เกิดใหม่เป็นหวางเฟยอัปลักษณ์ของท่านอ๋อง นิยาย บท 2

ในตอนนี้ซูหรูเสวี่ยมีเพียงความรู้สึกเดียว นั่นคือความเจ็บปวดแผดเผาทั่วร่างกาย

แต่ทว่า นางยังมีชีวิตอยู่

น่าแปลก พูดในด้านวิธีการขององค์กร นางทรยศต่อองค์กร จุดจบต้องหายสาบสูญไร้ร่างไร้กระดู เป็นไปได้อย่างไรที่นางยังมีชีวิตอยู่?

นางขยับร่างกาย จู่ๆ ในสมองมีความทรงจำช่วงหนึ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองไหลเข้ามา

นางนิ่งไปนาน ถึงย่อยความทรงจำเหล่านี้หมด และตระหนักได้อย่างชัดเจน ตัวเองเกิดใหม่ข้ามมิติมาถึงยุคโบราณ กลายเป็นบุตรีสายตรงของจวนเหวินกั๋วกง และเพราะพิธีอภิเษกสมรสที่ไม่สมบูรณ์ ไม่รู้จะนับว่าเป็นพระชายาของจ้างอ๋องได้หรือไม่

ราวกับมายากลเช่นนี้ แต่นางก็ยอมรับอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่ายังไงก็ตาม อย่างน้อยนางก็หลุดพ้นจากองค์กร ไม่ต้องถูกองค์กรเห็นเป็นสิ่งทดลองทางชีวภาพแล้ว

แต่ไม่ทันที่นางจะดีใจ ความเจ็บที่คุ้นเคย ราวกับส่วนลึกก้นบึ้งจิตวิญญาณที่แทบจะทำให้นางตายจู่โจมเข้ามา

นางตกใจในทันที

นี่เป็นความรู้สึกตอนที่นางถูกขังทดลองอยู่ในองค์กร ถูกฉีดด้วยยาวิจัยทางจิต s-3 แล้วถึงจะเกิดความรู้สึกนี้ ทำไมเปลี่ยนร่างกายยุคโบราณ นางถึงยังมีความรู้สึกแบบนี้อยู่?

ไม่นาน ซูหรูเสวี่ยก็ตระหนักถึง ตัวเองเคยได้รับการวิจัยและพัฒนาได้พลังจิต คิดไม่ถึงอยู่ในร่างนี้จะเกิดประโยชน์อีกครั้ง!

ความเจ็บปวดจากการแปรสภาพพลังจิตนั้นทุกข์ไม่ต่างจากสร้างขึ้นใหม่จากกระดูกที่หัก ซูหรูเสวี่ยทนไม่ไหวกรีดร้องครวญครางออกมาเสียงนั้นคนได้ยินต้องขนลุก

ด้านนอกห้องเก็บฟืนมีองครักษ์เฝ้าอยู่ ได้ยินเสียงนี้ องครักษ์หดคอลงอย่างอดไม่ได้ มีความกลัวอยู่บ้าง

ในเวลานี้ สาวใช้ผู้ดูแลภายในจวนเดินมา ถ่ายทอดคำสั่งว่า"นายท่านมีคำสั่ง พวกเจ้าเฝ้าถึงยามจื่อก็ไปพักผ่อนได้"

หลังจากองครักษ์รับคำสั่ง พูดต่อว่า “ข้าน้อยได้ยินพระชายาร้องเสียงดัง คิดว่าคงบาดเจ็บสาหัสมาก ไม่ทราบว่าขอคำแนะนำจากนายท่านหน่อยได้หรือไม่ ดูว่าต้องการเชิญหมอให้พระชายาหรือไม่?"

“ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นบุตรีสายตรงของจวนเหวินกั๋วกง หากมีเรื่องอะไรเกิดในจวนพวกเราจริงๆ เหเหวินกั๋วกงต้องหาเรื่องนายท่านแน่ๆ!”

สาวใช้ฟังแล้ว ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างรังเกียจ "อย่าว่าแต่บุตรีสายตรงของจวนเหวินกั๋วกงเลย ถึงแม้นางจะเป็นองค์หญิง ทำร้ายไหวอ๋อง ยังหมิ่นเกียรตินายท่านของพวกเรา อย่างไรนางก็ไม่มีผลดีอะไร "

“ทำไมต้องเชิญหมอ? นางตายก็สมควรแล้ว หากเหวินกั๋วกงยังมีสมองอยู่บ้างก็เรื่องนี้ทางพวกเขาเสียเปรียบ ไหนเลยยังจะกล้าหาเรื่องนายท่านของเรา?”

สาวใช้พูดขนาดนี้แล้ว องครักษ์ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก

เมื่อถึงยามจื่อ องครักษ์จึงจากไป

ภายในห้องเก็บฟืน ซูหรูเสวี่ยได้รับความทรมานจากการรวมตัวของพลังจิต ปวดหัวจนใกล้ระเบิด

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ตอนที่ได้สติอย่างยากลำบาก บนร่างมีเหงื่อออกเป็นชั้น เสื้อผ้าเปียกโชกไปหมด

นางตะโกนด้วยเสียงที่แหบแห้ง "มีใครอยู่ข้างนอกหรือไม่?"

