ทั้งช่วงบ่าย เหลิงหยุนฉีนั่งทำความคุ้นเคยกับเอกสารของบริษัทในห้องทำงาน
รอจนกระทั่งเลิกงาน เธอก็ได้รับสายโทรศัพท์ พลันกระพริบตารัวๆ
“นี่เพื่อน!!!พ่อฉันบอกฉันว่า เมื่อคืนพวกเธอกินข้าวด้วยกัน!!!เกิดอะไรขึ้นกันแน่???” โจวหยุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกตะลึงที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด
เซี่ยงไฮ้ใหญ่ขนาดนี้ กินข้าวยังเจอกันได้ เธอเองก็นับถือเหมือนกัน!!!
เหลิงหยุนฉีนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ทานอาหารกันที่ เจียงหนานแมนชั่น พลางเล่าให้เธอฟังคร่าวๆ
บอกตามตรง แต่ก่อนเธอเคยเห็นหน้าพ่อของโจวหยุน แต่ไม่ค่อยได้พูดอะไรกัน ดังนั้นนอกจากรู้สึกว่าเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่สุภาพสง่าสงาม ก็ไม่ได้คิดอะไรอีก ตอนนี้ได้เจอกันแล้ว ตอนกินข้าวก็พูดคุยกันนานขนาดนั้น เธอจึงอดสงสัยไม่ได้
ตกลงนิสัยแบบนี้ของโจวหยุนเหมือนใครกันแน่?
เมื่อเทียบกับพ่อเธอที่ดูสุภาพอ่อนโยน ทว่าแท้จริงแล้วกลับหลักแหลมจนน่ากลัว ก็ต่างกันจนเกินไปจริงๆ
“โอ้โห! คุณตาเธอสุดยอด! ปูทางให้เธอขนาดนี้ กลัวว่าบนพื้นมีหินแม้แต่ก้อนเดียวก็จะทิ่มเท้าเธอ” จุดสนใจของโจวหยุน กลับไม่อยู่บนแนวคิดเดียวกันกับเธอเลยสักนิด
แต่ก่อน เธอเคยชมว่าแม่ของเหลิงหยุนฉีเป็นเทพบนดินก็แล้วไป
ปรากฏว่า ยังมีที่สุดยอดกว่านั้นอีก
อ้อ จริงสิ! มิหนำซ้ำยังเป็นผู้อาวุโสที่ทันสมัยที่สุดอีกต่างหาก ควักเงินทีหนึ่ง ก็เป็นรถสปอร์ตมูลค่าร้อยล้าน
ดีกว่าพ่อเธอไม่รู้ตั้งกี่เท่า!!!
อิจฉาชะมัด!
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่อิจฉาเหลิงหยุนฉี!
“เธอโทรมาเพื่อเรื่องนี้เองเหรอ?” เหลิงหยุนฉีชินกับท่าทางผลีผลามของคนคนนี้แล้ว พลันย้อนถามยิ้มๆ
“อ้อ จริงสิ! เธอไม่พูดฉันก็เกือบลืมละ ครั้งก่อนฉันเคยบอกเธอ ว่าพ่อแม่ฉันจะครบรอบแต่งงานยี่สิบห้าปีแล้ว เลยจะจองโรงแรมฉลองกันน่ะ เธอต้องมานะ!!! เดี๋ยวอีกไม่กี่วันฉันกลับเซี่ยงไฮ้แล้วจะไปส่งบัตรเชิญให้เธอ” โจวหยุนตบกบาลตัวเองทีหนึ่ง เกือบลืมเรื่องสำคัญไปจากหัวแล้ว!
ครบรอบแต่งงานยี่สิบห้าปีงั้นเหรอ? งั้นก็ควรค่าแก่การฉลองจริงๆ
เหลิงหยุนฉีนึกถึงตอนทานข้าวกันเมื่อคืน ในฐานะประธานที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงคนนี้ เพื่อภรรยาตัวเอง ยอมแม้กระทั่งผลักงานและงานเลี้ยงตอนกลางคืนทั้งหมดไปให้รองประธาน ไม่อาจไม่ชื่นชมได้จริงๆ ว่าช่างเป็นผู้ชายที่ดี!
ทว่า ณ ตอนนี้ เธอมีคำถามเพียงหนึ่งเดียว:
“วันๆเห็นพ่อแม่หวานแหววกันต่อหน้า รู้สึกยังไงบ้าง?”
พ่อแม่ที่รักกันขนาดนี้วันๆจีบกันต่อหน้า ความรู้สึกแบบนั้นมัน......
ต้องไม่ธรรมดามากแน่เลยสินะ?
จะว่าไปแล้ว จางหมินกับสามีเองก็รักกันดีมากๆ ทว่าด้วยเหตุผลเรื่องงาน หลายปีมานี้ พ่อเหลิงทำงานต่างประเทศ น้อยมากที่จะได้อยู่กับครอบครัว ไม่เหมือนโจวหยุน......ที่กลับบ้านที ก็ต้องเจอพ่อแม่ที่หวานแหววกันสุดๆ......
“เธออย่าพูดถึงเลย! ตั้งแต่เด็กพ่อฉันก็ปลูกฝังความคิดว่าฉันเป็นมือที่สามที่เป็นส่วนเกินของบ้านฉัน ทำให้ตอนฉันเรียนอนุบาล ยังถามครูใหญ่อย่างโง่ๆอยู่เลยว่า ‘มือที่สามคืออะไร’? จนทำให้ครูใหญ่ตกใจนึกว่าบ้านฉันมีปัญหาครอบครัว แล้วรีบโทรหาแม่ฉันทันที!” พูดถึงเรื่องนี้ โจวหยุนอดรู้สึกรันทดไม่ได้
“เธอคิดว่าที่ผ่านมาพวกเขาให้ฉันนัดบอดเพราะอะไร?” เธอเองก็ไม่กลัวที่จะพูดความจริง
“ทำไม? กลัวว่าเธอเป็นเบาหวานหรือไง?” ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่ แต่เหลิงหยุนฉีก็ยังอดแซวเธอไม่ได้
“ใช่ที่ไหนกันล่ะ! พ่อฉันเห็นว่าฉันมีตัวตนเกินไปที่บ้านต่างหาก เลยอยากให้ฉันแต่งออกไปเร็วๆ จะได้ไม่ต้องรบกวนโลกสองต่อสองของพวกเขา” เธอนึกแล้วก็หมั่นไส้สุดๆ!!!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่เป็นนางร้าย เอ๊ย! นางเอก