เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 101

ตอนที่ 101 หรือว่าที่นี่จะมียอดฝีมือเร้นกายอยู่

เสียงลึกลับนั่นราวกับเอ่ยคำประกาศิต สิ้นเสียงพลังก็ถูกปล่อยออกมาในทันใด

เมื่อสิ้นเสียง

“ตูม ! ”

เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นกลางอากาศ

อากาศรอบกายของเฮยฉางหลิงที่ถูกไอดำประหลาดซึ่งแผ่รัศมีไปกว่าร้อยจั้งปกคลุมเอาไว้ ก็เกิดการบิดเบี้ยวขึ้น พลังวิเศษมหาศาลปะทุขึ้น สัญลักษณ์โบราณปรากฏ พลังฟ้าดินเหลือคณาพวยพุ่ง

“นี่มัน ! ! ! ”

ราวกับสัมผัสได้ถึงหายนะครั้งใหญ่

จู่ ๆ ไอปีศาจที่แผ่ออกมาจากร่างของเฮยฉางหลิงก็มลายหายไปในพริบตา ในที่สุดก็เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเฮยฉางหลิง

เฮยฉางหลิงเวลานี้ได้แต่จ้องมองตาแทบถลน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัว

เขามิเคยรู้สึกถึงวิกฤตที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน

จู่ ๆ เขาก็ถูกจองจำอยู่กลางอากาศโดยมิรู้ตัว

ร่างกายแข็งแรงกำยำถูกกักขัง ตบะบารมีจ้าวปีศาจของเขาก็ถูกสะกดเอาไว้ มิอาจสำแดงพลังวิเศษออกมาได้ ราวกับลูกแกะที่กำลังจะถูกเชือดก็มิปาน

สิ่งที่เขาคาดมิถึงที่สุดก็คือ

เขามิอาจสัมผัสได้ถึงตบะบารมีและตำแหน่งที่อยู่ของอีกฝ่าย

‘ผู้แข็งแกร่งเช่นไรกัน ถึงน่าหวาดกลัวเยี่ยงนี้ ! ’

ใบหน้าของเฮยฉางหลิงซีดเผือดลงทันที เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก สั่นสะท้านอยู่กลางอากาศอย่างควบคุมมิได้

แม้จะบอกว่าตบะบารมีระดับจ้าวปีศาจของเขาในตอนนี้ นับเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับต้น ๆ ของเทือกเขาแดนใต้

แต่บัดนี้เมื่อเผชิญหน้ากลับผู้ที่มิรู้ตัวตนทั้งยังน่ากลัวเช่นนี้ เขากลับจนปัญญาที่จะตอบโต้อีกฝ่าย

นับตั้งแต่เขาเริ่มบำเพ็ญเพียรจากปีศาจตัวเล็ก ๆ จนถึงทุกวันนี้ได้ ต้องใช้เวลาหลายแสนปี

เขาก็เหมือนกับผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่น ๆ ที่ทุ่มเทเวลามากมายในบำเพ็ญเพียรอย่างยากลำบาก เพียงเพื่อต้องการหลุดพ้นจากโลกใบนี้และได้ขึ้นสรวงสวรรค์

เช่นนั้นเขาจึงยังมิอยากตายตอนนี้ และจะมิยอมตายอยู่ที่นี่เช่นนี้แน่

“ผู้น้อยเฮยฉางหลิงมิได้ตั้งใจจะล่วงเกิน ขอผู้อาวุโสได้โปรดละเว้นผู้น้อยสักครา”

เสียงของเฮยฉางหลิงสั่นเครือ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขณะเอ่ยขอร้องอ้อนวอน

“ข้าเคยให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว แต่ปีศาจเยี่ยงพวกเจ้าสองตนกลับมิได้เห็นค่ามันก็เท่านั้น”

เสียงลึกลับดังขึ้นอีกครา ยังคงฟังมิออกว่าเป็นเสียงของบุรุษหรือสตรี แต่กลับเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ

