วันต่อมา แจสเปอร์ไม่ได้ออกจากโรงแรมไปไหนเลย
เขาเอาแต่ดูช่องข่าวบันเทิงของเมืองฮาร์เบอร์
เนื่องจากเขาตัดสินใจที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรมบันเทิงในเมืองฮาร์เบอร์ มันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเขาที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับข่าวบันเทิงในยุคนี้
แม้ว่ายังคงมีความทรงจำจากชาติที่แล้วอยู่ แจสเปอร์ไม่ใช่พระเจ้า เพราะฉะนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะจดจำทุกสิ่งที่คนดังทำในตอนนี้ได้
หลังจากกลางวันที่ยาวนาน แจสเปอร์พิจารณาการทำกำไรบางอย่างเพราะเข้าใจพื้นฐานของอุตสาหกรรมบันเทิงแล้ว! อย่างน้อย ๆ แผนที่ว่าจะเข้าสู่อุตสาหกรรมบันเทิงก็ชัดเจนขึ้นมากในตอนนี้
ในตอนบ่าย เฮนรี่ไปรับแจสเปอร์เพื่อไปรับประทานมื้อเที่ยงตามที่บอกไว้
มันเป็นเวลาบ่ายสอง คนอื่น ๆ คงจะดื่มชาตอนบ่ายแล้วตอนนี้
อย่างไรก็ตาม มันคงไม่แปลกเท่าไหร่สำหรับเด็กบ้านรวยอย่างเฮนรี่ที่จะทานมื้อเที่ยงตอนบ่ายสอง
เมื่อมาถึงทางเข้าของโรงแรม แจสเปอร์เห็นเฮนรี่ทันที ในขณะที่เขาทำท่าทางไร้สาระขณะที่ยืนข้าง ๆ รถสปอร์ตของเขาแบบเท่ ๆ
“ไปกันเถอะ ถ้าเรายังพอมีเวลาหลังมื้อเที่ยง ฉันจะพานายไปรอบ ๆ เมื่องฮาร์เบอร์ เพื่อเปิดโลกของนายให้กว้างขึ้น” เฮนรี่กล่าวกับแจสเปอร์ ยิ้มแก้มปริ เขายืนอยู่ข้างเฟอรารี่ เอฟ 12 ของเขา แตะกุญแจรถที่อยู่บนตัวรถซึ่งราบเรียบและเปล่งปลั่ง
“แค่เราสองคนงั้นเหรอ?” แจสเปอร์นึกบางอย่างได้และถามอย่างรอบคอบ
“เพื่อนของฉันส่วนหนึ่งได้จองโต๊ะไว้แล้ว พวกเข้าเป็นลูกเศรษฐีของเมืองฮาร์เบอร์ ฉันจะแนะนำนายให้รู้จักพวกเขา”
เฮนรี่หัวเราะก่อนที่จะเปิดประตูรถและเข้าไปนั่ง
แจสเปอร์ขึ้นรถและในขณะที่จะคาดเข็มขัดของเขา เฮนรี่เหยียบคันเร่งจนสุด
รถเฟอรารี่ส่งเสียงราวกับเสียงคำรามของวสัตว์ร้าย และล้อทั้งสี่เกิดการเผาไหม้กับผิวถนน หลังจากที่มีควันโขมงออกมา มันพุ่งไปข้างหน้าราวกับจรวด
เฮนรี่จงใจแกล้งด้วยหวังว่าเขาจะได้ยินแจสเปอร์กรีดร้อง เฮนรี่หัวเราะเสียงดังออกมาเมื่อเห็นว่าแจสเปอร์กำลังจ้องเขาอยู่เหมือนเขาถูกท้าทายสงครามประสาท
เฮนรี่พูดกับแจสเปอร์ที่กำลังคาดเข็มขัดอย่างช้า ๆ ต่อว่า “นายไม่กลัวเลยเหรอ?”
