เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 120

ตอนที่ 120 ท่านเย่ ครานี้ข้าก็มีของขวัญมาให้เช่นกัน

เย่ฉางชิงคิดเช่นนั้นพลางปรายตามองเยี่ยนเทียนซานที่ก้มหน้าก้มตาดื่มชาอยู่

เขารู้ดีว่าชาที่เขาเป็นคนปลูกและอบเองเหล่านี้ เทียบมิได้กับของบรรณาการจากเมืองใหญ่ ๆ

และก่อนหน้านี้เยี่ยนปิงซินเคยบอกว่า นางมาจากเมืองหลวงของแคว้นต้าเยี่ยน

เช่นนั้นในสายตาของเย่ฉางชิง คำพูดของคนที่เขาได้พบปะในช่วงนี้ ก็คงเป็นเพียงคำที่พูดไปตามมารยาทก็เท่านั้น

หากเขามิได้เข้าใจผิดไป การกระทำของพวกเขาแท้จริงแล้ว ล้วนมีจุดประสงค์เพื่อภาพวาดและภาพอักษรพู่กันของเขาเป็นแน่

ส่วนเยี่ยนปิงซินนั้น เย่ฉางชิงคิดว่าตั้งแต่คราก่อนที่นางเคยมาพักอยู่ที่นี่ ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นคนคลั่งไคล้เขาไปเสียแล้ว

แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในสายตาของเย่ฉางชิงทั้งสิ้น แต่เขาหาได้นำมาใส่ใจไม่

ชาของเขายังมิอาจนับได้ว่าเป็นชาชั้นเลิศ และมันก็เป็นเรื่องจริง

แต่เขามั่นใจว่าหากเป็นภาพอักษรพู่กันหรือภาพวาด รวมทั้งฝีมือการเดินหมากและการเล่นพิณของเขา หากเทียบกับผู้ที่เก่งกาจในโลกเซียนแห่งนี้แล้ว ฝีมือของเขานั้นมิเป็นสองรองใครอย่างแน่นอน

เช่นนั้นหลังจากรินชาให้แก่พวกนักพรตฉางเสวียนแล้ว เขาจึงเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มว่า “ทุกท่าน พวกท่านมีใครเดินหมากเป็นหรือไม่ ? ”

นักพรตฉางเสวียนได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน

สวีฉิงเทียนผงะไปเล็กน้อย พลางส่ายศีรษะไปมา “หมากล้อมนั้นลึกลับซับซ้อน ตัวข้านั้นมีใจแต่ไร้ความสามารถ ! ”

ตอนนั้นเองเยี่ยนเทียนซานจึงค่อย ๆ วางถ้วยชาลง พลางเหลือบมองสวีฉิงเทียนและนักพรตฉางเสวียนเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างมั่นใจ “ท่านเย่ ข้าพอมีความรู้เรื่องการเดินหมากอยู่บ้าง มิทราบว่าหากข้าจะขอเล่นเป็นเพื่อนท่านสักตาจะได้หรือไม่ ? ”

‘พอมีความรู้อยู่บ้างงั้นหรือ ? ’

‘ดูท่ากำลังถ่อมตนอยู่เป็นแน่’

เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นก็ได้ลุกขึ้น พร้อมเอ่ยกับเยี่ยนเทียนซานด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นพวกเรามาเล่นกันสักตาเถิด มิมีคนเดินหมากกับข้ามานานแล้ว”

เอ่ยจบ เย่ฉางชิงก็เดินอ้อมโต๊ะที่กำลังดื่มชากัน และมุ่งตรงไปยังใต้ต้นหลิว

ส่วนเยี่ยนเทียนซานเพียงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มให้แก่สวีฉิงเทียนและนักพรตฉางเสวียน จากนั้นจึงลุกขึ้นเดินตามเย่ฉางชิงไปติด ๆ

นักพรตฉางเสวียนยกมุมปากโค้งขึ้นเบา ๆ ก่อนจะหันไปเอ่ยถามสวีฉิงเทียน “พี่สวี ท่านคิดว่าพี่เยี่ยนจะสามารถเดินหมากกับท่านเย่ได้กี่ตัว ? ”

สวีฉิงเทียนส่ายหน้ายิ้ม ๆ พลางตอบว่า “ความแตกฉานในวิถีหมากของท่านเย่ แม้แต่ผู้อาวุโสหนานกงยังยอมแพ้ ข้าว่าหากพูดถึงเรื่องเอาชนะแล้วเป็นไปมิได้เด็ดขาด ส่วนจะเดินได้กี่ตัวนั้น อันนี้ก็ดูจะพูดยากอยู่”

นักพรตฉางเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย

“พวกเราไปดูกันเถิด”

“จริงสิพี่เหอ ชานี้หรือว่าจะชงมาจากใบรู้แจ้งงั้นหรือ ? ”

“เจ้ารู้ไว้ก็ดีแล้ว แต่ระหว่างอยู่ที่เรือนท่านเย่ พยายามอย่าแสดงออกให้มากจนเกินไป อย่าทำให้ท่านเย่รู้สึกมิพอใจเด็ดขาดเชียว”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

“ไปเถิด ไปดูการเดินหมากกัน”

“เดี๋ยวสิ ข้าขอดื่มที่เหลือให้หมดก่อน”

“……”

จากนั้นนักพรตฉางเสวียนและสวีฉิงเทียนก็ได้ลุกขึ้นเดินไปยังใต้ต้นหลิว เพื่อดูการเดินหมากระหว่างเย่ฉางชิงและเยี่ยนเทียนซาน

แต่สุดท้ายพวกเขากลับคาดมิถึงว่า เยี่ยนเทียนซานจะสามารถเดินหมากได้อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งขณะที่เขากำลังวางหมากตัวที่หก

ร่างทั้งร่างกลับสั่นสะท้านขึ้นมา ไอพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาเริ่มปั่นป่วน

ก่อนที่สีหน้าจะซีดเผือดลง มีเหงื่อผุดขึ้นมาตามหน้าผาก สายตาจ้องเขม็งอยู่บนกระดาน

นักพรตฉางเสวียนและสวีฉิงเทียนเหมือนสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง จึงมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ส่วนเย่ฉางชิงที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเยี่ยนเทียนซานกลับมีท่าทีสงบนิ่ง สีหน้ามิได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา

จวบจนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งก้านธูป

เมื่อเห็นเยี่ยนเทียนซานมิมีทีท่าจะวางหมากต่อ เย่ฉางชิงก็ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะหันไปมองเยี่ยนปิงซินที่อยู่ข้าง ๆ

“คุณหนูเยี่ยน ฝีมือการเดินหมากของท่านก้าวหน้าขึ้นบ้างหรือไม่ ? ” เย่ฉางชิงเอ่ยถามขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน