“ฮูหยินเร็วเข้าเจ้าค่ะ ฟ้าจวนจะมืดแล้ว ถนนแถวจวนของเราก็ต้นไม้รกน่ากลัวเสียด้วย” เสี่ยวลิ่งดูเหมือนจะตื่นเต้นกับเรื่องโจรมากกว่าผู้อื่น ด้วยกำลังของนางกับจังฮูหยินอาจจะพอวิ่งหนีได้แต่ร่างกายของคุณหนูเพิ่งจะบำรุงไปไม่นาน...เกรงว่าหากจะต้องประคองคุณหนูให้เร่งรีบคงทำได้ยาก!
จังฮูหยินได้ยินเสียงเร่งเร้าของสาวใช้ก็ร้อนใจ รีบจับมือบุตรสาวเอาไว้แน่น “เจ้าเร่งฝีเท้าไหวหรือไม่หลานเอ๋อร์!”
“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะพยายาม!” เผยมู่ซีรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนักที่ร่างกายนี้ยังคงกระฉับกระเฉงไม่ทันใจของนาง หากเป็นชาติที่แล้วป่านนี้น่าคงจะบอกว่าพวกเราควรจะดักรอโจรสักครู่ก่อนประเดี๋ยวข้าจะจัดการเอง...แล้วนางคงจะหยิบเอาดาบมานั่งรอเจ้าโจรถ่อยผู้นั้นอย่างใจเย็นอยู่หน้าจวน
เสี่ยวลิ่งมองไปข้างหน้ามองเห็นประตูจวนอยู่ไม่ไกลแล้ว ด้วยความหวาดระแวงนางจึงหันมองซ้ายมองขวาอยู่ไม่ขาด ครู่หนึ่งจึงมองเห็นพุ่มไม้ข้างหน้าสั่นไหว นางถึงกับมือไม้สั่นดีที่กินน้ำตาลปั้นไปหมดแล้วเหลือเพียงไม้เสียบอันเล็กอยู่ติดมือ หากว่า...เป็นโจรโผล่ออกมาแล้วล่ะก็นางคิดจะใช้ไม้เสียบน้ำตาลปั้นที่มีปลายแหลมเสียบร่างของมันเสียเลย
ร่างสูงใหญ่ใบหน้าครึ้มด้วยหนวดเคราโผล่ออกมาจากถนนในมือถือดาบอันใหญ่มีรอยเลือดหยดอยู่ปลาย
“เจ้าเป็นโจรที่ทางการกำลังล่าตัวใช่หรือไม่?” จังฮูหยินเห็นท่าทางคนผู้นั้นแล้วก็พอจะเดาได้ บุรุษที่มือปราบทั้งอำเภอตามหาน่าจะเป็นเขา
“ใช่! หากพวกเจ้ายอมให้ข้าหลบในเรือนด้วยแต่โดยดี ข้าจะไม่ทำอันตรายพวกเจ้า” มือใหญ่ข้างหนึ่งของโจรตามประกาศจับของทางการกุมที่ท้องด้านซ้ายเหนือเอวไว้แน่น มีเลือดไหลซึมออกมาตามร่องนิ้วอยู่สองสามแห่ง
เสี่ยวลิ่งออกมายืนขวางหน้านายหญิงและคุณหนูของตนเอาไว้ “เจ้าเป็นโจรถ่อย! พวกเราจะเชื่อคำพูดของเจ้าได้อย่างไร?”
