เสี่ยวลิ่งมองแผ่นหลังองครักษ์จงด้วยความทึ่ง นางมิเคยใกล้ชิดบุรุษรุ่นราวคราวเดียวกันเพราะนับตั้งแต่ติดตามฮูหยินมาอยู่ที่อำเภอเฉินแห่งนี้ก็นานมาแล้วตั้งแต่คุณหนูยังเป็นเด็กอายุไม่กี่ขวบ นางคุ้นกับเหล่าลู่บ่าวรับใช้ประจำจวนสกุลชิงยิ่งกว่าบุรุษอื่น ในขณะที่เหล่าลู่กลับดูเป็นคนเก็บตัวและเงียบขรึม นางรู้ว่าเหล่าลู่ไว้ใจได้ ในยามอยู่ด้วยรู้สึกราวกับตนเองมีพี่ชายคอยคุ้มครองดูแล ไม่ว่างานหนักใดในเรือนอย่างผ่าฟืนหรือหาบน้ำ เหล่าลู่เคยปล่อยให้นางทำสักครั้งเขาอ้างว่านางเป็นเพียงสตรีรูปร่างบอบบางไม่สมควรทำงานหนัก
จงเหยียนผู้นี้ทั้งรูปลักษณ์สูงสง่า แต่งกายภูมิฐาน อีกทั้งยังมีวรยุทธ์เลิศล้ำ ยากจะหาบุรุษละแวกนี้เทียบเคียงได้ แม้เสี่ยวลิ่งจะเลยวัยแต่งงานแต่นางก็มักจะแอบมองบุรุษรูปร่างหน้าตาดีอยู่บ่อยครั้ง หากแต่เป็นการมองแค่ชื่นชมเพราะมิได้คาดหวังว่าตนเองจะได้ออกเรือนเพราะคนรุ่นเดียวกันแต่งไปตั้งแต่อายุสิบห้า ป่านนี้ลูกๆ ของคนรุ่นนางก็ล้วนโตจนฝึกเขียนอ่านกันได้คล่องหมดแล้ว บุรุษอายุรุ่นนางยากนักที่จะยังครองตัวโสด หากฐานะดีหน่อยอาจจะยังมีแต่ยังไม่แต่งฮูหยินเอกแต่สาวใช้อุ่นเตียงหรืออนุภรรยาก็คงมีไว้ติดบ้านแล้ว ด้วยฐานะของนางที่เป็นเพียงสาวใช้จวนนอกที่ต่ำต้อยคงไร้วาสนาจะผูกด้ายแดงกับบุรุษดีๆ สักคน แต่หากจะให้ไปเป็นอนุภรรยานางก็ไม่ต้องการเช่นกัน
จังฮูหยินพร่ำบอกนางเสมอ “ขอเพียงเจ้ามิได้เป็นอนุภรรยาผู้ใดข้าก็ยินดีแล้ว! เจ้าดูชีวิตของข้าเพราะความไว้ใจสามีแท้ๆ ยินยอมเป็นอนุภรรยาแต่กลับมิได้แม้แต่กราบไหว้ฟ้าดิน ยามนี้ก็กลายเป็นเพียงภรรยาที่มิใช่ภรรยา ข้ามิกล้าบากหน้ากลับไปหาครอบครัวก็เพราะตัดสินใจผิดเพียงครั้งเดียวนี่ล่ะ”
องครักษ์จงเดินนำหน้าเสี่ยวลิ่งพร้อมลากโจรป่ามาถึงหน้าที่ว่าการอำเภอเฉินก็ร้องเรียกให้มือปราบออกมารับตัวโจรไปคุมขัง หัวหน้ามือปราบหลิว
“เจ้าแอบมองข้าตั้งแต่เดินจนจะถึงที่ว่าการอำเภอแล้วนะ” เสียงดุๆ ขององครักษ์หนุ่มเอ่ยขึ้น “อย่าได้คิดร้ายกับข้าเทียว”
“ข้าคิดร้ายอะไรกัน? ก็แค่มองเพราะกลัวว่าจะเดินชนท่านเฉยๆ ม้าของท่านตัวใหญ่ขนาดนี้ หากข้าเดินไม่ระวังมันก็จะเดินไปชนท่านน่ะสิ!”
