หมิงเฉิงอวี่ทรงครุ่นคิดถึงคดีของเผยมู่ซีและการลอบฆ่าสองแม่ลูกสกุลชิง มิใช่แค่เพียงราชวงศ์เท่านั้นที่มีเรื่องพวกนี้อยู่ ตระกูลใหญ่เองก็เป็นเช่นเดียวกัน การชิงทรัพย์สินและตำแหน่งล้วนเกิดขึ้นได้เสมอ หากไม่เกิดจากคนภายในแก่งแย่งกันเองก็เกิดจากตระกูลอื่นที่เสียผลประโยชน์
“กังเฉิน คนของเราที่ตามสืบมือปราบเฉาได้ความเช่นไร?”
“ข่าวมาแล้วพะยะค่ะ ยามนี้เฉาอวิ๋นจือเดินทางจากเมืองหลวงใกล้ถึงเมืองฉู่จิ้งแล้ว ระหว่างทางพวกเขาจับสตรีหลายคนไปขังไว้ที่เรือนชานเมืองฉู่จิ้ง และไปสืบหาตวนเจี้ยนด้วยพะยะค่ะ”
“เฉาอวิ๋นจืออาจจะรู้ว่าเกาสงทิ้งหลักฐานไว้ให้ตวนเจี้ยน ดีที่ข้าเอาตวนเจี้ยนไปซ่อนไว้แล้ว ส่วนสตรีพวกนั้นมันคงคิดจะเอากลับมาขายที่เมืองหลวง รอให้พวกมันเตรียมตัวจะเอาพวกนางกลับมาก่อนค่อยเข้าไปช่วยเหลือ เจ้าเตรียมมือปราบที่ไว้ใจได้ให้พร้อมไว้”
“หม่อมฉันติดต่อกับคนของเราที่เมืองฉู่จิ้งแล้วพะยะค่ะ”
เมืองฉู่จิ้งเป็นเมืองใหญ่ฝั่งตะวันตกของแคว้นหมิงเป็นรองแต่เพียงเมืองหลวงเพราะเป็นเมืองแห่งการค้า จุดศูนย์รวมของการค้าจากชายแดนมีการเงินสะพัดและห่างออกไปไม่ไกลก็เป็นที่ตั้งของค่ายทหาร องค์ชายสิบห้าได้วางกำลังคนของตนไว้ที่เมืองนั้นพอสมควร มือปราบในเมืองฉู่จิ้งก็มีจำนวนไม่น้อยที่สามารถขอความช่วยเหลือให้มาช่วยจับกุมเฉาอวิ๋นจือได้
“เอาเฉพาะคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น ข้าเกรงว่าหากเราจับเฉาอวิ๋นจือได้แล้ว เขาอาจจะถูกฆ่าปิดปาก ฉะนั้นเราต้องระวังให้จงหนัก”
“พะยะค่ะ”
“คดีของเผยมู่ซีเกี่ยวกับเฉาอวิ๋นจือ หากปล่อยให้คนผู้นี้ตาย โอกาสที่เราจะสาวไปถึงผู้บงการก็คงหมดสิ้น ข้าจะไปฉู่จิ้งจัดการกับเฉาอวิ๋นจือด้วยตัวเอง เจ้าไปเตรียมการเถิด”
กังเฉินกับจงเหยียนจึงต้องออกไปเตรียมม้าและเตรียมคนให้พร้อม
เช้าวันต่อมาองครักษ์สี่คนถูกส่งมาช่วยดูแลจวนสกุลชิง และยังมีมือปราบอำเภอเฉินคอยขี่ม้ามาวนเวียนตรวจตราทุกระยะ ชิงหลานมองหาขบวนเสด็จอยู่ค่อนวันแต่ก็เงียบกริบ ส่วนเสี่ยวลิ่งนางนำอาหารใส่ปิ่นโตไม้มาส่งกังซือเฉินเช่นเคย
“วันนี้องค์ชายเสด็จที่ใดหรือ?”
กังซือเฉินรับปิ่นโตอาหารไปตั้งบนโต๊ะแล้วเปิดดู ดมกลิ่นด้วยความพอใจก่อนจะเงยหน้า “เสด็จเมืองฉู่จิ้งคงอีกหลายวันกว่าจะกลับ ข้ากับคนที่เหลือรับหน้าที่ดูแลวัดกับจวนของพวกเจ้า”
“เหตุใดเจ้าจึงมิได้ตามเสด็จ?”
“ข้ายังมิใช่องครักษ์ชั้นเอกเหมือนญาติผู้พี่กับองครักษ์จงนี่? หากเจ้าเห็นพวกเขาใส่ชุดเต็มยศก็จะรู้ ชุดของพวกเขาจะปักลายงูเหลือมแต่ยามออกมานอกเมืองหลวงพวกเขาจะแต่งกายอย่างที่เจ้าเห็นเป็นชุดองครักษ์วังหลวงทั่วไป”
เสี่ยวลิ่งพยักหน้ารับ นางเพิ่งรู้ว่าจงเหยียนเป็นองครักษ์ชั้นสูง มิน่าเล่า! ท่าทางของเขาจึงดูเย็นชาและเคร่งขรึมนัก
“เจ้าได้ปิ่นปักผมใหม่หรือ? สวยงามเหมือนของที่ร้านในเมืองหลวงเลยเชียว เอ๊ะ! ลวดลายเหมือนของที่พี่สาวข้าเพิ่งซื้อมาคราวก่อน ราคาไม่เบาเลยนะนั่น!”
เสี่ยวลิ่งเผลอยกมือขึ้นคลำปิ่นที่จงเหยียนซื้อมาฝาก “แพงมากหรือ?”
“ก็น่าจะสามตำลึงได้!”
“ไอหยา!” สีหน้าของเสี่ยวลิ่งตกตะลึง สามตำลึงนั้นนางสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้หลายเดือนเลยเชียว...จงเหยียนซื้อของแพงเช่นนี้ให้นาง...ช่างน่าตกใจนัก! ปิ่นธรรมดาที่นางใช้อย่างมากก็ห้าสิบอีแปะ*
“ผู้ใดให้เจ้ามาหรือ?”
“เอ่อ!....” เสี่ยวลิ่งอึกอัก นางไม่กล้าเอ่ยชื่อของจงเหยียนออกไปเพราะไม่รู้ว่าหากมีผู้รู้เข้านางจะถูกนินทาว่าเช่นใด?
กังซือเฉินคนซื่อเมื่อเห็นนางใบหน้าซับสีระเรื่อก็อมยิ้ม “เจ้าไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก คงเป็นบุรุษที่แอบมีใจให้เจ้าล่ะสินะ หากไม่สบายใจที่จะบอกก็ไม่ต้องบอกหรอก...ข้ายกอาหารไปเก็บก่อนนะ”
เสี่ยวลิ่งนึกเป็นห่วงจงเหยียน เขารีบไปไม่บอกไม่กล่าวเช่นนี้มิใช่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงหรอกหรือ? ครั้งก่อนที่เขาจะเข้าเมืองหลวงก็ยังมาดักรอบอกนางที่หน้าวัด ยิ่งคิดก็ยิ่งปริวิตก
“คุณหนูเจ้าคะ องค์ชายรีบเสด็จเมืองฉู่จิ้งตั้งแต่เช้ามืด เห็นทีคงจะมิใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)