สรุปเนื้อหา ตอนที่ 119 คนผู้นี้อยู่เป็นจริง ๆ – เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet
บท ตอนที่ 119 คนผู้นี้อยู่เป็นจริง ๆ ของ เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน ในหมวดนิยายนิยายแปล เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 119 คนผู้นี้อยู่เป็นจริง ๆ
เมื่อสวีฉิงเทียนและเยี่ยนเทียนซานหันมา ก็สังเกตเห็นจิ้งจอกน้อยที่หมอบอยู่ด้านหน้าภาพวาดทิวทัศน์ภาพหนึ่งอยู่
ร่างของทั้งสองสั่นสะท้านขึ้นมาในพริบตา สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
โดยเฉพาะดวงตาของทั้งคู่ราวกับจะถลนออกมานอกเบ้า
เมื่อเห็นจิ้งจอกน้อยลำตัวสีขาวโพลนไร้ซึ่งตำหนิใด ๆ หรี่ตาขณะนอนหมอบอยู่บนเก้าอี้หวายตัวหนึ่ง ร่างของนางแผ่ไอพลังแข็งแกร่งของราชาปีศาจออกมา
แต่ไอปีศาจบนกายของนางกลับค่อย ๆ จางลงไปเรื่อย ๆ
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเมื่อปีศาจบำเพ็ญเพียรจนมีตบะบารมีสูงขึ้น ไอปีศาจบนร่างกายจะก็แข็งแกร่งตามไปด้วย
อาทิเช่นจ้าวปีศาจพยัคฆ์ดำก่อนหน้านี้
ซึ่งมีพลังอันแข็งแกร่ง จนเรียกได้ว่าผู้บำเพ็ญเพียรในระดับเดียวกันหาใช่คู่ต่อสู้ของเขาไม่
ไอปีศาจของเขาเองก็รุนแรงจนเกือบถึงขีดสุดด้วยเช่นกัน
ก่อนสมัยบรรพกาล เผ่าปีศาจและเผ่ามารล้วนยิ่งใหญ่ในจงหยวน
แม้บัดนี้มนุษย์จะยึดจงหยวนมาได้หลายล้านปีแล้ว แต่ในดินแดนจงหยวนก็ยังมีความลับที่ผู้แข็งแกร่งของเผ่าปีศาจและเผ่ามารทิ้งเอาไว้อยู่
วันเวลาผ่านไปความลับเหล่านั้นก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมา
อีกทั้งความลับมากมายเหล่านี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับปีศาจที่บำเพ็ญเพียร และมารที่บำเพ็ญเพียรอีกด้วย
เช่น ปีศาจที่บำเพ็ญเพียรจะถูกแบ่งเป็น ปีศาจน้อย ยอดปีศาจ ราชาปีศาจ จักรพรรดิปีศาจ จ้าวปีศาจ และจอมปีศาจ
ปีศาจที่บำเพ็ญเพียรก่อนถึงขั้นจินตันทั้งหมดจะถูกเรียกรวมกันว่า ปีศาจน้อย
ปีศาจบำเพ็ญเพียรจนสามารถหลอมเน่ยตันจะถูกเรียกว่า ยอดปีศาจ
หลังจากนั้นก็จะขึ้นสู่ระดับต่าง ๆ ที่เทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรที่เป็นมนุษย์
และแม้เงื่อนไขในการบำเพ็ญเพียรของเผ่าปีศาจจะซับซ้อนอย่างมาก แต่หากเกิดการต่อสู้ระหว่างผู้บำเพ็ญเพียรในระดับเดียวกัน ก็ยากที่ผู้บำเพ็ญเพียรที่เป็นมนุษย์จะสามารถเอาชนะผู้บำเพ็ญเพียรเผ่าปีศาจได้โดยง่าย
แน่นอนว่าเรื่องนี้มีความลับบางอย่าง ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าปีศาจซ่อนอยู่
จอมปีศาจ !
