หากพูดว่า เหตุที่เหลิงหยุนฉีไม่ได้ยื่นมือออกไปจับมือกับเขานั้น ทำให้เขาทำหน้าเขินอายเล็กน้อย จนทำให้ยิ้มอย่างฝืนกลืน เช่นนั้น คำพูดประโยคนั้นของเหลิงหยุนฉี สีหน้าแววตาของบก.จางแน่นิ่งอย่างสิ้นเชิง
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น สายตาของแขกเหรื่อโดยรอบพลันเหล่มองอยู่ตลอดเวลา
คนที่มาในงานเลี้ยงดังกล่าว ไม่มีคนโง่เง่าสักคน
อย่างแรกคือการกดชัตเตอร์Snap shotไม่ผ่านการได้รับอนุญาตจากคนอื่น แถมยังถูกตอกกลับจนหน้าหงาย โดยการหยิบยืมโอกาสในวันนี้ ที่ต้องการนัดหมายสัมภาษณ์เหลิงหยุนฉีให้ได้
หากความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทกัน บางทีก็สามารถไหลไปตามน้ำได้
แต่เมื่อเจอกับเหตุการณ์นี้เข้า นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เหลิงหยุนฉีได้เจอกับบก.จางท่านนี้
เมื่อคิดเช่นนี้ การกระทำของเขาทุกอย่างก่อนหน้านี้ ค่อนข้างไม่สมเหตุสมผลเลย
สายตาที่มองจากทุกทิศทุกทางยิ่งมีความหมายเป็นนัยมากขึ้นเรื่อยๆ บก.จางไม่เคยเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ในเวลานี้ แน่นิ่งอยู่กับที่ อ้าปากอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่มีสักตัวอักษรหลุดออกมาจากปาก
จะพูดว่ายังไงดี?
นี่เป็นสิ่งที่ประธานเซียวหรานเป็นคนกำชับมาด้วยตนเอง?
บก.จางตัดสินใจอย่างแน่วแน่ แต่เมื่อใดก็ตามที่เอ่ยถึงประธานเซียวออกไปคำเดียว พรุ่งนี้ตนเองก็จะตกงานทันที แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ขี่หลังเสือแล้วลงยาก
หากไม่อธิบายให้ดี สถานการณ์อันเขินอายในเวลานี้ก็ไม่สามารถจบได้
“อะแฮ่ม” บก.จางต้องอดทนอดกลั้นกับความเขินอายที่อยู่เต็มใบหน้า พลันคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ประธานเหลิงชอบพูดติดตลกจริงๆ ครับ คุณอายุยังน้อยและมีแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อน ควบคู่นิสัยและรูปร่างหน้าตา หากลักษณะเช่นนี้ยังไม่มีสิทธิ์ถูกสัมภาษณ์ เช่นนั้นจะดูเจียมเนื้อเจียมตัวไปหน่อยครับ”
บก.จางปัดคำถามนี้อย่างฝืนกลืน แม้ว่าฟังดูแล้ว เหอๆ ล้วนเป็นการเยินยอทั้งสิ้น ไม่มีความน่าเชื่อถืออยู่สักนิด
แม้แต่ผู้ยืนฟังที่อยู่ทางด้านข้างล้วนไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงเหลิงหยุนฉีเลย
“ดังนั้น บก.จางปฏิบัติต่อผู้อื่นไม่เหมือนกันนะสิ?” เธออมยิ้มและพูดไหลไปตามน้ำกับคำพูดของเขา
“ไม่ใช่ครับ...” บก.จางอึกอักทันที ต้นคอแข็งขึ้นมา และคำพูดขาดหายไปสักพัก แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะโต้แย้งกลับไปอย่างไรดี
ทั้งๆ ที่เพิ่งออกมาสังคมนักศึกษา ทำไมถึงได้ยากเย็นขนาดนี้นะ?
เมื่อบก.จางได้ยินคำพูดนี้ของเธอ เหงื่อแตกเต็มศีรษะ และอยากใช้วิธีการอธิบายทางอ้อมตามจิตใต้สำนึก
ใครเล่าจะรู้ เหลิงหยุนฉีกลับส่ายหน้า “ฉันได้ข่าวมาว่านิตยสารของคุณ เป็นการนำความสำเร็จของวีรบุรุษของอีกฝ่ายมานำเสนอโดยตลอด หากเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาและอายุของฉัน จึงอยากทำให้สะดุดสายตาผู้คนจึงเชื้อเชิญฉันอยู่ตลอดเวลา ต้องกราบขออภัยด้วยค่ะ ที่ฉันไม่สามารถตกลงได้”
บก.จางถูกเธอสวนกลับมาด้วยคำพูดเช่นนี้ ถลึงตาโตในชั่วขณะ
ความรู้สึก ที่โดนเธอปฏิเสธในการให้สัมภาษณ์นั้น ถือว่าถูกต้องแล้ว ตนเองพูดไร้สาระไปหนึ่งคำ กลับกลายเป็นว่า《บุกเบิก》ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลยเหรอเนี่ย?
แต่การสนทนาเมื่อครู่นี้ คำพูดนี้ของเธอ สมเหตุสมผลมาก! ช่างเป็นภาพสะท้อนกลับที่น่ากลัวมากจริงๆ!
ด้านหนึ่งก็เป็นคำสั่งของเซียวหราน อีกด้านก็เป็นชื่อเสียงของนิตยสารของตนเอง...
บก.จางหายใจเร่งรีบอย่างไม่รู้ตัว ทันใดนั้นก็ค้นพบสัจธรรมที่น่าหวาดกลัวเรื่องหนึ่ง— ในฐานะที่ตนเองเป็นคนอาศัยฝีปากในการทำงาน ปรากฏว่าท่ามกลางสายตาของผู้คนที่เฝ้ามอง กลับถูกเหลิงหยุนฉีดักทางจนพูดไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่เป็นนางร้าย เอ๊ย! นางเอก