ใบหน้าเรียวยาวของจงเหยียนหันกลับมามองสาวใช้หน้าคมแวบหนึ่ง
“คราวหน้าเจ้าไม่ควรจะเสี่ยงชีวิตเช่นนี้ หากว่าโจรผู้นี้เชือดคอเจ้าก็คงไม่มีโอกาสได้มาต่อล้อต่อเถียงกับผู้ใดอีก?” จงเหยียนที่นั่งอยู่บนหลังม้าในตอนที่ เสี่ยวลิ่งกลิ้งอยู่พื้นพอจะลำดับเหตุการณ์ได้ “เจ้ากล้าถีบโจรตอนที่มีเตรียมบั่นคอ นับว่าบ้าบิ่นเกินคนทั่วไปนัก!”
“หากข้าไม่ทำเช่นนั้นเกิดเจ้าโจรผู้นี้เชือดคอฮูหยินกับคุณหนูเล่า? จะมิสูญเสียไปหลายชีวิตหรอกหรือ? ในเมื่อสู้แล้วอาจจะมีทางรอด ข้าจะยอมก้มหน้ารับชะตาไปทำไม?”
จงเหยียนได้ยินวาจากล้าหาญจากสตรีบ้าบิ่นต่อหน้าก็มองทรงผมและการแต่งกายของนาง “เจ้าอายุก็คงไม่น้อยแล้วแต่ยังไม่แต่งงาน มิน่าจึงไม่ได้ห่วงคนข้างหลัง”
เสี่ยวลิ่งได้ยินองครักษ์หนุ่มเอ่ยจี้ใจดำก็พลันหน้าตึงในทันที “ทำไมหรือ? หากข้าแต่งงานแล้วจำต้องกลายเป็นคนรักตัวกลัวตายหรือไร?”
“หากเจ้ามีลูกมีสามีก็คงจะคิดระวังมากกว่านี้ คราวหน้าอย่าเสี่ยงอีกเลย อย่าเกรงว่าเจ้าจะไม่โชคดีเช่นนี้”
องครักษ์หนุ่มสีหน้ามิเปลี่ยนขณะคิดจะอบรมสาวใช้ตรงหน้าเสียหน่อย นางน่าจะอายุเกินยี่สิบปีแล้ว เห็นติดสอยห้อยตามคุณหนูชิงมาวัดอยู่บ่อยๆ นางก็นับเป็นคนคุ้นหน้าผู้หนึ่ง หากนางต้องตายเพราะถูกโจรฆ่าเขาเสียก็ย่อมจะเสียใจไม่น้อยที่ไปช่วยนางไม่ทัน คราวแรกที่นางตามคุณหนูมาวัด เขาเห็นนางนั่งรอพร้อมด้วยปิ่นโตอาหารอยู่ศาลาใกล้ๆ ต่อมานางจึงเข้าไปวนเวียนช่วยคุณหนูล้างพู่กัน เตรียมกระดาษ ฝนหมึกและผสมสี นับว่านางเป็นสาวใช้ที่มิเคยนิ่งดูดาย รับใช้คุณหนูยิ่งกว่าหน้าที่ของตนนัก
“ข้าจะรับปากได้อย่างไร? ข้าไม่รู้นี่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องเสี่ยงเช่นนี้อีกหรือไม่?”
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จงเหยียนได้ยืนประจันหน้ากับนางในระยะกระชั้นชิด เขาจึงได้พิจารณาใบหน้าของนางเต็มตา ดวงตาของเสี่ยวลิ่งยาวรี คิ้วโค้งบาง ใบหน้าเล็ก จมูกปลายโด่งรั้น โดยรวมแล้วนับว่าเป็นสตรีหน้าตาน่าดูผู้หนึ่งแต่เพราะนางแต่งกายซอมซ่อไปกระมังจึงทำให้ถูกบุรุษมากมายมองข้าม? แม้ยามทำหน้าบึ้งใบหน้าของนางก็ยังดูเข้าที
“กลับไปส่งข้าเถอะ ข้าอยากกลับจวนแล้ว ออกมานานข้าเป็นห่วงฮูหยินเหลือเกิน”
จงเหยียนยืนนิ่งมองหน้านางจนเสี่ยวลิ่งรู้สึกผิดสังเกต
“องครักษ์จง! องครักษ์จง!”
ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งอยู่ในภวังค์ เสี่ยวลิ่งจึงโบกไม้โบกมือขึ้นต่อหน้าเขาไปมา จงเหยียนได้สติ ร้อง ‘อ๊ะ!’ ออกมาคำหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)