นางทั้งสองได้อยู่เป็นเอกเทศ
“อาจารย์จ้าวใจดีกับคุณหนูชิงมากเลยขอรับ เรือนนี้ทั้งใหม่ทั้งสะอาดน่าจะสร้างได้ไม่นานนัก” จงเหยียนมองไปยังเรือนรอบๆ ก็หันมายิ้มให้กับหญิงคนรัก “ทั้งห้องส้วมห้องอาบน้ำล้วนสะดวกสบายเหมือนกับสร้างให้คุณหนูมาอยู่โดยเฉพาะ เจ้าช่างโชคดีนักที่มีที่พักในเมืองหลวงน่าอยู่เช่นนี้ รอบๆ ยังเป็นสวนสวยอีกด้วย”
พ่อบ้านเจาทำหน้าเหรอหรา องครักษ์จงผู้นี้ไม่รู้จริงๆ หรือว่าอาจารย์จ้าวสร้างจวนนี้ขึ้นมาใหม่เพื่อให้คุณหนูจากอำเภอเฉินได้มาพักจริงเพราะคำขอร้องขององค์ชายสิบห้า...ถึงขนาดที่องค์ชายยื่นตั๋วเงินให้อาจารย์จ้าวมาสร้าง อาจารย์จ้าวกลับปฏิเสธเงินนั้นแต่ยินดีจะสร้างเรือนใหม่เพื่อต้อนรับนางในฐานะศิษย์คนโปรด
“องค์ชาย กระหม่อมมีเงินทองมากมายไม่ต้องรบกวนพระองค์หรอกพะยะค่ะ ชิงหลานเป็นศิษย์ของกระหม่อม สร้างเรือนเล็กเพียงเท่านี้ให้กระหม่อมดำเนินการเองเถิดพะยะค่ะ”
องค์ชายทรงเก็บตั๋วแลกเงินปึกนั้นกลับไปให้กังเฉินเก็บด้วยความผิดหวัง แต่เมื่ออาจารย์จ้าวยืนยันว่าจะดูแลนางอย่างดีเหมือนลูกเหมือนหลานก็ทรงคลายพระทัยและกลับไปโดยดี
จงเหยียนกลับไปรายงานตัวที่วังพยัคฆ์ขาว หมิงเฉิงอวี่ได้ยินว่าชิงหลานมาถึงเมืองหลวงแล้วก็ยิ้มกริ่มส่งคนคอยดูลาดเลาใกล้จวนสกุลจ้าวเพื่อติดตามนางอยู่ห่างๆ กังเฉินรู้ว่าเจ้านายของตนห่วงจิตรกรสาวน้อยผู้นั้นนักจึงออกไปกำชับสายสืบทั้งหลาย
“พวกเจ้าจงดูแลนางให้ดีที่สุด ไม่แน่ว่าวันข้างหน้านางอาจจะกลายเป็นเจ้าของวังพยัคฆ์ขาวด้วยอีกคน...เข้าใจหรือไม่?”
หากกำชับเช่นนี้เห็นทีทุกคนต้องอารักขานางด้วยชีวิต...กังเฉินหันกลับมาเจอจงเหยียนยืนยิ้มอยู่ก็อดกระแหนะกระแหนมิได้
“เจ้าคงเช้าถึงเย็นถึงสินะ นางมาอยู่ใกล้เช่นนี้คงไม่ต้องลำบากควบม้าจนก้นด้านไปถึงอำเภอเฉินอีก”
ใบหน้าขององครักษ์หนุ่มดูมีแผนร้ายจนกังเฉินรู้สึกได้ “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้าดูยิ้มมีเลศนัยเหมือนคนกำลังจะทำเรื่องเลวร้าย?”
“เจ้าจะรู้ดีเกินไปแล้ว! เรื่องนี้ข้าปรึกษาอาจารย์ลู่มาเชียวนะ หากเลวร้ายจริงคนผู้นั้นคงไม่ชิงแต่งงานตัดหน้าข้าไปเช่นนี้”
“............”
เห็นสหายนิ่งอึ้ง จงเหยียนก็เดินมาตบบ่าหัวหน้าองครักษ์เบาๆ “เจ้ายังไม่มีสตรีที่พึงใจพูดไปเจ้าก็คงไม่เห็นด้วย....เอาไว้ข้าทำสำเร็จแล้วค่อยรายงานเจ้าทีหลังก็แล้วกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)