ว่ากันว่าหลังจากปีศาจบำเพ็ญเพียรถึงขั้นสูงสุดแล้ว ไอปีศาจจะรุนแรงจนน่าหวาดกลัว
และหากต้องการบรรลุเข้าสู่ระดับจอมปีศาจ พวกเขาจะต้องต่อสู้กับทัณฑ์สวรรค์ที่แฝงวิถีฟ้าเอาไว้ เพื่อให้กายเนื้อเกิดการเปลี่ยนแปลง และเข้าสู่แดนจอมปีศาจในตำนานได้
ซึ่งในขั้นตอนนี้จะทำให้ไอปีศาจบนกายของพวกเขาเบาบางลงตามไปด้วย
หากบรรลุขั้นสูงสุดสำเร็จ เข้าสู่แดนจอมปีศาจได้
เมื่อนั้นไอปีศาจบนกายของพวกเขาก็จะมลายหายไปจนสิ้น
เช่นนั้นในสายตาของผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ การที่ไอปีศาจเบาบางนั่นเท่ากับเกิดการพัฒนาอย่างมาก
ซึ่งหมายความว่าจิ้งจอกน้อยระดับราชาปีศาจตนนี้ ดูจากการบรรลุของนางจนตบะบารมีแก่กล้าเพียงนี้ ย่อมสามารถกลายเป็นจอมปีศาจในตำนานได้อย่างแน่นอน
ส่วนสาเหตุที่ไอปีศาจของจิ้งจอกน้อยตัวนี้เกิดการเปลี่ยนแปลง นั่นก็เป็นเพราะภาพทิวทัศน์ที่แขวนอยู่ตรงหน้าของนางนั่นเอง
ภาพทิวทัศน์ภาพนี้ช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก
มีเพียงดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่บนฟ้า ควันบางเบาปกคลุมจาง ๆ
สตรีนางหนึ่งสวมชุดสีขาวราวกับเทพธิดา สายลมพัดผ่านจนชายกระโปรงพลิ้วไหว
นิ้วอันเรียวยาวของนางคีบหน้ากากจิ้งจอกเงินเอาไว้ ปิดบังใบหน้าของตนอยู่
แม้จะเป็นเช่นนั้นทว่าดวงตาที่สุกสกาวคู่นั้น และมุมปากที่โค้งขึ้นจนเกิดเป็นรอยยิ้มนั่น ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนหลงไหลคลั่งไคล้ได้แล้ว
นี่เป็นความงดงามเช่นไรกัน !
แต่เมื่อสตรีที่สวมอาภรณ์สีขาวผู้นี้หันกลับมามอง
ด้านหลังของนางก็พลันปรากฏเงาอันน่ากลัวขึ้น
ขณะเดียวกันพลังมหาศาลบางอย่างก็พวยพุ่งออกมา ราวกับจะบดขยี้ทุกสิ่งบนโลกใบนี้
‘น่ากลัว ! ’
‘ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ! ’
‘หรือว่าสตรีผู้นี้จะเป็นจอมปีศาจในตำนานเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
เมื่อดึงจิตวิญญาณออกจากภาพวาดนั้นได้แล้ว
“สูด ! ”
“ทุกท่านเชิญดื่มชาเถิด”
เย่ฉางชิงรินชาให้กับทุกคนด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะส่งถ้วยชาไปตรงหน้าของทุกคน
เยี่ยนปิงซินยิ้มออกมาหวานหยด แววตาที่มองเย่ฉางชิงเปล่งประกายประหลาดบางอย่าง
“ท่านเย่ ชาของท่านรสดีที่สุดเลยเจ้าค่ะ”
เยี่ยนปิงซินยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย แล้วเอ่ยชื่นชมด้วยรอยยิ้ม
“รสดี ก็ดื่มให้มาก ๆ ”
เย่ฉางชิงมองเยี่ยนปิงซินด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยกกาน้ำชาขึ้นมาเติมให้
แต่ต้องบอกว่าหลังจากมิเจอกันมาพักหนึ่ง ลักษณะท่าทางของเยี่ยนปิงซินดูเหมือนจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
แต่เดิมใบหน้าของนางก็งดงามอยู่แล้ว มิหนำซ้ำยังผิวขาวเนียนราวกับหยก แต่พอนางมีลักษณะท่าทางที่เปลี่ยนไปเช่นนี้ กลับยิ่งเสริมให้ดูมีเสน่ห์ชวนมองมากขึ้นไปอีก
ในตอนนั้นเองสวีฉิงเทียนและเยี่ยนเทียนซานที่อารมณ์ค่อย ๆ สงบลงแล้ว จึงได้ยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย
ทันใดนั้นสีหน้าของทั้งคู่ต่างก็ตกตะลึงอีกครั้ง ท่าทางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
แน่นอนว่าท่าทางและอาการตื่นตระหนกของทั้งคู่ในเวลานี้ เหมือนกับตอนที่นักพรตฉางเสวียนมาที่นี่คราแรกทุกประการ
เย่ฉางชิงเห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ขณะที่กำลังจะละสายตามองทางอื่น ก็บังเอิญสบเข้ากับสายตาของนักพรตฉางเสวียนพอดี
นักพรตฉางเสวียนเหมือนจะเข้าใจถึงอะไรบางอย่าง จึงมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ท่าทางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“พี่สวี พี่เยี่ยน พวกท่านสองคนช่วยควบคุมตัวเองหน่อยเถิด อยู่ต่อหน้าท่านเย่อย่าทำเหมือนมิเคยเห็นโลกกว้างเยี่ยงนี้สิ”
นักพรตฉางเสวียนวางถ้วยชาลงด้วยความหวาดหวั่น ก่อนจะเหยียบไปที่หลังเท้าของสวีฉิงเทียนพร้อมเอ่ยเตือน
สวีฉิงเทียนจึงได้สติขึ้นมาทันที ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างกระดากอาย พลางส่ายหน้าไปมา “เป็นคราแรกที่ข้าได้ดื่มชาที่มีรสดีเช่นนี้ เป็นเพราะท่านเย่แท้ ๆ เลย ! ”
เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสดใส
‘คนผู้นี้อยู่เป็นจริง ๆ ’
เย่ฉางชิงลอบคิดอยู่ภายในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน