ตอนที่ 12 ที่นี่ก็คือสนามอสุรา
‘ผู้สืบทอดหญิงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนงั้นหรือ ? ’
การตัดสินใจครั้งนี้ของนักพรตฉางเสวียนเป็นสิ่งที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่ก่อตั้งสำนักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
ดังนั้นการแต่งตั้งผู้สืบทอดหญิงครั้งนี้ หมายความว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่ในภายภาคหน้าลู่อู๋ซวงจะได้เป็นเจ้าสำนักหญิงคนแรกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
แต่หลังจากที่ได้ยินคำประกาศนี้ ศิษย์ของยอดเขากระบี่วิญญาณต่างก็อดที่จะสงสัยขึ้นมามิได้
และแน่นอนว่าหากข่าวนี้แพร่ออกไป ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจะต้องสั่นสะเทือนเป็นแน่ เชื่อว่าพวกเขาจะต้องสงสัยและตั้งถามขึ้นอย่างแน่นอน
แม้ว่าลู่อู๋ซวงจะนับว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก แต่กระนั้นก็ยังมิมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้สืบทอดหญิงได้อยู่ดี
ดังนั้นการที่จู่ ๆ เจ้าสำนักประกาศเช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผลเป็นแน่ แล้วเหตุผลนั้นมันคืออะไรกัน ?
ในขณะที่เหล่าศิษย์ของยอดเขากระบี่วิญญาณพากันมองลู่อู๋ซวงด้วยแววตาสงสัยและอิจฉาอยู่นั้น ลู่อู๋ซวงที่แม้ใบหน้าจะปรากฏความยินดีออกมา แต่นางรู้ดีว่าเพราะเหตุใดเจ้าสำนักถึงได้ประกาศเช่นนี้
เหตุผลง่าย ๆ เพราะเจ้าของร้านขายของชำในเมืองเสี่ยวฉือผู้นั้นนั่นเอง
แม้ลู่อู๋ซวงจะมีรากวิญญาณธาตุทองชั้นยอด แต่ก็มีเพียงแค่รากวิญญาณเดี่ยว ดังนั้นก่อนหน้านี้นางจึงมิมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้สืบทอดหญิงได้
แต่บัดนี้เมื่อมีผู้อาวุโสท่านนั้นคอยให้คำชี้แนะ ต่อให้นางจะมีรากวิญญาณเดี่ยวแล้วจะเป็นอะไรไปเล่า ?
ขอเพียงผู้อาวุโสท่านนั้นยินยอม มิแน่นางก็อาจจะมีรากวิญญาณคู่หรือรากวิญญาณที่มากกว่านั้นก็เป็นได้
แม้แต่คลื่นปราณฟ้าประทานภายในกายยังสามารถพัฒนาให้เกิดรากวิญญาณชั้นสูงได้ แค่การเพิ่มรากวิญญาณจะไปยากอะไร ?
คิดถึงตรงนี้ลู่อู๋ซวงก็อยากจะไปเมืองเสี่ยวฉือเสียเดี๋ยวนี้ให้ได้
แต่น่าเสียดายที่เมื่อครู่ก่อนที่ท่านเจ้าสำนักจะจากไปได้กำชับนางไว้หลายครั้งว่าช่วงนี้อย่าพึ่งไปที่เมืองเสี่ยวฉือ รอให้ท่านและอาจารย์หยวนเจี้ยนปรึกษากันเรื่องนี้เสียก่อน
……………………..
ข่าวที่เจ้าสำนักแต่งตั้งลู่อู๋ซวงเป็นผู้สืบทอดหญิงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน แพร่สะพัดไปทั่วเขาไท่เสวียนราวกับไฟลามทุ่ง
เรื่องนี้สั่นสะเทือนไปทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
“น่าแปลกจริง ๆ ทำไมจู่ ๆ ท่านเจ้าสำนักถึงประกาศให้ศิษย์พี่ลู่เป็นผู้สืบทอดหญิงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนได้ ? ”
“ข้าว่าท่านเจ้าสำนักอาจจะมิได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ต่อให้ศิษย์พี่ลู่จะมีรากวิญญาณธาตุทอง แต่ยังไงนางก็มีแค่รากวิญญาณเดี่ยวเท่านั้น”
“พวกเจ้าว่าเจ้าสำนักบำเพ็ญเพียรจนเสียสติไปแล้วหรือเปล่านะ ? ”
“ศิษย์พี่ท่านนี้ ท่านหมายความว่าท่านเจ้าสำนักบำเพ็ญเพียรจนธาตุไฟเข้าแทรกอย่างนั้นหรือ ? ”
“เบา ๆ หน่อย ใครมาได้ยินเข้าพวกเราจะถูกลงโทษเอาได้ แต่ที่เจ้าพูดมาก็มีความเป็นไปได้อยู่นะ ! ”
“ศิษย์พี่ ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ หรืออาจมีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างก็เป็นได้นะ หรือว่าเมื่อบำเพ็ญเพียรถึงขั้นนั้นแล้วนิสัยของคนเราจะเริ่มบิดเบี้ยว คุณธรรมก็จะเสื่อมถอยลง ข้ามิอยากจะคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้เลยจริง ๆ ”
“……”
เพียงมินานทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ตั้งแต่เหล่าอาจารย์ไปจนถึงลูกศิษย์ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา
ณ เรือนฉางหมิง ซึ่งเป็นที่พักของหลี่ฉางหมิงผู้สืบทอดคนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
ขณะนี้เป็นยามพลบค่ำ หลี่ฉางหมิงนั่งใคร่ครวญอะไรบางอย่างอยู่ที่ประตูเรือนฉางหมิงเพียงลำพัง
เพราะหลังจากรู้เรื่องที่ลู่อู๋ซวงถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดหญิง เขาก็มิมีสมาธิที่จะนั่งบำเพ็ญเพียรต่อได้อีก ภายในจิตใจว้าวุ่นราวกับกำลังจมดิ่งลงไปสู่จุดต่ำสุดของชีวิต
ตัวเขานั้นมีรากวิญญาณคู่ ซึ่งก็คือธาตุชั้นยอดถึงสองธาตุ หลังจากคาราวะเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนได้มินานก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอด สิ่งนั้นนักพรตฉางเสวียนได้เคยบอกกับเขาต่อหน้าทุกคน
“ฉางหมิง นับจากนี้ไปเจ้าคือผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน หมายความว่าเจ้าถูกกำหนดให้เป็นผู้สืบทอดทุกสิ่งทุกอย่าง และจะกลายเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ด้วย”
“เจ้าต้องหมั่นบำเพ็ญเพียร พร้อมทั้งพัฒนาคุณธรรมและความรู้ควบคู่ไปด้วย เจ้าสำนักที่ดีแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนนั้นจะต้องใส่ใจในใต้หล้า ใส่ใจศิษย์ทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ แม้กระทั่งต้นไม้และใบหญ้าทุกใบก็มิอาจละเลยได้”
“อย่ามัวแต่คิดถึงเรื่องไร้สาระว่าบ้านปลูกข้าวได้เท่าไหร่ มีบ้านอยู่กี่หลัง อนาคตแต่งงานจะต้องมีลูกอะไรพวกนั้นเชียวล่ะ…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน