“ขอเพียงเจ้ายอมรับข้าเป็นคนรัก เรื่องครอบครัวข้าจะจัดการเอง..ดีหรือไม่?”
เสี่ยวลิ่งพยักหน้ารับ จงเหยียนจึงกอดนางเข้ามาแนบอก
“ข้ายังมิได้ตบแต่งภรรยา ไม่มีอนุภรรยา และไม่มีสาวใช้อุ่นเตียงขอให้เจ้าสบายใจได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าต้องเข้าไปฝึกฝนเพื่อเป็นองครักษ์เสื้อแพรทั้งยากลำบากเหน็ดเหนื่อยต้องอยู่ในวังหลวงมากเสียยิ่งกว่าบ้านเสียอีก จากนั้นก็ต้องติดตามองค์ชายอย่างใกล้ชิดจึงยังมิได้ใส่ใจสตรีใด...ก็มีเพียงแต่เจ้า...เสี่ยวลิ่ง”
“ข้าเชื่อท่าน” เสี่ยวลิ่งแอบยิ้มอยู่ที่อกของชายหนุ่ม...
‘ข้ารู้ว่าท่านยังไม่มีผู้ใดข้างกาย อุตส่าห์สืบข่าวท่านจนแน่ชัด หากไม่มั่นใจมีหรือจะกล้ารับปิ่นปักผมไว้’
จงเหยียนก้มหน้าจูบขมับนางเบาๆ “จากนี้ไปเจ้าเป็นสตรีของข้าขอให้เจ้าจดจำเอาไว้” เขาผลักร่างนางออกแล้วสบตาด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง “พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปซื้อเสื้อผ้าอีกหลายๆ ก็แล้วกัน?”
เสี่ยวลิ่งยิ้มกว้างแต่พลันก็หน้าสลด “ข้ามีแต่รับของจากท่าน เช่นนี้แล้วจะไม่ดูว่าข้าเห็นแก่ตัวหรือเจ้าคะ?”
“เจ้าเป็นคนรักของข้า ข้าก็สมควรต้องดูแลเจ้า หากว่าเจ้าเกรงว่าจะเป็นการเอาเปรียบข้า เจ้าก็ทำปิ่นโตมาส่งข้าด้วยดีหรือไม่?”
“เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ” นางยิ้มอีกครั้ง ในใจก็คิดว่าตนเองคงต้องปรึกษากับ จังฮูหยินเรื่องการทำอาหารปิ่นโตส่งเพิ่มขึ้นในช่วงนี้
“เจ้าไปกินข้าวเถิด ข้าเองก็ต้องไปอารักขาองค์ชายแล้ว” ชายหนุ่มจูงมือนางออกมาจากข้างเรือนครัวก่อนจะปล่อยมือเพราะเกรงว่าจะมีคนเห็น เหล่าลู่เห็นท่าทีทั้งสองดูผิดปกติ ใบหน้าของสาวใช้แดงก่ำ ทั้งปิ่นปักผมราคาสูงที่อยู่บนศีรษะคนที่เปรียบเสมือนน้องสาวของเขาทำให้พอจะเดาความสัมพันธ์ของคนทั้งสองที่เดินตามกันออกมาจากมุมมืดได้ไม่ยาก
“เสี่ยวลิ่งมากินเร็วเข้า ข้าเหลือขาเป็ดไว้ให้เจ้าหลายขาซะด้วย” เป็ดอบฝีมือของจังฮูหยินพวกเขาไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสเพราะเหล่าลู่รู้ว่าองค์ชายทรงโปรดปรานจึงนำเป็ดอบอีกตัวขึ้นไปถวายบนโต๊ะเสวย ส่วนขาเป็ดอบที่พวกเขาได้กินอยู่นี่เป็นของที่มาจากเหลาสุราของคุณชายจั๋ว
“ขอบคุณเหล่าลู่”
จงเหยียนเดินกลับเข้าไปในที่องค์ชายทรงประทับ เขาต้องรอจนกว่าองค์ชายจะเสวยเสร็จและให้องครักษ์ด้านนอกเข้าไปผลัดเปลี่ยนเวรยาม เขากับกังเฉินจึงจะออกมารับประทานอาหารได้ เสี่ยวลิ่งแสร้งกินช้าๆ รอจนกระทั่งองครักษ์ในโต๊ะอิ่มแล้วเข้าไปผลัดเวร นางจึงจัดอาหารมาไว้ให้กับกังเฉินและจงเหยียน
“อีกไม่นานการบูรณะวัดลู่เซี่ยนก็จะเรียบร้อยแล้ว คุณหนูชิงคิดจะไปเข้าไปทำงานที่เมืองหลวงหรือไม่?”
“น่าจะไปนะเจ้าคะแต่ไม่รู้จะเป็นยามใด?”
จงเหยียนสีหน้าหนักใจ กังเฉินเห็นท่าทางสหายก็ยิ้มน้อยๆ “จงเหยียนเจ้าคิดหรือว่าองค์ชายจะไม่หาหนทางให้คุณหนูชิงเข้าไปทำงานที่สำนักจิตรกรหลวง”
จงเหยียนสีหน้าเบิกบาน “จริงสิ! สำนักจิตรกรหลวงไม่ได้จำกัดนี่ว่าต้องเป็นบุรุษเท่านั้นจึงจะเข้าไปทำงานได้”
“นี่เจ้าคงไม่อยากจากเสี่ยวลิ่งนานๆ สินะ” กังเฉินหันมายิ้มสัพยอกสหาย เสี่ยวลิ่งได้ยินก็ก้มหน้าเอียงอาย
“ข้าดูออกมานานแล้วว่าจงเหยียนชอบเจ้า”
จงเหยียนจ้องตอบกังเฉิน “ข้าดูง่ายเช่นนั้นเลยหรือ?”
“เจ้ามันเจ้าเล่ห์ รู้อยู่แล้วว่านางนั่งม้าตัวเดียวกันกับนางก็จะกลายเป็นข่าวลือ เจ้าจงใจทำให้นางกลายเป็นคนของตนเองผู้อื่นจะได้ไม่มาหมายปองนางใช่หรือไม่?” กังเฉินหรี่ตาลงอย่างรู้ทัน
เสี่ยวลิ่งที่นั่งตรงข้ามมองหน้าบุรุษทั้งสองสลับกันไปมา นางคาดไม่ถึงเลยว่าที่แท้องครักษ์จงที่ดูเคร่งขรึมคิดแผนร้ายเช่นนี้กับนาง
“จริงหรือเจ้าคะองครักษ์จง?” คิ้วของเสี่ยวลิ่งขมวดเข้าหากันจ้องไปยังใบหน้าของชายคนรักเขม็ง จงเหยียนหมดปัญญาจะบ่ายเบี่ยงจึงพยักหน้ารับ
“ข้าก็แค่ไม่อยากให้ผู้ใดมายุ่งกับเจ้าแต่....แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เจ้าเสียหายจนไม่อาจเดินผ่านตลาดได้เช่นนั้น!”
ระหว่างโต๊ะข้างนอกกำลังรับประทานอาหารกันไป องค์ชายสิบห้าทรงพูดคุยกับจังฮูหยินและชักชวนให้ทุกคนในโต๊ะดื่มสุรา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)