ตอนที่ 112 เฮยฉางหลิงมิได้ตายด้วยน้ำมือมนุษย์
ปีศาจในเผ่าจิ้งจอกวิญญาณเมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว กลับมิรู้ว่าควรพูดเยี่ยงไรดี
การที่เผ่าจิ้งจอกวิญญาณสามารถมีที่ยืนอยู่ในเทือกเขาแดนใต้เช่นทุกวันนี้ได้
ต้องยกความดีความชอบให้กับท่านบรรพบุรุษที่มีชีวิตอยู่มาเกือบล้านปี และมีตบะบารมีแก่กล้าอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับจ้าวปีศาจ
แต่บัดนี้การที่ท่านบรรพบุรุษไปหาเรื่องยอดฝีมือบางท่านเอาไว้
จนทำให้ยอดฝีมือสำแดงอิทธิฤทธิ์อภินิหารเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังได้ขโมยโชคของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณไปอีก
เช่นนั้นมิว่าจะต่อหน้าท่านบรรพบุรุษ หรือยอดฝีมือลึกลับท่านนั้น
เวลานี้พวกเขาล้วนทำได้เพียงสงบนิ่งเท่านั้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง หัวหน้าเผ่าอย่างถูซานเหยาก็ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะถามออกไปตรง ๆ ว่า “ท่านบรรพบุรุษ หรือว่าเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของเราจะไปล่วงเกินยอดฝีมือท่านใดเข้าอย่างนั้นหรือขอรับ ? ”
“สูด ! ”
สิ้นเสียง ปีศาจในเผ่าที่อยู่ด้านหลังของถูซานเหยาต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที พลางสูดหายใจลึกอย่างอดมิได้
เพราะช่วงที่ผ่านมามีเพียงท่านบรรพบุรุษเท่านั้นที่ออกไปข้างนอกมา
การที่ถูซานเหยาถามเช่นนี้ เท่ากับต้องการไต่สวนท่านบรรพบุรุษ
อีกทั้งบรรพบุรุษท่านนี้หาใช่คนที่มีเมตตาไม่
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนคาดมิถึงก็คือ
ถูซื่อกลับมิได้ตำหนิถูซานเหยาอย่างที่คาดเดากัน
ทุกคนเงียบกันอยู่นาน
จนในที่สุดถูซื่อก็ได้เอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้ามิต้องเป็นกังวล ข้าขอตัวไปหาราชาขุนเขาสือว่านซานก่อน”
สิ้นเสียง รอบกายของถูซื่อพลันเกิดระลอกขึ้นกลางอากาศ
เพียงพริบตาร่างทั้งร่างก็หายวับไปในอากาศทันที
ตอนนั้นเองถูซานเหยาที่ทั้งร่างตอนนี้ต่างชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬเย็นเหยียบ ก็พลันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
แต่ทั้งหมดนี้ ก็สามารถยืนยันการคาดเดาของทุกคนในเผ่าก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี
นั่นเพราะท่านบรรพบุรุษได้ไปล่วงเกินยอดฝีมือท่านหนึ่งเข้า
จึงทำให้เผ่าจิ้งจอกวิญญาณประสบกับภัยพิบัติเช่นนี้
……………………………….
เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งก้านธูป
ขณะที่ถูซื่อได้ปรากฏตัวขึ้นยังหุบเขามังกรหลับใหลของราชาขุนเขาสือว่านซานนั้น
กลับบังเอิญพบคนคุ้นเคยเข้าพอดี
ดูเหมือนพวกเขาสองคนจะอยู่ที่หุบเขามังกรหลับใหลมาพักใหญ่แล้ว
อีกทั้งสองคนนี้ยังเป็นถึงบรรพบุรุษของเผ่าพยัคฆ์ดำอีกด้วย
มีตบะบารมีระดับจ้าวปีศาจ
เพียงแต่หากเทียบกับเฮยฉางหลิงแล้ว จ้าวปีศาจทั้งสองตนนี้ยังแข็งแกร่งน้อยกว่ามาก
“ถูซื่อ เจ้ามาที่นี่เพราะเหตุใด ? ”
ผู้เฒ่ารูปร่างกำยำสวมอาภรณ์สีเลือด แววตาราวกับเปลวเพลิง เอ่ยถามถูซื่อออกไป
ถูซื่อจึงได้ถามกลับอย่างมิเกรงใจว่า “แล้วพวกเจ้าสองคนมาทำอะไรที่นี่กัน ? ”
ผู้เฒ่าที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าปรายตามองถูซื่อ มุมปากกระตุกเล็กน้อย “อยู่หน้าหุบเขามังกรหลับใหล ก็ต้องมาขอพบท่านชิวหลงอยู่แล้ว”
ถูซื่อได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย
‘จ้าวปีศาจสองตนของเผ่าพยัคฆ์ดำ ปรากฏตัวพร้อมกันที่นอกหุบเขามังกรหลับใหลเช่นนี้’
‘หรือว่าเผ่าพยัคฆ์ดำก็เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
ถูซื่อคิดถึงตรงนี้จึงเพ่งสมาธิใช้พลังจิตทันที
มินานหมอกที่มีแสงเจิดจ้าและปกคลุมรอบกายของนางก็มลายหายไป ก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง
และยังคงเป็นใบหน้าที่งดงาม จนทำให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มหลงใหลอยู่มิคลาย
จากนั้นนางก็ได้หยุดอยู่ตรงหน้าของจ้าวปีศาจพยัคฆ์ดำทั้งสองตน
“หรือว่าเผ่าพยัคฆ์ดำของพวกท่านก็เกิดเรื่องอะไรขึ้นด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
‘เกิดเรื่อง ? ’
จ้าวปีศาจพยัคฆ์ดำทั้งสองตนได้ยินเช่นนั้นใบหน้าก็เข้มขึ้นในพริบตา ทั้งสองสบตากันเล็กน้อย มุมปากกระตุกขึ้น
หากเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปก็คงจะดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน