ในทางธุรกิจการโกหกกันไปมาก็มีเยอะจริงๆ แต่ระดับตระกูลสูงส่งแล้ว เหมือนว่า จะเป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันมากที่สุด
แม้ว่าตระกูลจางจะถ่อมตัว แต่ทรัพย์สินก็ไม่ได้ถ่อมตัวตามอย่างแน่นอน
บุคคลที่นั่งอยู่เต็มโต๊ะต่างรู้ตื้นลึกหนาบางกันอยู่แล้ว จางเห้อฟานแนะนำเหลิงหยุนฉีแบบง่ายดาย ในสมองของเหลิงหยุนฉีคอยจดจำชื่อเสียงเรียงนามของพวกเขาเอาไว้ว่าเป็นใคร และเตรียมกลับไปตรวจเช็คขอบเขตคนที่สามารถตัดสินใจได้ของพวกเขา
“หยุนฉียอมรับช่วงต่อบริษัทของที่บ้าน มีความทะเยอะทะยานดี! ไม่เหมือนคนนั้นที่บ้านฉัน วันๆ ไม่คิดจะทำอะไรคอยสั่งคนอื่นตลอด คอยแต่ผสมโรงตักตวงรอเวลาตายอย่างเดียว”
“คนกลุ่มนี้ของพวกเราแม้ว่าอายุจะมากกันแล้ว แต่อาบน้ำร้อนกันมาก่อน มีอะไรต้องการให้ช่วย ก็อย่าเห็นว่าพวกเราเป็นคนอื่นคนไกลเลย”
เม่าหยูผิงกำชับเรื่องอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนที่กลับมานั้นก็ได้ยินบทสนทนาเหล่านี้พอดี จนแอบถอนหายใจตกใจอยู่ในก้นบึ้งหัวใจอย่างอดเสียไม่ได้
นี่ราวกับทุกท่านที่นั่งกันอยู่ต่างออกโรงมาปกป้องเหลิงหยุนฉีเสมือนเป็นลูกหลานของตนเองกันทั้งหมดแล้ว
พูดกันตามหลักความจริง ในแวดวงนี้ ผู้หญิงที่อายุเท่ากัน แต่ไม่มีใครที่จะได้รับความโปรดปรานจากผู้อาวุโสมากมายถึงขนาดนี้
เม่าหยูผิงถอนหายใจยาวๆ อย่างอดไม่ได้
จริงๆ เลย.... ทุกด้านของตนเอง สู้คนอื่นไม่ได้
ไม่นานนักบริกรก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร บนโต๊ะอาหาร ทุกคนเริ่มผ่อนคลายบทสนทนาลง
“หยุนฉีมีแฟนยัง?”
เหลิงหยุนฉีที่กำลังใช้ตะเกียบคีบกุ้งอยู่ เมื่อได้ยินจึงส่ายหน้าทันที “ไม่มีค่ะ”
“ก็ใช่แหละ หนูอายุยังน้อย ต้องมองการณ์ไกลค่อยๆ เลือก เรื่องนี้อย่ารีบร้อนเชียว”
กุ้งสดรสชาติหวาน เด้งนุ่มอร่อยถูกปาก หยุนฉีพยักหน้า ทำหน้าเห็นด้วย “หนูก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกันค่ะ”
“การรับช่วงต่อของบริษัทในครั้งนี้ จึงตั้งใจจะพักอยู่ที่เซี่ยงไฮ้สักพัก หรือจะเรียนแบบแม่หนู ที่วิ่งไปมาทั้งสองที่เลย?”
เหลิงหยุนฉีครุ่นคิด แถมยังสงวนท่าทีเล็กน้อย “ดูจากการทำงานในบริษัทก่อนค่ะ”
จากการวางแผนบริษัทในระยะยาวของเธอ ต่อไปศูนย์กลางหลักของบริษัทจางซื่อต้องย้ายไปยังเมืองหลวง แต่ว่าการพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาถือว่าเร็วเกินไปสักหน่อย...
อาหารมื้อนี้ กินแต่อาหารดีทุกอย่าง คุยกันอย่างถูกคอสนุกสนาน เมื่อถึงเวลาจบงาน เหลิงหยุนฉีจึงค้นพบว่า เวลาผ่านไปแล้วสองชั่วโมง
ระหว่างนั่งรถเดินทางกลับคฤหาสน์ ท่านจางยิ้มและถามเธอ
“พรุ่งนี้ประชุมผู้ถือหุ้น เข้าร่วมประชุมลักษณะนี้เป็นครั้งแรก จะตื่นเต้นหรือเปล่า?”
จางซื่อกรุ๊ปเป็นกิจการของตระกูลจาง แต่ว่า ภายใต้หลายปีที่ผ่านมา เพื่อรั้งบุคลากรอันยอดเยี่ยมเอาไว้ หรือเชื่อมโยงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับตระกูล ไม่มากไม่น้อย มีการแบ่งขายหุ้นออกไปในส่วนหนึ่ง แต่ว่า ตระกูลจางยังคงถือหุ้นอยู่ 86% ถือว่าเป็นหุ้นขนาดใหญ่อย่างแท้จริง
ก่อนหน้านี้ ท่านทั้งสองให้จางหมินเข้ามาบริหารบริษัท จึงแบ่งอำนาจผู้ถือหุ้นให้จางหมินส่วนหนึ่ง
ตั้งแต่เหลิงหยุนฉีประกาศตัวว่าต้องการรับช่วงต่อจากบริษัทแล้ว หลังจากพวกเขาทั้งสามคนปรึกษาหารือเป็นการส่วนตัวกันแล้ว จึงตัดสินใจโอนหุ้นทั้งหมดให้เธอคนเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่เป็นนางร้าย เอ๊ย! นางเอก