ขณะที่เหลิงหยุนฉีกำลังนั่งอยู่ในรถของเฉียวหยู่โม่ จู่ ๆโทรศัพท์เธอสั่นรัวๆเหมือนเป็นโรคพาร์กินสัน
เธอคลิกดูกลุ่มวีแชต เป็นไปอย่างที่คาดไว้ เพื่อนร่วมชั้นต่างกำลัง @ เธออย่างบ้าคลั่ง
โจวหยุนนั้นมีบทบาทสำคัญอย่างเช่นเคย:
“เพื่อน! ฉันจะถ่ายทอดสดสถานการณ์หลังจากที่เธอจากไปให้เธอฟัง ก่อนอื่นคือเทพบุตรแห่งคณะธุรกิจของมหาวิทยาลัยเรา ท่านเทพเซียวหรือเซียวหรานจ่ายเงินให้พวกเราแล้ว หลังจากที่เธอกับคุณชายเฉียวออกไปได้ไม่ทันไร เขาก็จากไปทันที แต่น่าเสียดาย ที่สีหน้าเขาดูแย่มากๆจนถึงขีดสุด ฉันคิดว่าช่วงนี้ เธออย่าทำให้เขาโกรธจะดีที่สุด เพื่อไม่ให้ความเสียหายครั้งที่สองปะทุ จำไว้ จำไว้ !"
รูปโปรไฟล์ของหัวหน้าห้องเองก็ปรากฏขึ้นทันทีหลังจบความพูดยาวเหยียดท่อนนี้:
"อย่างที่สอง เดือนคณะสถิติศาสาตร์ของมหาวิทยาลัยเรา คำว่า 'โดดเดี่ยว’ สองคำนี้ไม่เพียงพอที่จะเปรียบเปรยสีหน้าท่าทางเขาในตอนนี้ได้อีกต่อไป เขาดื่มเหล้าลงท้องตัวเองไปติดๆสามแก้วแล้ว มันไม่ใช่เบียร์ มันคือวอดก้า! ฉันถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานด้วย !"
มองดูรูปถ่ายที่ส่งมารัวๆนั้น เหลิงหยุนฉีอดไม่ได้ที่จะกุมขมับตัวเอง
ก่อนหน้านี้เธอก็บอกจืออวีไปอย่างชัดเจนแล้ว ว่าเขากับเธอไม่เหมาะสมกัน ทว่า คืนนี้เขาก็ยังคงรู้สึกสะเทือนใจมากอยู่ดี
อันที่จริง ตอนนั้นที่เขายืนขวางหน้าเซียวหราน เธอรู้สึกว่าคนๆนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
เธอหวังว่าเขาจะเดินออกมาได้ในเร็ววัน
ไม่อย่างนั้น คราวหลังถ้ามีงานเลี้ยงกับ แล้วเจอหน้าจือหมิงลูกพี่ลูกน้องเขา เธอจะต้องรู้สึกอึดอัดจริงๆแน่
“ดูอะไรอยู่น่ะ? หน้าจอโทรศัพท์สว่างอยู่ตลอดเวลาเลย”
วันนี้เฉียวหยู่โม่ขับรถเอง เหลิงหยุนฉีนั่งอยู่ข้างๆคนขับ ทุกครั้งที่โทรศัพท์สั่น หน้าจอก็จะส่องสะท้อนใบหน้าเธอ
ระหว่างรอไฟแดงที่สี่แยก เฉียวหยู่โม่อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเธอแวบหนึ่ง
“มีแต่เพื่อนในชั้นกำลังคุยกันน่ะ” เหลิงหยุนฉีเก็บโทรศัพท์แล้วยิ้มตอบ
เฉียวหยูโม่เคาะนิ้วบนพวงมาลัยเบา ๆ ภายในรถที่คับแคบ เสียงของเขายิ่งฟังดูทุ้มต่ำ: "คุณกับเซียวหรานไม่ถูกกันงั้นเหรอ?"
เหลิงหยุนฉีใช้มือขวารองคาง พิงข้างหน้าต่างเบาๆ แล้วยกยิ้มมุมปาก เอ่ยว่า: "คุณชายเฉียวดูออกแล้วงั้นเหรอ?"
“ชัดเจดขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่คนตาบอดก็ต้องรู้” เห็นเธอไม่มีท่าทีปิดบังอะไร ดวงตาของเฉียวหยู่โม่ก็เผยยิ้มเล็กน้อย “หรือจะเหมือนอย่างที่คนอื่นพูดกันจริงๆ ว่าคุณเปลี่ยนจากรักไปเป็นเกลียด ?"
เมื่อก่อนตอนเหลิงหยุนฉีกับเฉียวหยู่โม่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง เนื่องจากเกรงใจในฐานะของอีกฝ่าย เธอจึงยังให้ความสำคัญกับการแสดงออกทางสีหน้า ทว่าหลังจากที่พบกันตอนร่วมทานอาหารเมื่อครั้งก่อน เธอใช้ข้ออ้าง “ผลข้างเคียง” หลังตกน้ำ เล่าความจริงปนเท็จที่เธอนิสัยเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เธอก็ปลดปล่อยตัวเองได้อย่างสิ้นเชิง
“ใครเป็นคนแต่งเรื่องพวกนี้มั่วซั่วลับหลังกัน? ทั้งที่ฉันตาสว่างแล้วต่างหาก เลยแค่ต้องการอยู่ห่างจากผู้ชายเลวทรามพวกนั้น วันนี้เขาจงใจมาหาเรื่องฉันก่อน ถือว่าฉันไว้หน้าเขามากพอแล้ว”
แอบสืบเธอจนสืบมาถึงใต้เปลือกตาของเธอแล้ว คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นรัดกุมไม่มีจุดรั่วไหลเลยหรือไง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่เป็นนางร้าย เอ๊ย! นางเอก