“มีเสียงฝีเท้าม้า พวกเจ้ามาหลบหลังต้นไม้เดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นข้าจะเชือดคอพวกเจ้า” สีหน้าของโจรร่างใหญ่ดูเกร็ง คิ้วของเขากระตุกเล็กน้อยก่อนจะยื่นดาบออกไปชี้ที่หน้าอกของเสี่ยวลิ่ง
เผยมู่ซีสังเกตแววตาของโจรร้ายแล้วรู้สึกได้ว่าคนผู้นี้ไม่มีรังสีสังหารจึงได้หันไปบอกให้มารดาและเสี่ยวลิ่งหลบเข้าหลังต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ฝีเท้าม้าของจงเหยียนวิ่งตามมาเลยไปจนถึงหน้าประตูจวน ครั้นเห็นหน้ามีการจุดคบไฟเรียบร้อย ประตูก็ปิดสนิทดีจึงได้ชักม้าหันกลับ ตอนที่องค์ชายสั่งให้เขาตามพวกนางทั้งสามคน จงเหยียนที่ควบม้าตามมาเลี้ยวผิดซอยจึงทำให้ต้องเสียเวลาวนม้าออกมาใหม่เพราะซอยที่เขาเลี้ยวไปนั้นเป็นซอยตัน
เสี่ยวลิ่งที่ถูกโจรเอาดาบทาบไว้ที่คอตัวสั่นเล็กน้อย เมื่อเห็นองครักษ์จงกำลังจะขี่ม้าพวกตนไปนางก็ได้แต่ถอนหายใจ...หากว่าปล่อยให้องครักษ์หนุ่มผู้นี้กลับไปแล้วพวกนางทั้งสามอาจจะถูกคนร้ายฆ่าก็เป็นได้ เสี่ยวลิ่งตัดสินใจแอบเหลือบมองเจ้าโจรป่า ครั้นเห็นว่าเขามัวแต่กังวลกับอาการบาดเจ็บ นางจึงกลั้นหายใจผละออกอย่างแรงพร้อมยกเท้าขึ้นถีบสีข้างเต็มแรง
“โอ๊ย!” โจรป่าร้องลั่น ร่างเซถลาออกมาที่ถนนขวางอยู่ข้างหน้าม้าขององครักษ์จงพอดี
“ท่านองครักษ์ จับโจรเร็วเข้า!” ร่างของเสี่ยวลิ่งที่นอนหงายไปกับพื้นที่ร้องตะโกนบอกจงเหยียน
เสียงจังฮูหยินหวีดร้องขึ้นด้วยความหวาดกลัวพลางคว้าเอาร่างของบุตรสาวเข้ามากอดไว้ องครักษ์หนุ่มว่องไวยิ่งเมื่อเห็นบุรุษถือดาบโผล่ออกมาพร้อมเสียงร้องก็ลงจากหลังม้าพร้อมควักกระบี่ออกมาทันที
เคร้ง!
โจรป่ายกดาบขึ้นรับกระบี่ที่ฟาดลงมาได้ทันแต่ไม่อาจหลบลูกถีบที่จงซ้ำไปบาดแผลเดิม ร่างสูงใหญ่กลิ้งหลุนๆ ไป ส่วนดาบอันใหญ่ก็กระเด็นตกฟื้น จงเหยียนที่ฝีมือเหนือชั้นกว่ามากทาบกระบี่ลงที่คอของเจ้าโจรอย่างว่องไว เสี่ยวลิ่งรีบลุกขึ้นปัดเสื้อผ้าที่เปื้อนดินอย่างว่องไวแล้วหันไปมองเจ้านายทั้งสอง
“ฮูหยิน! คุณหนู! พวกท่านปลอดภัยหรือไม่?”
“พวกเราปลอดภัย! แล้วเจ้าเล่า?” เผยมู่ซีรีบร้องถาม
“ข้าแค่ล้มจนกระแทกพื้นเจ็บนิดหน่อยเจ้าคะ? ดีที่องครักษ์จงมาทันไม่เช่นนั้นพวกเราคงแย่แน่ๆ”
สตรีทั้งสามเดินออกมาจากข้างทางยืนอยู่ข้างม้าขององครักษ์หนุ่ม
“เจ้าช่วยเอาเชือกที่หลังม้ามาให้ข้ามัดโจรที” จงเหยียนหันไปสั่งเสี่ยวลิ่งที่ยืนเท้าสะเอวมองดูโจรที่ข่มขู่ตนเองด้วยความโมโห
เสี่ยวลิ่งหันไปมองกระเป๋าที่พาดอยู่หลังม้าของจงเหยียนก่อนจะล้วงเอาเชือกม้วนหนึ่งออกมาส่งให้เขา ร่างสูงนั้นหันมามองนางด้วยหางตาแวบหนึ่ง
“เจ้ามัดโจรเป็นหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)