“ฟิ้ว ! ”

เอ่ยจบ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งที่บริเวณขอบฟ้า

กิ่งหลิวกิ่งหนึ่งพุ่งออกมาจากอากาศทางด้านหลังของเฮยฉางหลิง

เพียงแต่หลิวกิ่งที่ราวกับหล่อมาจากทองคำ ได้ส่องแสงเปล่งประกายเจิดจ้าออกมา ทรงพลังและยากจะต้านทาน อีกทั้งยังแผ่ไอพลังทำลายล้างอันน่ากลัวออกมาอีกด้วย

“ผู้อาวุโส ต้องการสังหารข้าให้สิ้นซากจริง ๆ น่ะหรือ ? ”

เส้นเลือดบนหน้าผากของเฮยฉางหลิงหยัดเกร็งจนปูดโปนทันที เมื่อสัมผัสได้ถึงไอพลังอันน่ากลัวที่ก่อตัวขึ้นทางด้านหลัง ก่อนจะคำรามขึ้นมาอย่างดุดัน

“โฮก ! ”

“เคล็ดลับโบราณ เทพพยัคฆ์ดำสถิต ! ”

ขณะที่หลิวกิ่งอยู่ห่างจากเฮยฉางหลิงเพียงมิกี่จั้ง เฮยฉางหลิงรู้ว่าหากยังนิ่งเฉยอยู่เช่นนี้ คงมิแคล้วถูกสังหารอยู่ตรงนี้เป็นแน่

เขาจึงแหงนหน้าขึ้นฟ้าก่อนจะคำรามออกมา เขาใช้วิธีบูชาแก่นเลือดเพื่อสำแดงเคล็ดวิชาลับอันสูงส่งของเผ่าพยัคฆ์ดำออกมา

เทพพยัคฆ์ดำสถิต !

นี่เป็นเคล็ดวิชาลับที่เก่าแก่เป็นอย่างมาก

หากต้องการใช้เคล็ดวิชานี้ ต้องใช้เลือดของตนเป็นเครื่องเซ่นไหว้ เพื่ออัญเชิญเทพพยัคฆ์ดำมาสิงสถิต

เคล็ดวิชาโบราณนี้น่ากลัวยิ่ง

แต่ราคาที่ต้องจ่ายในการสำแดงเคล็ดวิชาลับนี้ก็สูงตามไปด้วยเช่นกัน

ต่อให้วันนี้เฮยฉางหลิงโชคดีรอดไปได้ แต่หากพลังที่ได้จากเคล็ดวิชานี้สลายไป

มิเพียงแต่เขาจะอ่อนแอลงเท่านั้น แต่เป็นไปได้ว่าตบะบารมีของเขาก็จะถูกลดลงจากระดับจ้าวปีศาจอีกด้วย

“โครม ! ”

สิ้นเสียง เหนือศีรษะของเฮยฉางหลิงพลันเกิดรอยแตกร้าวขึ้นกลางอากาศ ไอพลังปั่นป่วนก็ปะทุขึ้น อสนีบาตนับอนันต์เปล่งประกาย ไอพลังโบราณมหาศาลทะลักทะลวงออกมา

มินานก็มีเงาดำขนาดใหญ่ราวกับภูผาลอยลงมาจากฟากฟ้า ด้านหลังปรากฏวงแสงเทพอันเจิดจ้า เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างมหาศาล

สุดท้ายเงาดำขนาดใหญ่นี้ก็ได้สถิตลงบนร่างของเฮยฉางหลิง

ร่างของเฮยฉางหลิงสั่นเทาเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืน ทั่วทั้งร่างถูกชโลมไปด้วยโลหิต แผ่ไอปีศาจสีดำออกมาเป็นระลอก

พริบตานั้นระหว่างที่กิ่งหลิวสีทองด้านหลังกำลังจะทะลวงเข้ามา เขาก็หันกลับไปพลิกมือทำลายกิ่งหลิวจนสิ้นซาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน