เหลิงหยุนฉีถูกการแสดงออกของ “แผนการเจ้าเล่ห์” ของเธอ จนทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย
ไม่ใช่ว่า ยัยเพื่อนซี้ นี่ตกลงว่าแกโง่ขนาดไหนเนี่ย?
คู่ดูตัวที่พ่อกับแม่ของตัวแกเองจับมาอยู่ในระบบดูตัวได้ คนเขามองแค่หน้าตาก็มางานปาร์ตี้นี้ได้เหรอ? ทั้งๆ ที่คนเขา “เหมาะสมดั่งกิ่งทองใบหยก” กับครอบครัวของแกนะสิ
เหลิงหยุนฉีจ้องมองใบหน้าที่แสดงความรู้สึกมีความสุข และเห็นอกเห็นใจจึงไม่ได้เจาะให้แตก
ประจวบเหมาะในเวลานี้ บริเวณกลางห้องโถงของโรงแรม คู่สามีภรรยาตระกูลโจวก็ยืนอยู่กับที่ ทั้งสองคนสบตาและยิ้มให้กัน และค่อยๆ ยกแก้วแชมเปญที่อยู่ในมือขึ้น
แขกเหรื่อต่างเริ่มสงบลง และชะเง้อมองตัวหลักของงานคืนนี้
“ขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลามางานฉลองครบรอบงานแต่งงาน 25 ปีของพวกเราสองคนในค่ำคืนนี้ เมื่อเอ่ยถึง ตอนนี้ผมยังจดจำวันนั้นที่ได้เจอกับภรรยาเป็นครั้งแรกได้เป็นอย่างดี” โจวอี้หมิงจับมือภรรยาของตนเองอย่างอ่อนโยน และฉีกยิ้มให้แขกที่เข้ามาในงาน “การจับมือนี้ กลายเป็นเวลาหลายปี ผมขอบคุณพระเจ้ามากที่ประทานโอกาสดีๆ นี้มาให้ผมมาโดยตลอด ที่ทำให้ผมได้จบเจอภรรยาที่แสนดีของผมเช่นนี้ อย่างซาบซึ้ง หลายปีที่ผ่านมานี้ ภรรยาของผมอุทิศมาอย่างเงียบๆ
ในกลุ่มคน มีคนที่เริ่มอดยิ้มและปรบมืออย่างอดใจไม่ไหว
เหลิงหยุนฉีเกือบจะถอนหายใจยาวออกมาและเหลือบไปมองโจวหยุนทางด้านข้าง “จู่ๆ รู้สึกเข้าใจความรู้สึกที่เหงาเป็นหมาหงอยอยู่ทุกวันแล้วแหละ
ความหมายบางอย่าง นี่ช่างเป็นพ่อแม่ไม่ธรรมดาคู่หนึ่งเลย
การแต่งงานมา 25 ปี กลับไม่มีความปัญหาใดๆ ที่สร้างความขัดแย้งสักนิด ในทางตรงกันข้ามเมื่อเข้าสู่วัยกลางคน ดวงตายังเปล่งประกายระยิบระยับ ความรักที่ไม่ธรรมดา ความเป็นจริงจนได้รับความชื่นชม ก็คือ...สำหรับลูกสาวที่ยังโสดอยู่ในช่วงระยะนี้แล้ว มันรับไม่ค่อยได้...
“ใช่มั้ยล่ะ!! อะไรนิดอะไรหน่อยก็ถูกบีบให้เป็นหมาหงอยอย่างเดียวดาย เป็นระยะๆ บางครั้งฉัน ก็รู้สึกว่าฉันเป็นส่วนเกินสิ่งเดียวของบ้านอยู่บ่อยครั้ง!” ขณะนั้นโจวหยุนแสดงออกทางสีหน้าเข้าใจทุกอย่างทันที แต่สิ่งที่รำคาญที่สุดคือ พ่อแม่ของเธอไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นเลย!
แสดงยอดเยี่ยมแต่ไม่รู้ตัว! นี่แหละถือว่าเป็นซาบซึ้งกินใจที่สุด!!!
เหลิงหยุนฉีอดหัวเราะจากสิ่งที่เธอพูดมาไม่ได้
จังหวะนี้เอง คู่สามีภรรยาตระกูลก็ได้เสร็จสิ้นการพูดสุนทรพจน์ เสียงบรรเลงเพลงของนักดนตรีก็เริ่มกลับสู่ปกติ แขกเหรื่อที่มารวมตัวกันเป็นกลุ่ม และเริ่มพูดคุยสังสรรค์กันอย่างสบายๆ
เหลิงหยุนฉีมองโซนรับประทานบุฟเฟ่ต์ตามสัญชาตญาณ แต่กลับไม่เห็นเงาที่คุ้นตาเมื่อครู่นั้นแล้ว จึงเลิกคิ้วขึ้นอย่างอดใจไม่ไหว
“เหมือนว่าพ่อฉันจะให้พวกเราเข้าไปหานะ” โจวหยุนกระซิบทันทีในเวลานี้
ดังนั้นเหลิงหยุนฉีจึงชะเง้อมองไปทางคู่สามีภรรยาตระกูลโจว
พ่อโจวกำลังพูดคุยอยู่กับผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง เมื่อเห็นสายตาของเธอแล้ว จึงโบกมือให้เธอ ดูจากสภาพ ต้องการให้พวกเธอเข้าไปหาจริงๆ
แต่ว่า เมื่อเหลิงหยุนฉีมองเห็นบุคคลนั้นที่ยืนอยู่ด้านข้างโจวอี้หมิง จึงกระพริบตาทันที ผ่านไปชั่วพริบตา หางตาก็เหล่มองโจวหยุน และฉีกยิ้มให้ “ไปกันเถอะ”
ตอนแรกโจวหยุนก็ยังไม่ค้นพบเบาะแส แต่หลังจากเข้าใกล้ไปทุกที เธอจึงมองเห็นใบหน้าสุภาพของบิดาของเธอ กระทั่งยังพูดคุยกับผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งอย่างเกรงอกเกรงใจเล็กน้อย เรดาห์ร่างกายของเธอตั้งตระหง่านทันที “เพื่อน ต้องช่วยฉันให้ผ่านความยากลำบากนี้ไปให้ได้นะ!” ตอนที่พูด ก็ทำตัวมาติดหนึบกับร่างกายของตนเองทันที
รอจนทั้งสองคนมายืนนิ่งๆ อยู่ด้านหน้าคู่สามีภรรยาตระกูลโจวแล้ว โจวหยุนเกือบจะกลายเป็นจี้ที่ติดห้อยแขนของเหลิงหยุนฉีอยู่แล้ว
โจวอี้หมิงแทบไม่ได้เอ่ยถึงมันเลยในลมหายใจเดียว พลันชะเง้อมองลูกสาวอกตัญญูของตนเอง จนเส้นขมับปูดนูนสั่นเทาอยู่ตลอด
อย่างไรก็ตาม คนที่เป็นคนพูดก่อนเขา กลับเป็นชายหนุ่มที่อยู่ทางด้านข้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่เป็นนางร้าย เอ๊ย! นางเอก