เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 12

สรุปบท ตอนที่ 12 ที่นี่ก็คือสนามอสุรา: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

สรุปตอน ตอนที่ 12 ที่นี่ก็คือสนามอสุรา – จากเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet

ตอน ตอนที่ 12 ที่นี่ก็คือสนามอสุรา ของนิยายนิยายแปลเรื่องดัง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 12 ที่นี่ก็คือสนามอสุรา

‘ผู้สืบทอดหญิงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนงั้นหรือ ? ’

การตัดสินใจครั้งนี้ของนักพรตฉางเสวียนเป็นสิ่งที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่ก่อตั้งสำนักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน

ดังนั้นการแต่งตั้งผู้สืบทอดหญิงครั้งนี้ หมายความว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่ในภายภาคหน้าลู่อู๋ซวงจะได้เป็นเจ้าสำนักหญิงคนแรกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน

แต่หลังจากที่ได้ยินคำประกาศนี้ ศิษย์ของยอดเขากระบี่วิญญาณต่างก็อดที่จะสงสัยขึ้นมามิได้

และแน่นอนว่าหากข่าวนี้แพร่ออกไป ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจะต้องสั่นสะเทือนเป็นแน่ เชื่อว่าพวกเขาจะต้องสงสัยและตั้งถามขึ้นอย่างแน่นอน

แม้ว่าลู่อู๋ซวงจะนับว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก แต่กระนั้นก็ยังมิมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้สืบทอดหญิงได้อยู่ดี

ดังนั้นการที่จู่ ๆ เจ้าสำนักประกาศเช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผลเป็นแน่ แล้วเหตุผลนั้นมันคืออะไรกัน ?

ในขณะที่เหล่าศิษย์ของยอดเขากระบี่วิญญาณพากันมองลู่อู๋ซวงด้วยแววตาสงสัยและอิจฉาอยู่นั้น ลู่อู๋ซวงที่แม้ใบหน้าจะปรากฏความยินดีออกมา แต่นางรู้ดีว่าเพราะเหตุใดเจ้าสำนักถึงได้ประกาศเช่นนี้

เหตุผลง่าย ๆ เพราะเจ้าของร้านขายของชำในเมืองเสี่ยวฉือผู้นั้นนั่นเอง

แม้ลู่อู๋ซวงจะมีรากวิญญาณธาตุทองชั้นยอด แต่ก็มีเพียงแค่รากวิญญาณเดี่ยว ดังนั้นก่อนหน้านี้นางจึงมิมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้สืบทอดหญิงได้

แต่บัดนี้เมื่อมีผู้อาวุโสท่านนั้นคอยให้คำชี้แนะ ต่อให้นางจะมีรากวิญญาณเดี่ยวแล้วจะเป็นอะไรไปเล่า ?

ขอเพียงผู้อาวุโสท่านนั้นยินยอม มิแน่นางก็อาจจะมีรากวิญญาณคู่หรือรากวิญญาณที่มากกว่านั้นก็เป็นได้

แม้แต่คลื่นปราณฟ้าประทานภายในกายยังสามารถพัฒนาให้เกิดรากวิญญาณชั้นสูงได้ แค่การเพิ่มรากวิญญาณจะไปยากอะไร ?

คิดถึงตรงนี้ลู่อู๋ซวงก็อยากจะไปเมืองเสี่ยวฉือเสียเดี๋ยวนี้ให้ได้

แต่น่าเสียดายที่เมื่อครู่ก่อนที่ท่านเจ้าสำนักจะจากไปได้กำชับนางไว้หลายครั้งว่าช่วงนี้อย่าพึ่งไปที่เมืองเสี่ยวฉือ รอให้ท่านและอาจารย์หยวนเจี้ยนปรึกษากันเรื่องนี้เสียก่อน

……………………..

ข่าวที่เจ้าสำนักแต่งตั้งลู่อู๋ซวงเป็นผู้สืบทอดหญิงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน แพร่สะพัดไปทั่วเขาไท่เสวียนราวกับไฟลามทุ่ง

เรื่องนี้สั่นสะเทือนไปทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน

“น่าแปลกจริง ๆ ทำไมจู่ ๆ ท่านเจ้าสำนักถึงประกาศให้ศิษย์พี่ลู่เป็นผู้สืบทอดหญิงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนได้ ? ”

“ข้าว่าท่านเจ้าสำนักอาจจะมิได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ต่อให้ศิษย์พี่ลู่จะมีรากวิญญาณธาตุทอง แต่ยังไงนางก็มีแค่รากวิญญาณเดี่ยวเท่านั้น”

“พวกเจ้าว่าเจ้าสำนักบำเพ็ญเพียรจนเสียสติไปแล้วหรือเปล่านะ ? ”

“ศิษย์พี่ท่านนี้ ท่านหมายความว่าท่านเจ้าสำนักบำเพ็ญเพียรจนธาตุไฟเข้าแทรกอย่างนั้นหรือ ? ”

“เบา ๆ หน่อย ใครมาได้ยินเข้าพวกเราจะถูกลงโทษเอาได้ แต่ที่เจ้าพูดมาก็มีความเป็นไปได้อยู่นะ ! ”

“ศิษย์พี่ ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ หรืออาจมีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างก็เป็นได้นะ หรือว่าเมื่อบำเพ็ญเพียรถึงขั้นนั้นแล้วนิสัยของคนเราจะเริ่มบิดเบี้ยว คุณธรรมก็จะเสื่อมถอยลง ข้ามิอยากจะคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้เลยจริง ๆ ”

“……”

เพียงมินานทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ตั้งแต่เหล่าอาจารย์ไปจนถึงลูกศิษย์ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา

ณ เรือนฉางหมิง ซึ่งเป็นที่พักของหลี่ฉางหมิงผู้สืบทอดคนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน

ขณะนี้เป็นยามพลบค่ำ หลี่ฉางหมิงนั่งใคร่ครวญอะไรบางอย่างอยู่ที่ประตูเรือนฉางหมิงเพียงลำพัง

เพราะหลังจากรู้เรื่องที่ลู่อู๋ซวงถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดหญิง เขาก็มิมีสมาธิที่จะนั่งบำเพ็ญเพียรต่อได้อีก ภายในจิตใจว้าวุ่นราวกับกำลังจมดิ่งลงไปสู่จุดต่ำสุดของชีวิต

ตัวเขานั้นมีรากวิญญาณคู่ ซึ่งก็คือธาตุชั้นยอดถึงสองธาตุ หลังจากคาราวะเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนได้มินานก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอด สิ่งนั้นนักพรตฉางเสวียนได้เคยบอกกับเขาต่อหน้าทุกคน

“ฉางหมิง นับจากนี้ไปเจ้าคือผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน หมายความว่าเจ้าถูกกำหนดให้เป็นผู้สืบทอดทุกสิ่งทุกอย่าง และจะกลายเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ด้วย”

“เจ้าต้องหมั่นบำเพ็ญเพียร พร้อมทั้งพัฒนาคุณธรรมและความรู้ควบคู่ไปด้วย เจ้าสำนักที่ดีแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนนั้นจะต้องใส่ใจในใต้หล้า ใส่ใจศิษย์ทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ แม้กระทั่งต้นไม้และใบหญ้าทุกใบก็มิอาจละเลยได้”

“อย่ามัวแต่คิดถึงเรื่องไร้สาระว่าบ้านปลูกข้าวได้เท่าไหร่ มีบ้านอยู่กี่หลัง อนาคตแต่งงานจะต้องมีลูกอะไรพวกนั้นเชียวล่ะ…”

เพราะตอนนี้นางมีท่าทีระมัดระวังและทำตัวนอบน้อมราวกับให้เกียรติผู้อาวุโสที่ห่างชั้นกันมากมายก็มิปาน

และที่ทำให้เย่ฉางชิงต้องปวดขมับก็คือ ทั้ง ๆ ที่นางมีใบหน้างดงามราวกับหญิงงามล่มเมืองเพียงนั้น แต่บัดนี้ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว นางกลับมิคิดจะไปจากเขาเลย

สิ่งนี้ทำให้เย่ฉางชิงอดที่จะสงสัยมิได้ว่า สาวน้อยนางนี้หลงรักรูปลักษณ์ภายนอกอันหล่อเหลาของเขาเข้าแล้วหรือเยี่ยงไร ?

หรือว่านี่จะเป็นข้อดีของโลกเซียนกันนะ มิต้องมีบ้าน ที่นา หรือสินสอด เพียงแค่มีใบหน้าที่หล่อเหลาก็มีสาวงามมาติดพันแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?

ฉะนั้นยามที่เขาออกมาซื้อเนื้อ เยี่ยนปิงซินจึงติดตามมาด้วย

และวันนี้ ในเมืองเสี่ยวฉือก็ได้มีชายฉกรรจ์ท่าทางดุดันและแต่งกายแปลก ๆ กลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

พวกเขาดูเหมือนตามหากลิ่นบางอย่างอยู่ หลังจากเดินวางมาดเข้ามาในเมืองเสี่ยวฉือ ก็เดินไปทางร้านขายของชำฉางชิงทันทีราวกับคุ้นเคยเป็นอย่างดี

“ลูกพี่ ที่นี่แหละ แถมกลิ่นไอของราชันทมิฬก็ยังอยู่ มันต้องยังอยู่ในร้านแน่ ๆ ”

“ดี ถ้าเอาตัวราชันทมิฬชั้นต่ำนั่นกลับไปได้ ราชาเพลิงโลกันต์จะต้องตบรางวัลให้พวกเราอย่างงามแน่”

“เช่นนั้นก็รีบจัดการเถอะ อย่างไรเสีย ตอนนี้ราชันทมิฬก็ถูกทำร้ายจนกลับคืนร่างเดิมไปแล้ว”

ผู้ชายท่าทางแปลก ๆ แสยะยิ้มออกมา ก่อนจะใช้เท้าถีบประตูแล้วพากันเดินเข้าไปในร้านทันที

แต่ไม่นานภายในร้านก็ได้มีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดราวกับจะขาดใจลอยออกมา

“ลูกพี่ ดูท่าพวกเราคงจะติดกับของราชันทมิฬเข้าแล้วล่ะ”

“ลูกพี่ ที่นี่ที่ไหนกัน ? ”

“ที่นี่ก็คือสนามอสุรา ! ”

“ยามารของข้าล่ะ ! ”

“……”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน