“คุณชายจิน ข้าว่าจอมยุทธ์ลู่ไม่น่าจะใช้ก้อนหินเหมือนเดิมนะ ค่ายกลของยอดยุทธ์ขนาดนี้จะธรรมดาได้อย่างไร?”
จินวั่งซู่ได้ยินคำทักท้วงจากหมิงเฉิงอวี่ก็พลันชะงัก “จริงขององค์ชายพะยะค่ะ เช่นนั้นอาจจะใช้สิ่งอื่นที่ต่างออกไปอีก...ช่วยหม่อมฉันหาหน่อยเถิด”
องค์ชายสิบห้ามองไปรอบๆ แม้พระองค์จะไม่ได้ทรงหลงใหลเรื่องค่ายกลเช่นเดียวกับเสด็จพี่จวิ้นอ๋องแต่ด้วยความสนิทสนมก็พอจะจำสิ่งที่จวิ้นอ๋องทรงเล่าให้ฟังได้บ้าง
‘จอมยุทธ์ลู่เชี่ยวชาญการวางค่ายกลทุกรูปแบบ หากเป็นแบบไม่ซ่อนอาวุธไว้ภายในก็จะเน้นการสร้างภาพลวงตา อำพรางมิให้ผู้เข้าไปมองเห็นเส้นทางการเดินเข้าออกได้อย่างสะดวก หากเริ่มหลงทางแล้วจะติดกับดักอยู่ในนั้นอดน้ำอดอาหารจนตาย’
หมิงเฉิงอวี่พยายามทบทวนถึงสิ่งที่พี่ชายเคยพร่ำบอก ก่อนที่จวิ้นอ๋องจะเสด็จไปอภิเษกสมรสกับองค์หญิงแคว้นจินทรงมักจะขลุกตัวอยู่ในห้องศึกษาตำราประดิษฐ์อาวุธและค่ายกลเช่นเดียวกับจินวั่งซู่ ยามนั้นองค์ชายสิบห้าไปหาคราใด จวิ้นอ๋องก็มักจะทรงเล่าถึงเรื่องพวกนี้ให้ฟังอยู่เสมอ
“นั่นๆ คุณชายจิน ข้าว่ากอไผ่กอนั้นดูแปลกๆ นะ ท่านดูสิ! มันมีลำไผ่แห้งอยู่ลำหนึ่งเสียบอยู่ด้านข้างแต่กออื่นไม่มีเลยนะ”
จินวั่งซู่มองไปทางที่องค์ชายสิบห้าว่า “จริงอย่างองค์ชายว่าพะยะค่ะ” ชายหนุ่มสาวเท้าไปดูสิ่งผิดปกติในทันที เมื่อยืนเล็งอยู่ครู่หนึ่งจึงได้เห็นสิ่งที่เกี่ยวพันกับก้อนหินและไม้ไผ่แห้งลำนั้น ชายหนุ่มเดินตรงไปที่กอไผ่อีกกอที่อยู่ไม่ไกลนัก จุดที่องค์ชายและองครักษ์ทั้งสองยืนอยู่คือกึ่งกลางของสามเหลี่ยมที่เป็นตำแหน่งการวางค่ายกลพอดี จินวั่งซู่เดินไปยังกอไผ่ที่สามที่มีตอไม้แห้งขนาดเท่าขาวางหลบอยู่ด้านข้าง
“องครักษ์กัง องครักษ์จงพวกท่านไปยืนตำแหน่งก้อนหินกับลำไผ่แห้งนั่นที พอข้านับสามแล้วให้พวกนั้นยกขึ้นพร้อมกันนะ”
กังเฉินกับจงเหยียนเข้าประจำตำแหน่งก่อนจะหันมาพยักหน้า “พร้อมแล้ว!”