“เห็นรถบัสสองชั้นข้างหน้านายไหม?” แจสเปอร์ถามหนึ่งคำถามที่ทำให้เฮนรี่งุนงงเป็นอย่างมาก
“เห็นสิ” เฮนรี่ตอบกลับด้วยจิตใต้สำนึก
“ชนมันสิ” แจสเปอร์กล่าวอย่างเย็นชา
“ห๊า!?” เฮนรี่มองแจสเปอร์ด้วยความประหลาดใจ
“ชนมันสิ ฉันอาจจะกลัวก็ได้นะ” แจสเปอร์ยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย
“…นายมันบ้าไปแล้ว!”
เฮนรี่กัดฟันและกล่าวคำเหล่านั้น
ร้านอาหารส่วนตัวระดับเฟิร์สคลาสของเมืองฮาร์เบอร์ เดอะ มิธทิคอล ดราก้อน คิทเช่น
แนวคิดของ เดอะ มิธติคอล ดราก้อน คิทเช่น นั้นเหมือนกับสำรับอาหารส่วนตัวประจำบ้านที่เป็นที่นิยมซึ่งเกิดขึ้นในรุ่นหลัง เว้นแต่ว่ามันคือครัวแบบส่วนตัวอย่างแท้จริง
เชฟผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามเกิดที่นี่
มันไม่ง่ายเลยจะจัดอันดับเชฟผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองฮาร์เบอร์ได้เพราะไม่ใช่แค่เป็นเพียงที่หนึ่งทางด้านกาปรุงอาหารแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังต้องรังสรรค์เมนูใหม่ ๆ ขึ้นมาอยู่ตลอด โดยต้องมั่นใจว่าอาหารเหล่านั้นยังคงเป็นที่นิยมอีกด้วย
ถ้วยเปล่าของซุปเห็ดใน มิธติคอล ดราก้อน คิทเช่น สามารถขายได้ถึงหลายร้อยดอลลาร์ มากไปกว่านั้น หลายคนยังคงรีบมาลองชิม
มันต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีเพื่อจองที่นั่งของที่นี่
เฮนรี่พาแจสเปอร์เข้ามาใน มิธติคอล ดราก้อน คิทเช่น ด้วยท่าทีป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ท่ามกลางการทักทายตลอดทาง ท่าทีของเฮนรี่จึงกลับมาเป็นปกติ
“ฉันเดาว่านายคงไม่มีเชฟเฟิร์สคลาสในแผ่นดินใหญ่ใช่ไหม?” เฮนรี่โม้
“เราไม่มีจริง ๆ นั่นแหละ เพราะพวกเขาทุกคนเอาแต่ยุ่งอยู่กับการสอนเชฟของนายให้ทำอาหารตามต้นตำรับของแผ่นดินใหญ่ของเราที่แท้จริงเป็นไงล่ะ” แจสเปอร์เปรย
เฮนรี่ผงะ และคิดได้ว่าเชฟผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองฮาร์เบอร์ถูกจำกัดด้วยเมนูอาหารของแท้ตามตำรับของแผ่นดินใหญ่แม้ว่าจะพยายามหลายครั้งที่จะหลีกเลี่ยงมันก็ตาม นอกจากทั้งสามเชฟผู้ยิ่งใหญ่แล้ว สองในนั้นเริ่มอาชีพนี้ด้วยเมนูอาหารของแผ่นดินใหญ่ด้วย
เฮนรี่เก็บคำดูถูกกับตัวเขาไว้ทันที
“ห้องส่วนตัวอยู่ชั้นบน”
หลังจากกล่าวด้วยท่าทีบูดบึ้ง เฮนรี่จึงเดินนำทางไป
แจสเปอร์เดินขึ้นขั้นบันไดอย่างช้า ๆ ด้วยที่เป็นครัวส่วนตัวขั้นเฟิร์สคลาส มิธติคอล ดราก้อน ได้ให้ความสำคัญไปที่การตกแต่ง ภาพติดฝาผนังแบบสุ่มภาพหนึ่งแขวนตรงกำแพงของทางเดินเป็นของโบราณของแท้แน่นอน สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของมิธติคอล ดราก้อนนั้นเห็นได้ชัดมาก
หลังจากเข้ามาถึงห้องส่วนตัวชั้นบนแล้ว เฮนรี่ผลักประตูเข้าไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ ไปให้สุด