ในตอนนี้ซูหรูเสวี่ยมีเพียงความรู้สึกเดียว นั่นคือความเจ็บปวดแผดเผาทั่วร่างกาย
แต่ทว่า นางยังมีชีวิตอยู่
น่าแปลก พูดในด้านวิธีการขององค์กร นางทรยศต่อองค์กร จุดจบต้องหายสาบสูญไร้ร่างไร้กระดู เป็นไปได้อย่างไรที่นางยังมีชีวิตอยู่?
นางขยับร่างกาย จู่ๆ ในสมองมีความทรงจำช่วงหนึ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองไหลเข้ามา
นางนิ่งไปนาน ถึงย่อยความทรงจำเหล่านี้หมด และตระหนักได้อย่างชัดเจน ตัวเองเกิดใหม่ข้ามมิติมาถึงยุคโบราณ กลายเป็นบุตรีสายตรงของจวนเหวินกั๋วกง และเพราะพิธีอภิเษกสมรสที่ไม่สมบูรณ์ ไม่รู้จะนับว่าเป็นพระชายาของจ้างอ๋องได้หรือไม่
ราวกับมายากลเช่นนี้ แต่นางก็ยอมรับอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่ายังไงก็ตาม อย่างน้อยนางก็หลุดพ้นจากองค์กร ไม่ต้องถูกองค์กรเห็นเป็นสิ่งทดลองทางชีวภาพแล้ว
แต่ไม่ทันที่นางจะดีใจ ความเจ็บที่คุ้นเคย ราวกับส่วนลึกก้นบึ้งจิตวิญญาณที่แทบจะทำให้นางตายจู่โจมเข้ามา
นางตกใจในทันที
นี่เป็นความรู้สึกตอนที่นางถูกขังทดลองอยู่ในองค์กร ถูกฉีดด้วยยาวิจัยทางจิต s-3 แล้วถึงจะเกิดความรู้สึกนี้ ทำไมเปลี่ยนร่างกายยุคโบราณ นางถึงยังมีความรู้สึกแบบนี้อยู่?
ไม่นาน ซูหรูเสวี่ยก็ตระหนักถึง ตัวเองเคยได้รับการวิจัยและพัฒนาได้พลังจิต คิดไม่ถึงอยู่ในร่างนี้จะเกิดประโยชน์อีกครั้ง!
ความเจ็บปวดจากการแปรสภาพพลังจิตนั้นทุกข์ไม่ต่างจากสร้างขึ้นใหม่จากกระดูกที่หัก ซูหรูเสวี่ยทนไม่ไหวกรีดร้องครวญครางออกมาเสียงนั้นคนได้ยินต้องขนลุก
ด้านนอกห้องเก็บฟืนมีองครักษ์เฝ้าอยู่ ได้ยินเสียงนี้ องครักษ์หดคอลงอย่างอดไม่ได้ มีความกลัวอยู่บ้าง
ในเวลานี้ สาวใช้ผู้ดูแลภายในจวนเดินมา ถ่ายทอดคำสั่งว่า"นายท่านมีคำสั่ง พวกเจ้าเฝ้าถึงยามจื่อก็ไปพักผ่อนได้"
หลังจากองครักษ์รับคำสั่ง พูดต่อว่า “ข้าน้อยได้ยินพระชายาร้องเสียงดัง คิดว่าคงบาดเจ็บสาหัสมาก ไม่ทราบว่าขอคำแนะนำจากนายท่านหน่อยได้หรือไม่ ดูว่าต้องการเชิญหมอให้พระชายาหรือไม่?"
“ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นบุตรีสายตรงของจวนเหวินกั๋วกง หากมีเรื่องอะไรเกิดในจวนพวกเราจริงๆ เหเหวินกั๋วกงต้องหาเรื่องนายท่านแน่ๆ!”
สาวใช้ฟังแล้ว ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างรังเกียจ "อย่าว่าแต่บุตรีสายตรงของจวนเหวินกั๋วกงเลย ถึงแม้นางจะเป็นองค์หญิง ทำร้ายไหวอ๋อง ยังหมิ่นเกียรตินายท่านของพวกเรา อย่างไรนางก็ไม่มีผลดีอะไร "
“ทำไมต้องเชิญหมอ? นางตายก็สมควรแล้ว หากเหวินกั๋วกงยังมีสมองอยู่บ้างก็เรื่องนี้ทางพวกเขาเสียเปรียบ ไหนเลยยังจะกล้าหาเรื่องนายท่านของเรา?”
สาวใช้พูดขนาดนี้แล้ว องครักษ์ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก
เมื่อถึงยามจื่อ องครักษ์จึงจากไป
ภายในห้องเก็บฟืน ซูหรูเสวี่ยได้รับความทรมานจากการรวมตัวของพลังจิต ปวดหัวจนใกล้ระเบิด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ตอนที่ได้สติอย่างยากลำบาก บนร่างมีเหงื่อออกเป็นชั้น เสื้อผ้าเปียกโชกไปหมด
นางตะโกนด้วยเสียงที่แหบแห้ง "มีใครอยู่ข้างนอกหรือไม่?"
แต่นอกจากเสียงฝนปรอยๆ ก็ไม่มีใครตอบรับนาง
รวมพลังจิตเข้าร่างเดิมก็ใช้พลังงานอย่างมาก อีกทั้งร่างนี้ดูเหมือนวันนี้ไม่ค่อยได้กินอะไร ในท้องว่างเปล่า ซูหรูเสวี่ย หิวมากจริงๆ หิวจนปิดตาใกล้จะเป็นลม
ไม่ได้ ต้องไปหาอะไรกินหน่อย
ถึงแม้นางเพิ่งมาใหม่ แต่ดีตรงที่รวมพลังจิตเสริมการรับกลิ่นของนางให้ดีขึ้น นางดมกลิ่นหอมของอาหารอยู่ พิงประตูยันผนังออกห้องเก็บฟืนไปหาของกิน
ผ่านลานบ้านที่ไม่คุ้นเคยหนึ่ง นางเห็นด้านในยังมีแสงสว่าง มีกลิ่นหอมของอาหารลอยออกมาจางๆ ดวงตานางเปล่งประกายทันที ฝ่าฝนเข้าไป ผลักประตูห้องเบาๆ อยากจะขออาหารสักถ้วยกิน
ภายในบ้าน ไหฺวอ๋องลู่จื่อเฉิงกำลังหลับตาแช่เท้า ท่าทางอดทนกับความเจ็บปวด
ขาทั้งสองข้างของเขาพิการ ต้องพึ่งพาการนั่งรถเข็นเคลื่อนที่เสมอมา
การรับกลิ่นของซูหรูเสวี่ยนั้นยอดเยี่ยม ครู่เดียวนางก็ดมกลิ่นออกว่าในถังนั้นแช่สมุนไพรอะไรบ้าง
ขิง, พริกไทยเสฉวน, หอมจีน, เฮียเฮียะ, ชังเอ๋อร์จื่อ , เชียงหัว...
ตุ๋นอาหารสมุนไพรส่วนใหญ่ก็ปรุงผสมประมาณนี้ ดังนั้นนางถึงนึกว่าที่นี่กำลังต้มของกิน แท้ที่จริงแล้วคนเขาแช่ยาขจัดความเย็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่เป็นหวางเฟยอัปลักษณ์ของท่านอ๋อง
คำโปรยก็นามสนุกแล้ว...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะะะะ...