“คุณชายฮั่ว ฉันต้องการคลิปในห้องด้วย” น้ำเสียงของเฉินมู่นั้นเรียบเฉยและสงบนิ่ง
พลันมีเสียงถอนหายใจแผ่วดังออกมาจากโทรศัพท์ ฮั่วหยุนเซียวเอ่ยถาม “คุณเคยเรียนกังฟูมาก่อนหรือเปล่า?”
เฉินมู่ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าตอบ “เคยเรียนค่ะ”
“เรียนกับใคร?” เสียงเข้มถามขึ้นอีกครั้ง
เฉินมู่ขมวดคิ้ว เรียนกับใครอย่างนั้นเหรอ?
เธอฝึกซ้อมอยู่ในค่ายที่แข็งแกร่งที่สุดของเคโจว ทั้งล้มลุกคลุกคลานมาแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง และพัฒนามาเรื่อย ๆ จนได้มายืนอยู่บนจุดสูงสุด
“เฉินมู่ คุณ...”
“ไม่มีใครหรอกค่ะ ฉันเรียนด้วยตัวเองจนชำนาญ” เฉินมู่บอกตัดบทเขา “คุณชายฮั่ว นี่คุณกำลังตรวจสอบฉันอยู่เหรอคะ?”
ฮั่วหยุนเซียวเงียบไปครู่หนึ่ง “ผมกำลังทดลองทำความเข้าใจคุณอยู่”
ครั้งนี้ ฮั่วหยุนเซียวไม่ได้รอให้เฉินมู่ตอบกลับมา มือหนากดวางสายเสียงดัง “ตู้ด” ทันที
ทัศนคติของเธอมันชัดเจนมาก เฉินมู่แสดงให้เขารู้อย่างแจ่มแจ้งว่าไม่อยากโดนสืบข้อมูล
ใบหน้าหล่อบึ้งตึงพลางวางโทรศัพท์ลง
ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา เขาดูแลปกป้องเธอทุกอย่าง แต่สิ่งที่ได้กลับมาดันกลายเป็นว่า เฉินมู่ไม่ยอมบอกอะไรสักเลยคำ
กระทั่งถึงตอนนี้ คำที่เฉินมู่ใช้เรียกขานเขาล้วนเป็นคำพูดที่สุภาพและเป็นประโยคที่ห่างเหิน เช่น คุณชายฮั่ว
“ฮานเฉิง” ฮั่วหยุนเซียวเรียกผู้ช่วย “เลื่อนเวลาการตรวจสอบบริษัทขึ้นมา แล้วจองตั๋วเครื่องบินในคืนนี้เลย”
ฮานเฉิงชะงักไป ก่อนจะรีบพยักหน้าตอบ “ครับ บอส”
ฮั่วหยุนเซียวมองโทรศัพท์ที่หน้าจอดำสนิทบนโต๊ะ พร้อมปิดตาลงใช้มือนวดตรงหว่างคิ้ว
ชีวิตของเขาไม่ได้หมุนรอบแค่สาวน้อยคนนี้เพียงคนเดียว เขาต้องออกไปเคลื่อนไหว ทำให้ตัวเองกระปรี้กระเปร่าเสียหน่อย
ยามที่เฉินมู่กลับมาถึงตระกูลเฉิน ทุกคนในบ้านล้วนหลับกันหมดแล้ว เธอกลับไปที่ห้องของตัวเอง ขาเรียวปีนขึ้นไปบนที่นอน ส่วนเรื่องใหญ่ที่คิดจะจัดการก็ค่อยว่ากันพรุ่งนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น พอเฉินมู่จัดเก็บของเข้าที่แล้ว ร่างบางก็ลงมาด้านล่าง เพียงครู่เดียว เฉินชิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ในห้องอาหารก็มองเห็นเธอ อีกฝ่ายตกใจสุดขีด พลันเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกักว่า “แก...ทำไมแก...”
เฉินมู่เบนสายตาขึ้นมองเธอ นัยตาฉายแววเย็นชา รูปแบบในการมองนี้...เหมือนกับว่ากำลังมองดูถูกเหยียดหยามคนตายอย่างใรอย่างนั้น ไม่นาน เฉินมู่ก็ตอบกลับเสียงเบา “น้ำผลไม้ของเธอมันล้นแล้ว”
เฉินชิงเสวี่ยก้มศีรษะมองน้ำผลไม้ของตัวเองที่ล้นออกจากปากแก้ว มันล้นไปทั่วบริเวณโต๊ะอาหารจนคนรับใช้ต้องรีบมาทำความสะอาดให้เธอ
เฉินชิงเสวี่ยหวีดร้องเสียงแหลม “แกกลับมาได้ยังไงกันเนี่ย!”
เฉินมู่ยิ้มออกมาจาง ๆ “นี่มันบ้านของฉัน ทำไมฉันจะกลับมาไม่ได้?”
“แต่ว่าแก...ไม่ใช่ว่าแก...” เฉินชิงเสวี่ยสับสนจนถึงขั้นพูดจาสลับไปมาไม่เป็นขั้นเป็นตอน
เธอเห็นเต็มสองตาว่าประธานจางให้คนเอายัยพี่สาวคนนี้เข้าไปในคฤหาสน์แล้วนี่ มันเป็นไปไม่ได้ที่ชายคนนั้นจะยอมเลิกรา แถมยังไม่จับหล่อนไปทรมานแล้วลอกผิวหนังชั้นนอกของหล่อนออกอีก เธอคาดไม่ถึงว่าเฉินมู่จะกลับมาแบบไร้รอยขีดข่วนอย่างนี้!
“เฉินมู่! แกยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ? แต่ถึงแกจะกลับมา ซีเจ๋อก็ไม่ต้องการแกอยู่ดี!” เฉินชิงเสวี่ยถลึงตาพูด
เธอมั่นใจ เฉินมู่ที่โดนประธานจางเอาตัวไปแบบนั้น ไม่มีทางที่จะกลับมาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บหรอก
ทว่าทั้งหมดนี่ ในสายตาของเฉินมู่มันก็เป็นแค่การใช้ชื่อของผู้อื่นเพื่อข่มขู่เธอเท่านั้น
เฉินมู่เลิกคิ้วมองตอบโต้ด้วยแววตาเชือดเฉือนดั่งกระบี่เล่มคม ริมฝีปากยกยิ้มเหยียด “ชิงเสวี่ย เราทั้งคู่ต่างเป็นคนตรง ๆ ที่จะไม่พูดลับหลังกัน ในเมื่อเธอประกาศศึกออกมาแบบนี้ ฉันก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ”
“แก...แกหมายความว่าอะไร” เฉินชิงเสวี่ยเริ่มพูดจาติดขัด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่