เมื่อวานเธอทั้งต่อสู้ทั้งหลีกเลี่ยงจนเหนื่อยล้าเกินไป ทั้งวันเฉินมู่จึงไม่ได้ออกไปไหนเลย
กระทั่งฟ้ามืด ร่างบางจึงเก็บของอย่างลวก ๆ แล้วลงบันไดไปเพื่อหามื้อดึกทาน
ทว่าตอนที่เดินผ่านห้องของเฉินชิงเสวี่ย เธอกลับได้ยินเสียงหัวเราะของชายหญิงดังมาจากข้างใน…
บังเอิญว่าประตูห้องปิดไม่สนิท คำพูดทุกประโยคจึงดังเข้าไปในหูของเฉินมู่อย่างชัดเจน
“เสวี่ยเอ๋อ ผมได้ยินว่ามีบริษัทนายหน้าอยู่ในนามของเฉินมู่ มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
“มันเป็นเรื่องจริง แต่ว่าพี่เขาไม่เข้าใจการดำเนินการของบริษัท พ่อเลยบอกว่าจะขายบริษัททิ้งแล้วล่ะ!”
เฉินมู่ขมวดคิ้ว มีเพียงแค่บริษัทนั่นที่เป็นมรดกชิ้นเดียวของคุณแม่ที่ทิ้งเอาไว้ให้เธอ มันเป็นสินสอดที่เตรียมไว้ให้เฉินมู่ตอนหมั้นกับตระกูลลู่ เฉินลี้ซานยังไม่ทันจะถามความเห็นเธอ ก็จะขายบริษัทเสียแล้ว?
“ซีเจ๋อ ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว คนที่ต้องหมั้นกับคุณเป็นพี่เขานะ ถ้าพวกเราสองคนพูดเรื่องพวกนี้ออกไปก็คงดูไม่ดีนักหรอก...”
“เสวี่ยเอ๋อ ห้ามพูดแบบนี้นะ! คนที่ผมรักมีแค่คุณคนเดียว!”
“คุณวางใจเถอะ การลงทุนที่คุณแลกเปลี่ยนกับประธานจางในครั้งนี้ มันได้ช่วยแก้ไขปัญหาของผมแล้ว อีกนิดเดียวผมก็จะสามารถยกเลิกการหมั้นได้แล้ว! พอถึงตอนนั้นก็จะจัดงานแต่งให้คุณเข้าตระกูลอย่างใหญ่โต!”
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันต้องไปทานข้าวกับประธานจางเลยนะ! คุณไม่รู้หรอกว่าเขาพยายามจะลวนลามฉันตลอดเวลา ฉันเกือบจะเสียท่าแล้วด้วยซ้ำ!”
“ลำบากแย่เลยนะ เสวี่ยเอ๋อ....”
ไม่นานก็มีเสียงบางอย่างดังแว่วออกมาจากภายในห้อง เป็นเสียงน่าอายที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้คนฟังอยู่หน้าแดงและหัวใจเต้นรัว
เยี่ยมจริง ๆ เฉินชิงเสวี่ยขายเธอให้กับประธานจางเพื่อแลกเปลี่ยนการลงทุน ในที่สุดเฉินมู่ก็เข้าใจแล้ว
ทว่าพอเธอกำลังจะก้าวขาเดินออกไป คนรับใช้ที่เดินผ่านมาก็ตะโกนทักเสียงดัง “คุณหนูใหญ่ คุณมาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ?”
เฉินมู่ใจเต้นแรง และเป็นไปตามที่คาดไว้ วินาทีถัดมาประตูห้องก็เปิดออก เฉินชิงเสวี่ยเดินออกมาโดยที่มือกำลังจัดชุดนอน ใบหน้าของอีกฝ่ายแดงระเรื่อ เส้นผมยุ่งเหยิงกระจายอยู่บนหัวไหล่
เธอกวาดตามองครู่หนึ่ง คนใช้จึงรีบเดินออกไป จากนั้นก็ตะโกนถามอย่างเขินอาย “พี่คะ ทำไมพี่ถึงได้มายืนฟังคนอื่นคุยกันได้ล่ะคะเนี่ย...”
หัวใจขอบเฉินมู่มันบีบรัดจนเจ็บปวด เธอคิดว่า เฉินมู่คนก่อนจะต้องชอบลู่ซีเจ๋อมากแน่ ๆ ชอบจนถึงขั้นทำตามทุกอย่างดั่งคนว่านอนสอนง่าย เพียงเพื่อให้ได้อยู่ในสายตาเขาแค่ครู่หนึ่งก็ยอม
เฉินมู่ระงับอาการใจหวิวแล้วถามเรื่องเมื่อสักครู่ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับบริษัทนายหน้า?”
เฉินชิงเสวี่ยปิดปากหัวเราะเบา ๆ “พี่พูดถึงบริษัทเล็ก ๆ ใกล้เจ๊งที่แม่ของพี่ทิ้งไว้ให้งั้นเหรอ? จะเกิดอะไรขึ้นได้อีกล่ะคะ? นอกจากบริษัทเฉินกรุ๊ปมีเงินทุนไม่พอเลยต้องเอาไปขายน่ะสิ!”
เฉินมู่ขมวดคิ้ว เฉินชิงเสวี่ยจึงพูดต่อ “พี่ตัดใจไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? ที่จริงแม่ของพี่ที่ตายไปก็ไม่ได้ทิ้งของดี ๆ ไว้ให้เลยนี่ ถ้าหากพี่คุกเข่าขอร้องฉัน ฉันจะไปพูดกับคุณพ่อให้ก็ได้นะ ว่าให้คืนบริษัทนี้ให้กับพี่ เอาไหมล่ะ?”
เฉินมู่เอื้อมมือไปดึงชุดนอนของเฉินชิงเสวี่ยพลางยิ้มเยาะ “ขอร้องเธอ? เธอมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เฉินชิงเสวี่ยที่มีลู่ซีเจ๋ออยู่ด้วยกันที่นี่ ก็ชูคอเชิงกล้าหาญขึ้นมามากกว่าเดิม เธอคว้ามือของเฉินมู่ไว้แล้วกดลงไปที่แผลด้วยสีหน้าแววตาที่เต็มไปด้วยความสาแก่ใจ!
“พี่คะ นี่มันเป็นความผิดของพี่นะ ฉันปรารถนาดีอยากจะช่วยแท้ ๆ ทำไมพี่ถึงไม่ยอมรับน้ำใจไปล่ะ? ไม่ใช่ทุกคนที่จะใจดียินยอมมอบความเมตตาให้กับพี่เหมือนฉันหรอกนะ!”
“พี่ดูสภาพตัวเองสิ แม่ก็ตายไปก่อนวัยอันควร พ่อก็ไม่รัก คู่หมั้นก็กลายมาเป็นของฉัน แค่ของที่แม่ทิ้งไว้ให้ก่อนตายก็ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้ น่าเวทนาจริง ๆ!”
เฉินมู่ตีสีหน้าเย็นชาทันควัน “ปล่อยมือ”
เฉินชิงเสวี่ยกลับพูดอย่างลำพองใจ “ฉันไม่ปล่อย! แกจะทำไม? รสชาติของการที่โดนแย่งผู้ชายที่รักไปมันเป็นยังไงเหรอ? เฉินมู่ แกทำให้ฉันเห็นอย่างชัดเจน! ว่าฉันน่ะเป็นถึงคุณหนูตระกูลเฉินผู้ร่ำรวย ส่วนแกน่ะ แค่สุนัขข้างทางตัวเดียวยังเทียบไม่ติด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่