“คุณหนู ทำอะไรอยู่เหรอคะ”
เธอเพิ่งวางปากกาลง แต่แล้วก็ต้องเงยหน้าหันกลับไปมองเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนเรียกเธอ
หญิงสาวเจ้าของผมสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบจะเป็นสีธัญพืชเดินเข้ามาในห้องหนังสือนางถอดเสื้อโค้ตตัวนอกออก แล้วเดินยิ้มเข้ามาหาเธอ
“อ๊ะ ลอรีล วันนี้มาเร็วจัง?”
ลอรีลเป็นผู้ดูแลหญิงที่ท่านพ่อจ้างมาให้เป็นเพื่อนคุยกับเธอหลังจากที่เธออายุครบสิบเอ็ดปี
นางเป็นคนร่าเริง นิสัยเข้ากับคนง่าย ปีนี้อายุครบสิบเก้าพอดี
“มอบห้องในคฤหาสน์ให้ข้าสักห้องไม่ได้เหรอคะ ไปๆ มาๆ แบบนี้มันไม่สะดวกเลยค่ะ คุณหนู”
“ไม่ได้หรอก ถ้าเจ้าไม่กลับบ้าน คุณนายดิลลาร์ดคงได้เสียใจแย่เลยไม่ใช่หรือไง”
บุตรสาวคนเล็กของโรมาเชียดิลลาร์ดคนนี้ นางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวท่ามกลางบุตรชายหลายคน ทำให้นางเป็นที่รักมากของทุกคนในครอบครัว
ทั้งยังเป็นน้องเล็กที่มีแต่พี่ชายกว่าสามคนซึ่งอายุห่างกันมาก ยิ่งทำให้ทุกคนหวงแหนมากขึ้นไปอีก
“ดูเหมือนท่านแม่จะเริ่มมองคู่ครองที่พอใช้ได้ให้ข้าแล้วน่ะค่ะ ข้าเองก็อยากจะคบใครสักคนอยู่หรอก แต่รอบตัวไม่มีผู้ชายดีๆ ก็เลยลำบากใจ… เขียนจดหมายหรือคะ”
ลอรีลเดินเข้ามาใกล้ นั่งลงข้างเธออย่างเป็นธรรมชาติพลางถาม
“กระดาษเขียนจดหมายดีๆ แบบนั้น เห็นนานๆ จะใช้สักครั้งนี่นา”
ตอนแรกเธอก็แค่ใช้กระดาษอะไรก็ได้ที่มีนั่นแหละ
แต่ยิ่งเวลาผ่านไป จดหมายที่เฟเรสส่งกลับมาให้มันก็เริ่มดูดีมีระดับขึ้นทีละน้อยน่ะสิ
พออีกฝ่ายใช้กระดาษดีแบบนั้น จะให้เธอใช้ด้านหลังกระดาษสมุดก็ไม่ได้อยู่แล้ว
เธอก็เลยต้องเขียนจดหมายลงบนกระดาษดีๆ อย่างช่วยไม่ได้
จะว่าไป หลังจากที่เธอยัดเด็กคนนั้นเข้าไปอยู่ในวังโฟอิรัคก็ผ่านมาได้เกือบสามปีแล้วสินะ
ระหว่างนั้นเธอก็อายุครบสิบปีแล้ว และเฟเรสเองก็เพิ่งอายุครบสิบสามปีหลังจากผ่านวันเกิดของเขาไปเมื่อไม่นานมานี้
ที่ผ่านมาไม่เคยได้ไปพบหน้าเขาเลยสักครั้ง แต่ทุกครั้งที่แคทเธอรีนแวะมาที่คฤหาสน์ เธอก็มักฝากจดหมายไปพร้อมกับถามข่าวคราวบ้างเป็นครั้งคราว
“ผู้รับคือใครเหรอคะ”
“ยังบอกไม่ได้ ก็รู้ไม่ใช่เหรอ”
เรื่องที่เธอกับเฟเรสมีความสัมพันธ์ในแบบที่รับส่งจดหมายติดต่อหากัน เป็นเรื่องที่บอกให้ใครรู้ไม่ได้
ลอมบาร์เดียกับอังเกนัส
มันไม่ใช่เวลาที่จะเข้าไปแทรกในการต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างเจ้าชายลำดับที่หนึ่งกับเจ้าชายลำดับที่สอง
พอเธอพับจดหมายใส่ซองส่งให้ลอรีล นางก็ประทับตราขี้ผึ้งปิดผนึกให้อย่างเคยชิน
“เฮ้อ…เอาไว้ต้องบอกให้ข้าทราบนะคะ”
“อื้อ ไว้ทีหลังนะ”
ลอรีลรู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานก็ลืมเรื่องจดหมายเสียสนิท แล้วหันไปรดน้ำต้นไม้ด้วยใบหน้าสดใสแทน
“ดอกไม้นี่เรียกว่าอะไรนะคะ คุณหนู”
“บอมเนีย”
“ใช่แล้ว บอมเนีย เป็นดอกไม้ที่สวยมากจริงๆ น่าเสียดายนะคะที่ฤดูหนาวจะเห็นมันได้แค่ไม่กี่วัน”
“เพราะแบบนั้นเลยทำให้มันยิ่งดูงดงามยังไงล่ะ เพราะน่าเสียดาย”
คำพูดที่เธอพูดออกไปทำให้ลอรีลหยุดรดน้ำ แล้วหันมาพูดกับเธอ
“บางครั้งคุณหนูก็พูดจาโตเกินวัยมากเลยนะคะ”
“ก็ข้าฉลาดไม่ใช่เหรอ เลยเป็นแบบนั้นไง”
“ก็จริงค่ะ คุณหนูน่ะ พอลองนึกถึงพวกลูกพี่ลูกน้องทุกท่านแล้ว เฮ้อ ไม่มีใครฉลาดเท่าคุณหนูเทียของข้าเลยนะคะ”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
ไหล่ของลอรีลลู่ลงอย่างน่าสงสารก่อนที่นางจะเดินหนีออกไปนอกห้อง
หากเครย์ลีบันมาถึงและคลาสเรียนเริ่มต้นขึ้น ลอรีลก็จะไม่สามารถเข้ามาอยู่ข้างในห้องหนังสือด้วยกันกับพวกเธอได้
นัยน์ตาของเครย์ลีบันจับจ้องภาพด้านหลังของลอรีลที่เริ่มเดินห่างออกไปนอกประตูห้องอยู่สักพัก
เห็นแบบนี้ ท่าทางสำหรับเครย์ลีบันแล้ว ลอรีลเองก็คงจะไม่ใช่คนแปลกหน้าเสียทีเดียว
ฟีเรนเทียเองก็เข้าใจความรู้สึกของเขาที่ต้องเกิดมาในฐานะบุตรนอกสมรส ต้องเติบโตขึ้นมาโดยไม่ได้รับการยอมรับ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เข้าไปแทรกแซงหรือพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
ไม่นานเครย์ลีบันก็นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วเริ่มรายงานเรื่องต่างๆ
“อย่างที่คุณหนูกล่าว ชุดสำหรับเด็กที่เพิ่งเริ่มวางขายนั้นประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามเลยครับ กระแสตอบรับดีมากพอๆ กับตอนที่เปิดตัวเสื้อผ้าสำเร็จรูปเป็นครั้งแรกเลยครับ นี่ครับ”
เครย์ลีบันส่งเอกสารรายงานที่เรียบเรียงเป็นอย่างดีให้เธอ
เครย์ลีบัน เพลเลส เป็นคนที่เหมาะสมกับคำว่าอัจฉริยะมากจริงๆ
ตอนแรกที่เริ่มทำธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูป เขาอาจจะยังมีข้อผิดพลาดอยู่หลายครั้ง
แต่เขาไม่เคยทำพลาดซ้ำเดิมเลยแม้แต่ครั้งเดียว
และผ่านไปได้เกือบสามปี ในตอนนี้ ‘ร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน’ ก็กำลังกระจายสาขาออกไปทั่วทุกพื้นที่ของอาณาจักร
เหล่าชนชั้นสูงในเมืองใกล้ๆ เมื่อได้รู้จักระบบ ‘เสื้อผ้าสำเร็จรูป’ ที่มีรากฐานและประสบความสำเร็จมาจากเขตแดนลอมบาร์เดีย ต่างก็ตบเท้าแย่งชิงกันเรียกร้องขอให้ร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันมาเปิดสาขาที่เมืองของพวกเขาบ้าง
แน่นอนว่าหลังจากนั้น ท่านพ่อก็มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะบุตรชายของรูลลัก ลอมบาร์เดีย ทั้งยังแบ่งกำไรส่วนหนึ่งที่ได้จากการค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชำระเป็นภาษีการค้าให้แก่เมืองลอมบาร์เดีย
ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้ในบรรดาสามัญชนที่ได้สวมใส่เสื้อผ้าคุณภาพดีราคาถูก ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของแคลอฮัน
ได้ยินแม้กระทั่งคำพูดลือกันไปว่า สุขภาพของสามัญชนที่ได้สวมใส่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านเข้ากับฤดูกาลนั้นดีขึ้นมากเลยทีเดียวด้วย
หากเรียบเรียงให้เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือ ท่านพ่อของเธอกลายเป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวยในระยะเวลาแค่สามปีเท่านั้นยังไงล่ะ และด้วยไลน์เสื้อผ้าสำหรับเด็กที่เพิ่งเปิดตัวไปได้เมื่อไม่นานมานี้ ก็จะทำให้ท่านกลายเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
หลังจากรับรายงานทั้งหมดเกี่ยวกับร้านขายเสื้อผ้ามา เธอก็พูดกับเครย์ลีบันที่ลุกขึ้นจัดการเก็บสัมภาระของเขา
“เครย์ลีบัน อีกสักพักช่วยเตรียมตัวเขียนใบลาออกด้วยนะคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...