“หนึ่ง...สอง...สาม!” กังเฉินยกก้อนหินขึ้น จงเหยียนดึงเอาลำไม้ไผ่ที่ปักอยู่ในกอไผ่ออก ส่วนจินวั่งซู่ยกตอไม้ที่วางตั้งอยู่ให้เคลื่อนออกจากพื้นที่
องค์ชายสิบห้าทรงมองไปรอบๆ หลังจากที่คนทั้งสามยกสิ่งของพวกนั้นขึ้น พระองค์เริ่มมองเห็นว่ากอไผ่เริ่มดูแตกต่างกัน มีกอใหญ่กอเล็กและลำไผ่ก็เริ่มมีขนาดต่างกัน
“เมื่อครู่ข้ายังเห็นต้นไผ่มีลำขนาดเท่ากันอยู่เลยแต่ตอนนี้...”
“ภาพลวงตาหายไปแล้วพะยะค่ะ แต่ก็เป็นแค่ระยะนี้เท่านั้น เราเดินไปข้างหน้าก็จะเจอภาพลวงตาเช่นเดิม”
“สมแล้วที่เป็นค่ายกลของสุดยอดมือวางค่ายกลแห่งยุทธภพ หากข้ามาเพียงลำพังก็คงไม่อาจจะออกไปได้เองแน่ๆ”
กังเฉินเดินมายืนข้างหลังองค์ชาย จงเหยียนกับจินวั่งซู่เข้ามารวมกลุ่ม พวกเขาเดินตามหลังจินวั่งซู่ บัดนี้เริ่มมองเห็นเส้นทางอีกช่วงหนึ่งปรากฏขึ้น เสียงนกฝูงหนึ่งบินเข้ามาในป่าไผ่ส่งเสียงร้องระงม หมิงเฉิงอวี่เงยหน้าขึ้นมอง เขาเคยได้ยิน จวิ้นอ๋องเล่าว่าหากในค่ายกลมีสัตว์พลัดเข้ามาในระวังว่าอาจจะมีไว้หลอกล่อ
“เสด็จพี่เคยบอกข้าว่าสัตว์ในค่ายกลอาจจะเป็นกับดัก!”
“ใช่! พวกมันเข้ามาเพื่อหวังหลอกให้เราหลงทาง”
กังเฉินมองดูนกฝูงนั้นที่บินมาเกาะตามกิ่งไผ่ไม่ไกลพวกเขานัก “พวกมันเชื่อถือมิได้หรอกหรือ? หากองค์ชายมิได้เตือนหม่อมฉันคิดจะน่าจะตามพวกมันไปเพราะพวกมันน่าจะรู้ว่าทางออกอยู่ที่ใดพะยะค่ะ?”
“อย่าเด็ดขาด! ทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาได้ในค่ายกลล้วนเป็นกับดัก!” จินวั่งซู่รีบร้องเตือน เกือบสองเค่อแล้วที่พวกเขาเดินเข้ามาในป่าไผ่ ยังมีเวลาอีกเพียงสองเค่อเท่านั้นที่ต้องแก้ค่ายกลให้สำเร็จ
ยังไม่ทันที่คุณชายจินจะมองไปรอบๆ เพื่อเตือนให้ทุกคนระวังสัตว์อื่น หมาป่าตัวใหญ่ห้าตัวก็ปรากฏขึ้น ดวงตาของมันแดงฉานอยู่จังก้าอยู่หน้ากอไผ่ไม่ไกลนัก
“องค์ชาย! หมาป่ามาพะยะค่ะ!” จงเหยียนหันไปมองหมาป่าห้าตัวที่จ้องมาทางพวกเขาเขม็ง คนที่เหลือรีบมองตาม
“ตัวมันใหญ่กว่าที่ข้าเคยเห็นบนเทือกเขามังกรทะยานซะอีก!” จินวั่งซู่มองด้วยความตระหนกในคราวแรก แต่พอจ้องดูดีๆ เขาก็เริ่มรู้สึกว่าหมาป่าพวกนี้ดูแปลกๆ
“คุณชายจิน ป่าเช่นนี้ไม่น่าจะมีหมาป่ามิใช่หรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)