เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 52

“คุณหนู ทำอะไรอยู่เหรอคะ”

เธอเพิ่งวางปากกาลง แต่แล้วก็ต้องเงยหน้าหันกลับไปมองเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนเรียกเธอ

หญิงสาวเจ้าของผมสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบจะเป็นสีธัญพืชเดินเข้ามาในห้องหนังสือนางถอดเสื้อโค้ตตัวนอกออก แล้วเดินยิ้มเข้ามาหาเธอ

“อ๊ะ ลอรีล วันนี้มาเร็วจัง?”

ลอรีลเป็นผู้ดูแลหญิงที่ท่านพ่อจ้างมาให้เป็นเพื่อนคุยกับเธอหลังจากที่เธออายุครบสิบเอ็ดปี

นางเป็นคนร่าเริง นิสัยเข้ากับคนง่าย ปีนี้อายุครบสิบเก้าพอดี

“มอบห้องในคฤหาสน์ให้ข้าสักห้องไม่ได้เหรอคะ ไปๆ มาๆ แบบนี้มันไม่สะดวกเลยค่ะ คุณหนู”

“ไม่ได้หรอก ถ้าเจ้าไม่กลับบ้าน คุณนายดิลลาร์ดคงได้เสียใจแย่เลยไม่ใช่หรือไง”

บุตรสาวคนเล็กของโรมาเชียดิลลาร์ดคนนี้ นางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวท่ามกลางบุตรชายหลายคน ทำให้นางเป็นที่รักมากของทุกคนในครอบครัว

ทั้งยังเป็นน้องเล็กที่มีแต่พี่ชายกว่าสามคนซึ่งอายุห่างกันมาก ยิ่งทำให้ทุกคนหวงแหนมากขึ้นไปอีก

“ดูเหมือนท่านแม่จะเริ่มมองคู่ครองที่พอใช้ได้ให้ข้าแล้วน่ะค่ะ ข้าเองก็อยากจะคบใครสักคนอยู่หรอก แต่รอบตัวไม่มีผู้ชายดีๆ ก็เลยลำบากใจ… เขียนจดหมายหรือคะ”

ลอรีลเดินเข้ามาใกล้ นั่งลงข้างเธออย่างเป็นธรรมชาติพลางถาม

“กระดาษเขียนจดหมายดีๆ แบบนั้น เห็นนานๆ จะใช้สักครั้งนี่นา”

ตอนแรกเธอก็แค่ใช้กระดาษอะไรก็ได้ที่มีนั่นแหละ

แต่ยิ่งเวลาผ่านไป จดหมายที่เฟเรสส่งกลับมาให้มันก็เริ่มดูดีมีระดับขึ้นทีละน้อยน่ะสิ

พออีกฝ่ายใช้กระดาษดีแบบนั้น จะให้เธอใช้ด้านหลังกระดาษสมุดก็ไม่ได้อยู่แล้ว

เธอก็เลยต้องเขียนจดหมายลงบนกระดาษดีๆ อย่างช่วยไม่ได้

จะว่าไป หลังจากที่เธอยัดเด็กคนนั้นเข้าไปอยู่ในวังโฟอิรัคก็ผ่านมาได้เกือบสามปีแล้วสินะ

ระหว่างนั้นเธอก็อายุครบสิบปีแล้ว และเฟเรสเองก็เพิ่งอายุครบสิบสามปีหลังจากผ่านวันเกิดของเขาไปเมื่อไม่นานมานี้

ที่ผ่านมาไม่เคยได้ไปพบหน้าเขาเลยสักครั้ง แต่ทุกครั้งที่แคทเธอรีนแวะมาที่คฤหาสน์ เธอก็มักฝากจดหมายไปพร้อมกับถามข่าวคราวบ้างเป็นครั้งคราว

“ผู้รับคือใครเหรอคะ”

“ยังบอกไม่ได้ ก็รู้ไม่ใช่เหรอ”

เรื่องที่เธอกับเฟเรสมีความสัมพันธ์ในแบบที่รับส่งจดหมายติดต่อหากัน เป็นเรื่องที่บอกให้ใครรู้ไม่ได้

ลอมบาร์เดียกับอังเกนัส

มันไม่ใช่เวลาที่จะเข้าไปแทรกในการต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างเจ้าชายลำดับที่หนึ่งกับเจ้าชายลำดับที่สอง

พอเธอพับจดหมายใส่ซองส่งให้ลอรีล นางก็ประทับตราขี้ผึ้งปิดผนึกให้อย่างเคยชิน

“เฮ้อ…เอาไว้ต้องบอกให้ข้าทราบนะคะ”

“อื้อ ไว้ทีหลังนะ”

ลอรีลรู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานก็ลืมเรื่องจดหมายเสียสนิท แล้วหันไปรดน้ำต้นไม้ด้วยใบหน้าสดใสแทน

“ดอกไม้นี่เรียกว่าอะไรนะคะ คุณหนู”

“บอมเนีย”

“ใช่แล้ว บอมเนีย เป็นดอกไม้ที่สวยมากจริงๆ น่าเสียดายนะคะที่ฤดูหนาวจะเห็นมันได้แค่ไม่กี่วัน”

“เพราะแบบนั้นเลยทำให้มันยิ่งดูงดงามยังไงล่ะ เพราะน่าเสียดาย”

คำพูดที่เธอพูดออกไปทำให้ลอรีลหยุดรดน้ำ แล้วหันมาพูดกับเธอ

“บางครั้งคุณหนูก็พูดจาโตเกินวัยมากเลยนะคะ”

“ก็ข้าฉลาดไม่ใช่เหรอ เลยเป็นแบบนั้นไง”

“ก็จริงค่ะ คุณหนูน่ะ พอลองนึกถึงพวกลูกพี่ลูกน้องทุกท่านแล้ว เฮ้อ ไม่มีใครฉลาดเท่าคุณหนูเทียของข้าเลยนะคะ”

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”

ไหล่ของลอรีลลู่ลงอย่างน่าสงสารก่อนที่นางจะเดินหนีออกไปนอกห้อง

หากเครย์ลีบันมาถึงและคลาสเรียนเริ่มต้นขึ้น ลอรีลก็จะไม่สามารถเข้ามาอยู่ข้างในห้องหนังสือด้วยกันกับพวกเธอได้

นัยน์ตาของเครย์ลีบันจับจ้องภาพด้านหลังของลอรีลที่เริ่มเดินห่างออกไปนอกประตูห้องอยู่สักพัก

เห็นแบบนี้ ท่าทางสำหรับเครย์ลีบันแล้ว ลอรีลเองก็คงจะไม่ใช่คนแปลกหน้าเสียทีเดียว

ฟีเรนเทียเองก็เข้าใจความรู้สึกของเขาที่ต้องเกิดมาในฐานะบุตรนอกสมรส ต้องเติบโตขึ้นมาโดยไม่ได้รับการยอมรับ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เข้าไปแทรกแซงหรือพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

ไม่นานเครย์ลีบันก็นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วเริ่มรายงานเรื่องต่างๆ

“อย่างที่คุณหนูกล่าว ชุดสำหรับเด็กที่เพิ่งเริ่มวางขายนั้นประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามเลยครับ กระแสตอบรับดีมากพอๆ กับตอนที่เปิดตัวเสื้อผ้าสำเร็จรูปเป็นครั้งแรกเลยครับ นี่ครับ”

เครย์ลีบันส่งเอกสารรายงานที่เรียบเรียงเป็นอย่างดีให้เธอ

เครย์ลีบัน เพลเลส เป็นคนที่เหมาะสมกับคำว่าอัจฉริยะมากจริงๆ

ตอนแรกที่เริ่มทำธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูป เขาอาจจะยังมีข้อผิดพลาดอยู่หลายครั้ง

แต่เขาไม่เคยทำพลาดซ้ำเดิมเลยแม้แต่ครั้งเดียว

และผ่านไปได้เกือบสามปี ในตอนนี้ ‘ร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน’ ก็กำลังกระจายสาขาออกไปทั่วทุกพื้นที่ของอาณาจักร

เหล่าชนชั้นสูงในเมืองใกล้ๆ เมื่อได้รู้จักระบบ ‘เสื้อผ้าสำเร็จรูป’ ที่มีรากฐานและประสบความสำเร็จมาจากเขตแดนลอมบาร์เดีย ต่างก็ตบเท้าแย่งชิงกันเรียกร้องขอให้ร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันมาเปิดสาขาที่เมืองของพวกเขาบ้าง

แน่นอนว่าหลังจากนั้น ท่านพ่อก็มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะบุตรชายของรูลลัก ลอมบาร์เดีย ทั้งยังแบ่งกำไรส่วนหนึ่งที่ได้จากการค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชำระเป็นภาษีการค้าให้แก่เมืองลอมบาร์เดีย

ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้ในบรรดาสามัญชนที่ได้สวมใส่เสื้อผ้าคุณภาพดีราคาถูก ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของแคลอฮัน

ได้ยินแม้กระทั่งคำพูดลือกันไปว่า สุขภาพของสามัญชนที่ได้สวมใส่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านเข้ากับฤดูกาลนั้นดีขึ้นมากเลยทีเดียวด้วย

หากเรียบเรียงให้เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือ ท่านพ่อของเธอกลายเป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวยในระยะเวลาแค่สามปีเท่านั้นยังไงล่ะ และด้วยไลน์เสื้อผ้าสำหรับเด็กที่เพิ่งเปิดตัวไปได้เมื่อไม่นานมานี้ ก็จะทำให้ท่านกลายเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

หลังจากรับรายงานทั้งหมดเกี่ยวกับร้านขายเสื้อผ้ามา เธอก็พูดกับเครย์ลีบันที่ลุกขึ้นจัดการเก็บสัมภาระของเขา

“เครย์ลีบัน อีกสักพักช่วยเตรียมตัวเขียนใบลาออกด้วยนะคะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]