เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 54

SPIN-OFF บทที่ 54

เพิ่งจะก้าวเข้ามาข้างในไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง

แต่ตัวตนของรูลลักก็แผ่อำนาจไปทั่วห้องทำงานแล้ว
เป็นพลังที่ทำให้คนทั่วไปรู้สึกขวัญเสียโดยอัตโนมัติ เป็นพลังที่ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้
“ท่านเจ้าตระกูลมาเหรอ”
“จะ จริงด้วยแฮะ”
พนักงานของกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียกระซิบกระซาบกันเสียงเบา

พวกเขาทำงานอยู่ที่กลุ่มการค้าของตระกูลลอมบาร์เดียก็จริง แต่การได้พบหน้าคนในตระกูลโดยตรงนั้นไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ

นับประสาอะไรกับรูลลัก ลอมบาร์เดียผู้เป็นเจ้าตระกูล

พวกเขารีบถอยไปด้านหลังเพื่อเปิดทางให้เจ้าตระกูลเข้าไปหาแคลอฮัน แต่ขณะเดียวกัน บนใบหน้าที่เหลือบมองรูลลัก ลอมบาร์เดียก็ไม่อาจปิดบังความประหม่าและความตื่นเต้นได้

“ท่านพ่อ”

แคลอฮันก็ค้อมศีรษะทักทายพร้อมกับคนอื่นๆ เช่นกัน

“มีเรื่องอะไรเหรอครับถึงได้มาจนถึงที่นี่”

“ข้าเพิ่งกลับมาจากวังก็เลยแวะมาน่ะ”

รูลลัก ลอมบาร์เดียตอบคำถามของแคลอฮันอย่างเป็นปกติ

แต่เจ้าตระกูลของลอมบาร์เดียนั้นยุ่งเกินกว่าที่จะทำใจให้เชื่อคำพูดนั้นได้

แม้แต่ตอนที่หัวหน้ากลุ่มการค้าไปคฤหาสน์ลอมบาร์เดียเพื่อขอคำอนุมัติจากเจ้าตระกูลเรื่องกลุ่มการค้า เขาก็ยังต้องรออยู่หลายชั่วโมงถึงจะได้เหยียบเท้าเข้าไปในห้องทำงาน

ไม่เพียงแค่นั้น กรณีที่เจ้าตระกูลมาเยือนถึงห้องทำงานของกลุ่มการค้าด้วยตัวเองก็เป็นเรื่องที่ยากเข้าไปอีก

เพราะต่อให้เจ้าตระกูลจะอยากทำเช่นนั้น แต่ตารางงานก็ยุ่งมากจนไม่สามารถหาเวลามาได้

โรมาเชีย ดิลลาร์ดที่ฉุกคิดถึงเรื่องนั้นได้ มองรูลลักและแคลอฮันที่ยืนอยู่ข้างๆ ตนเองสลับไปมาด้วยสายตาคลุมเครือ ก่อนจะแทรกเข้าไปในบทสนทนาของคู่พ่อลูกอย่างเป็นธรรมชาติ

“ยินดีต้อนรับครับท่านเจ้าตระกูล แล้วก็ท่านเจ้าตระกูลพูดถูกนะครับท่านแคลอฮัน เป็นเพราะท่านแคลอฮัน พวกเราก็เลยผ่านวิกฤติครั้งใหญ่มาได้”

เมื่อได้ยินดังนั้น พนักงานคนอื่นต่างก็พยักหน้า

ทันใดนั้นใบหน้าของแคลอฮันก็แดงขึ้นเล็กน้อย เขาพยักหน้าลงอย่างช่วยไม่ได้เพราะจะเอาแต่ปฏิเสธต่อไปไม่ได้อีก

แต่นั่นก็แค่ครู่หนึ่ง

“ทำได้ดีมากแคลอฮัน”

พอได้ยินคำพูดชมเชยของบิดา ใบหน้าแดงระเรื่อชวนมองก็หายไปราวกับถูกชะล้าง เหลือไว้เพียงสีหน้าที่แข็งทื่อเพราะความตกใจเท่านั้น

เขาเคยชินกับการถูกต่อว่ามากกว่าชมเชย เคยชินกับการเบือนหน้าหนีอย่างผิดหวังมากกว่าคำพูดที่บอกว่า ‘ทำได้ดีมาก’ อย่างเช่นตอนนี้

แคลอฮันทำเพียงก้มหัวลงอีกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าควรต้องตอบว่าอะไร

“ในเมื่อมีผลสำเร็จ ก็ต้องมีรางวัลมอบให้สินะ”

ทุกคนต่างก็เงี่ยหูฟังเมื่อได้ยินคำพูดที่รูลลักพึมพำออกมา

รางวัลที่เจ้าตระกูลของตระกูลลอมบาร์เดียมอบให้จะเป็นอะไรกันนะ
ขณะที่แต่ละคนกำลังจินตนาการไปไกล รูลลักก็พูดต่อ
“ให้เจ้าเป็นเพื่อนเดินทางไปพิธีอภิเษกสมรสของรัชทายาทกับข้าก็แล้วกัน”
ไม่ได้ให้รางวัลเป็นทองแท่งหรือเงินก้อนโต แต่เป็นเพื่อนเดินทางไปงานอภิเษกสมรสเนี่ยนะ?
หลายคนเอียงคอสงสัย
แต่คนอื่นๆ ที่รู้คุณค่าของรางวัลนั้นอย่างเช่นโรมาเชีย ดิลลาร์ดต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

นับตั้งแต่นาตาเลีย ลอมบาร์เดียผู้เป็นภริยาเสียชีวิต รูลลักไม่เคยพาคนในครอบครัวไปร่วมงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการด้วยตนเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว

โดยปกติแล้ว เจ้าตระกูลของตระกูลขุนนางจะพาบุคคลที่หมายตาให้เป็นผู้สืบทอดไปงานด้วยเพื่อเป็นการสอนงานไปในตัว เป็นวิธีการที่ต่างจากการพาไปสร้างสัมพันธ์

กล่าวโดยสรุปก็คือ มันเหมือนกับการประกาศว่า ‘ข้ายังไม่ได้กำหนดตัวผู้สืบทอด’

รูลลักและบุตรจะแยกกันเข้างานเสมอ

แต่ทว่า รูลลักกลับบอกว่าจะพาแคลอฮันซึ่งเป็นบุตรคนเล็กไปงานเลี้ยงทางการ

แถมนั่นยังเป็นพิธีอภิเษกสมรสของรัชทายาทโยบาเนสด้วย

ความหมายแฝงที่อยู่ในข้อเสนอสั้นๆ นั้นไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้หมด

“ว่ายังไง แคลอฮัน”

เป็นคำถามที่ราวกับให้สิทธิ์เลือก

แคลอฮันไม่ตอบ เขาหลับตาลงพักหนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง

เขารู้ว่ามันไม่ใช่คำถามที่เรียบง่ายอย่างการถามว่าเขาจะไปเป็นเพื่อนเดินทางหรือไม่

บิดารู้เห็นเรื่องของชาห์น แต่ไม่ได้กีดกันเขาเป็นพิเศษ

ท่านเพียงแค่สั่งงานและเฝ้าดู

และทันทีที่แคลอฮันเริ่มเผยความถนัดในงานของกลุ่มการค้า ท่านก็สั่งให้เบเจอร์ไปสร้างความลำบากให้ชาห์น

เมื่อที่ซุกหัวนอนและที่ทำงานหายไป นางก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องอาศัยอยู่ในลอมบาร์เดียอีกแล้ว

และในตอนนี้ท่านก็กำลังออกคำสั่งกับบุตรชายอยู่

จงคว้ามือที่ข้ายื่นให้เหมือนกับการมอบรางวัลข้างนี้อย่างซาบซึ้งซะ

แต่แน่นอนว่าเขาจำเป็นต้องปล่อยมือของชาห์นก่อนเพื่อทำเช่นนั้น

เวลาราวกับยาวนานขึ้นหลายวินาทีในระหว่างที่แคลอฮันและรูลลักเผชิญหน้ากัน

“ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ดีนี้ครับท่านพ่อ”

แคลอฮันเอ่ยตอบอย่างหนักอึ้งเป็นการจบความเงียบงัน

“อืม เจ้าเลือกถูกแล้วละ แคลอฮัน”

“…”

คฤหาสน์พลุกพล่านไปด้วยเหล่าเครือญาติของลอมบาร์เดียที่มาร่วมงาน และเหล่าข้ารับใช้ที่ช่วยพวกเขาเตรียมตัว
พื้นที่ของเจ้าตระกูลเองก็ไม่ต่างกัน
เสียงเคาะประตูต่ำๆ ดังสะท้อนไปทั่วห้องของรูลลักที่กำลังตรวจสอบการแต่งกายเป็นรอบสุดท้ายโดยมีความช่วยเหลือจากพ่อบ้าน
“เข้ามาได้”
คนที่มาพบคือแคลอฮัน บุตรชายคนเล็กดังคาด “ข้าใกล้จะเสร็จแล้ว เจ้ารออีกสักหน่…”
คำพูดของรูลลักพลันหยุดชะงักไป

ง่ายถึงเพียงนี้
ง่ายเสียจนไร้ค่า
แคลอฮันเผชิญหน้ากับบิดาที่มักจะทำให้เขารู้สึกกดดันอยู่เสมอเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าตรงๆ
“ข้าจะไม่เอาอะไรจากลอมบาร์เดียไปทั้งนั้นครับท่านพ่อ ทั้งเงินทั้งหมดที่เคยจัดสรรให้ก่อนหน้านี้ข้าก็เก็บไว้ในตู้นิรภัยของธนาคารครับ”
“เจ้าคิดจะไปเป็นคนเร่ร่อน ไปขอทานกินเหมือนกันหรือไง” น้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยวของรูลลักทำให้แคลอฮันยิ่งตอบกลับด้วยเสียงที่เยือกเย็นกว่าเดิม
“โชคดีที่ข้ายังมีมรดกที่ได้รับจากท่านแม่มาอยู่บ้าง เพราะงั้นไม่ต้องกังวลนะครับ ข้าไม่ได้ไปมือเปล่า”
“…ว่าไงนะ”
“ท่านแม่ทิ้งมรดกไว้ให้ข้ามากที่สุดในบรรดาพวกเราสี่คนพี่น้องใช่ไหมล่ะครับ บางทีท่านแม่อาจคิดว่าจะต้องมีวันนี้เข้าสักวัน ก็เลยทำเช่นนั้นละมั้งครับ”
“แคลอฮัน นี่เจ้า…!”
“ข้าเคยคิดครับ ว่าจะต้องหาที่ยืนของตัวเองในลอมบาร์เดียให้ได้ โชคดีที่งานของกลุ่มการค้าง่ายกว่าที่ข้าคิดไว้ มันทำให้ข้ารู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาว่าข้าคงจะเป็นบุตรชายของรูลลัก ลอมบาร์เดียจริงๆ แต่ว่า”
มันก็แค่นั้น
“ข้าไม่มีความสุขเลยครับ และยิ่งมั่นใจมากขึ้นด้วยว่าที่ที่เดียวที่ทำให้จิตใจของข้าผ่อนคลายได้ก็คืออยู่ข้างๆ คนผู้นั้น ชาห์นเป็นคนเช่นนั้นสำหรับข้าครับ ท่านพ่อ”
เขาจะออกไปจากคฤหาสน์เงียบๆ ก็ได้
แต่เขาไม่ทำเช่นนั้น
เพราะเขาคิดว่าบิดาก็ควรได้รับโอกาสในการเลือกเช่นเดียวกับเขา
“ได้โปรดยอมรับชาห์นเป็นสมาชิกคนหนึ่งของลอมบาร์เดียเถอะนะครับ ท่านพ่อ แล้วข้าจะไม่ไปจากตระกูล ข้าจะใช้ชีวิตด้วยความพยายามมากขึ้น ไม่ทำให้ชื่อของลอมบาร์เดียต้องอับอายใคร”
การตัดสินใจทั้งหมดขึ้นอยู่กับรูลลัก
เป็นหน้าที่ของรูลลักที่ต้องตัดสินใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]