ไม่ใช่แค่โจวหยุนคนเดียวเท่านั้น และทุกคนในห้องเริ่มยักคิ้วหลิ่วตา
หลังจากลั่วจือสั่งอาหารเสร็จ ก็เร่งให้พนักงานมาเสิร์ฟอาหาร เขาเป็นคนกล่าวขึ้นก่อน “พูดแล้ว พวกคุณรู้จักกันได้ยังไง?”
ลูกพี่ลูกน้องของจือหมิงคนนี้ ไม่เคยปรากฏตัวในแวดวงของพวกเขามาก่อน และนี่เป็นครั้งแรกที่พาเขามา
“เขาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกับพวกเรา” สีหน้าของโจวหยุนแสดงออกว่าทำไมคุณถึงไม่จำประเด็นสำคัญล่ะ? “พวกเราเรียกเขาว่ารุ่นน้อง นายไม่ได้ยินเหรอ?
“ใช่ ใช่ ใช่! เกือบลืมไปเลย พวกคุณก็เรียนที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงเหมือนกัน” ลั่วจือตบหน้าผากตนเอง นึกขึ้นมาได้ทันที
“เฮ้ ทำไมฉันรู้สึกคำพูดนี้มันถึงแปลก ๆ? พวกเรามีอะไรที่ไม่เหมือนว่าจบจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงล่ะ?” โจวหยุนมองเหลิงหยุนฉีด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
เพื่อน คุณไม่สนใจหน่อยเหรอ?
“ก็บอกว่าเป็นเพื่อนเลว เธอคิดว่าปากของพวกเขาจะพูดแต่เรื่องดี ๆ เหรอ?” เหลิงหยุนฉีไม่สนใจไยดีอีกต่อไป
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ซึ่งแต่ละคณะก็ค่อนข้างจะแตกต่าง
เมื่อพิจารณาจากผลการสอบเข้าวิทยาลัยของเจ้าของร่างเดิมแล้ว ไม่สามารถเทียบกับนักศึกษาที่มีพรสวรรค์ของคณะคณิตศาสตร์และสถิติได้ และนี่เป็นความจริง
“พวกคุณแค่แก่กว่าผมหนึ่งปีเท่านั้น” เมื่อได้ยินชื่อ “รุ่นน้อง” สีหน้าของจืออวี่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แต่เมื่อเห็นว่าเหลิงหยุนฉีไม่พูดอะไร เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นวางถ้วยน้ำชาลง และนั่งตรงที่นั่งของตนเอง
โจวหยุนชอบคนสไตล์หัวแข็งดื้อรั้นแบบนี้มากที่สุด ประกอบกับหน้าตาของหนุ่มหล่อคนนี้ ถึงแม้จะอยู่ในวงการบันเทิงก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้คนอื่นเหมือนกัน
จริง ๆ!
เธอแทบอยากจะให้เพื่อนของเธอกับรุ่นน้องคนนี้คบกัน
ถือเสียว่าเพิ่มประสบการณ์ความรัก
อายุห่างกันแค่ปีเดียวเท่านั้น ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย?
ตอนที่ตนเองเรียนมหาวิทยาลัย ตนเองก็เคยคบเด็กปีหนึ่งเหมือนกัน
เหลิงหยุนฉีมองทะลุความคิดของเธอ ใช้ปลายนิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ “เห็นเธอว่างตลอด ดูเหมือนว่ากองถ่ายหนังของเธอจะไม่ยุ่งเลยน่ะ?”
โจวหยุนตกใจจนเธอถอยไปข้างหลังทันที
เกือบลืมไปแล้ว!
ตอนนี้คนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ไม่เพียงเป็นเพื่อนของเธอเท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่เธอต้องเลียแข้งเลียขาด้วย!
เป็นทายาทของบริษัทที่มีทรัพย์สินมูลค่านับแสนล้าน และยังเป็นดารารับเชิญในหนังของตนเองอีกด้วย ไม่สามารถยั่วยุได้ ไม่สามารถยั่วยุได้!!
โจวหยุนแสดงท่าทางบอกจืออวี่ “คุณจะมีความสุขมากขึ้นเมื่อคุณช่วยเหลือตัวเองมากกว่าที่คุณขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น” พี่สาวอย่างฉัน ช่วยคุณได้ถึงแค่นั้นแหละ
“ว่าไปแล้วฉีหลัวซานก็เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับพวกคุณใช่ไหม?”
เมื่อจือหมิงเห็นเช่นนั้นนี้ จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เรียนห้องเดียวกับพวกเรา” เหลิงหยุนฉีหันหน้าและมองเขาแวบหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าเขาจะเอ่ยชื่อของฉีหลัวซานหรือว่าเขากับอีกฝ่ายมีอะไรเกี่ยวข้องกัน?
“อย่าเข้าใจผมผิด ผมไม่ได้สนใจเธอ เพียงแต่เมื่อสองวันก่อนแม่ของผมเอ่ยถึง ไม่รู้ว่าตระกูลฉีไปล่วงเกินใคร ช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ของพวกเขาคับขันมาก ไม่เพียงหุ้นจะตกจนถึงสุดขีดแล้ว ตอนนี้ซัพพลายเออร์และบริษัทคู่ค้ากำลังกดดันพวกเขาอยู่ ช่วงนี้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะออกไปข้างนอก” จือหมิงรีบแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน เพราะเดิมตระกูลฉีนั้นเป็นคู่ค้าทางธุรกิจของตระกูลเขา ดังนั้นแม่ของเขาเลยพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ถึงแม้จือหมิงจะเป็นหนุ่มเพลย์บอย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจฉีหลัวซานมาก
เขารู้ว่าตนเองไม่มีหัวทางธุรกิจ ซึ่งเขาก็รู้จักประเมินตนเอง นอกจากเที่ยวและชอบขับซูเปอร์คาร์แล้ว ก็ถือว่าเขาเป็นคนที่ถ่อมตนคนหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่เป็นนางร้าย เอ๊ย! นางเอก