แต่นอกจากเสียงฝนปรอยๆ ก็ไม่มีใครตอบรับนาง

รวมพลังจิตเข้าร่างเดิมก็ใช้พลังงานอย่างมาก อีกทั้งร่างนี้ดูเหมือนวันนี้ไม่ค่อยได้กินอะไร ในท้องว่างเปล่า ซูหรูเสวี่ย หิวมากจริงๆ หิวจนปิดตาใกล้จะเป็นลม

ไม่ได้ ต้องไปหาอะไรกินหน่อย

ถึงแม้นางเพิ่งมาใหม่ แต่ดีตรงที่รวมพลังจิตเสริมการรับกลิ่นของนางให้ดีขึ้น นางดมกลิ่นหอมของอาหารอยู่ พิงประตูยันผนังออกห้องเก็บฟืนไปหาของกิน

ผ่านลานบ้านที่ไม่คุ้นเคยหนึ่ง นางเห็นด้านในยังมีแสงสว่าง มีกลิ่นหอมของอาหารลอยออกมาจางๆ ดวงตานางเปล่งประกายทันที ฝ่าฝนเข้าไป ผลักประตูห้องเบาๆ อยากจะขออาหารสักถ้วยกิน

ภายในบ้าน ไหฺวอ๋องลู่จื่อเฉิงกำลังหลับตาแช่เท้า ท่าทางอดทนกับความเจ็บปวด

ขาทั้งสองข้างของเขาพิการ ต้องพึ่งพาการนั่งรถเข็นเคลื่อนที่เสมอมา

การรับกลิ่นของซูหรูเสวี่ยนั้นยอดเยี่ยม ครู่เดียวนางก็ดมกลิ่นออกว่าในถังนั้นแช่สมุนไพรอะไรบ้าง

ขิง, พริกไทยเสฉวน, หอมจีน, เฮียเฮียะ, ชังเอ๋อร์จื่อ , เชียงหัว...

ตุ๋นอาหารสมุนไพรส่วนใหญ่ก็ปรุงผสมประมาณนี้ ดังนั้นนางถึงนึกว่าที่นี่กำลังต้มของกิน แท้ที่จริงแล้วคนเขาแช่ยาขจัดความเย็น

ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วหรือ?

ถึงกับกล้าตีเขา?

ยังขู่ว่าจะตอนเขาอีก?!

ลู่จื่อเฉิงแทบจะโกรธตาย แต่ก็กลัวซูหรูเสวี่ยจะพูดจริงทำจริง ตอนเขาทิ้ง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามทำได้เพียงโกรธอยู่เงียบๆ

ซูหรูเสวี่ยหิวจะตายแล้ว นั่งที่โต๊ะก็เริ่มกินซาลาเปาอย่างตะกละตะกลาม

ลู่จื่อเฉิงเห็นท่าทางการกินที่ไร้ความสง่างามนั้นของนางก็ รังเกียจอย่างมาก ผู้หญิงแบบนี้ จะคู่ควรกับพี่สามของเขาได้อย่างไร!

ซูหรูเสวี่ยกินอิ่มดื่มพอแล้ว ถึงหันหน้าไปสำรวจลู่จื่อเฉิง

ถึงแม้เจ้าของร่างเดิมตาย เกี่ยวข้องกับไหฺวอ๋องคนนี้ไม่มากก็น้อย แต่ในความเป็นจริงเขาก็เป็นเด็กหนุ่มที่มีอนาคตสดใส วีรบุรุษที่ช่วยบ้านเมืองและราษฎร์

เขายังเป็นบุตรสุดที่รักของหวงกุ้ยเฟยคนปัจจุบัน เพิ่งจะอายุยี่สิบปี ติดตามลู่เป่ยหานราชาสงครามยกทัพจับศึกตั้งนานแล้ว

สองปีก่อนเขาและลู่เป่ยหานถูกซุ่มโจมตีด้วยกัน ดวงตาทั้งคู่ของลู่เป่ยหานสูญเสียการมองเห็น และเขาก็ลงเอยด้วยขาทั้งสองพิการ

ซูหรูเสวี่ยมองถังที่เขาแช่เท้า คิดในใจว่านี่เพิ่งจะยี่สิบปีก็นั่งรถเข็นแล้ว ถึงวัยจิตใจฮึกเหิม กลับขี่ม้าฆ่าศัตรูไม่ได้อีก นางอดไม่ได้จะรู้สึกเห็นใจเล็กน้อย

อันที่จริงสันดานของลู่จื่อเฉิงไม่แย่ ก็แค่ถูกมนของน้องสาวใสซื่อบริสุทธิ์ของเจ้าของร่างเดิมนั้นทำให้ตาบอด ถึงแม้การตายของเจ้าของร่างเดิมเกี่ยวข้องกับเขา แต่ไม่ใช่เขาจงใจสร้างขึ้น

คิดดูแล้ว ระหว่างสองคนก็ไม่นับว่าเกี่ยวข้องอะไร

ยิ่งกว่านั้น หวงกุ้ยเฟยรักใคร่เอ็นดูลู่จื่อเฉิงมาก ตอนนี้ตนเกิดใหม่แล้ว ภายหน้าคงจะต้องใช้ชีวิตโดยการมองสีหน้าของหวงกุ้ยเฟย ทว่าสู้ช่วยลู่จื่อเฉิงสักหน่อย ก็นับว่าหาผู้ช่วยคนหนึ่ง

คิดอยู่แบบนี้ ซูหรูเสวี่ยเช็ดมือที่เปื้อนน้ำมันหลังจากกินซาลาเปาแล้วลุกขึ้น

“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นสะใภ้สามของเจ้า ในฐานะผู้อาวุโส เห็นรุ่นเด็กอย่างเจ้าทนทุกข์ไม่ได้จริงๆ เฮ้อ วันนี้ข้าจะเมตตา ช่วยเจ้ารักษาขาที่ปวดเพราะความเย็นบ่อยๆแล้วกัน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่เป็นหวางเฟยอัปลักษณ์ของท่านอ๋อง