เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 129

ตอนที่ 129 ภายในแหวนเก็บสมบัติกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง

เมื่อกลับถึงห้อง

เย่ฉางชิงได้ปิดประตูลง พร้อมกับส่องออกไปยังนอกหน้าต่างเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะอย่างรีบร้อน

ทันทีที่เขาแบมือออก แหวนที่ปราณีตงดงามวงหนึ่งพลันปรากฏสู่สายตา

นี่ก็คือแหวนเก็บสมบัติที่เยี่ยนปิงซินมอบให้เขานั่นเอง

แต่เท่าที่เขาจำได้แหวนเก็บสมบัติเช่นนี้ ย่อมมีราคาแพงเป็นแน่

แต่เยี่ยนปิงซินกลับทำเหมือนมิใส่ใจใด ๆ จนเขาอดมิได้ที่จะสงสัย

หรือว่าในโลกเซียนแห่งนี้ แหวนเก็บสมบัติอาจจะมิมีค่าจริง ๆ ก็ได้

และก่อนหน้านี้เขาก็ได้เลียบ ๆ เคียง ๆ ถามเยี่ยนปิงซินว่า

หากกระดาษซวนในแหวนเก็บสมบัติหมดแล้ว เขาต้องคืนแหวนเก็บสมบัติให้แก่นางหรือไม่ สุดท้ายอีกฝ่ายกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

เช่นนั้นเท่ากับว่าตอนนี้แหวนเก็บสมบัติวงนี้ก็เป็นของเขาแล้วน่ะสิ

แต่ตอนนี้ยังมีปัญหาอีกอย่างก็คือ

เขาต้องทำเช่นไรจึงจะนำกระดาษซวนออกมาจากแหวนเก็บสมบัตินี่ได้กันเล่า

เขามิมีรากวิญญาณ มิสามารถบำเพ็ญเพียรได้

ซึ่งเยี่ยนปิงซินเองก็บอกเพียงแค่ว่าให้เพ่งสมาธิก็จะสามารถนำออกมาได้

แต่เขาลองดูหลายครั้งแล้ว แหวนกลับมิมีการตอบสนองแต่อย่างใด !

‘หรือว่าจะต้องทำตามแบบในนิยายแฟนตาซี หยดเลือดลงไปเพื่อให้แหวนจำเจ้าของได้ จากนั้นแหวนเก็บสมบัติและเขาก็จะมีบางอย่างที่เชื่อมโยงกัน จึงสามารถนำของออกมาได้ ? ’

เย่ฉางชิงลูบที่หน้าผากของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่ “ใช่แล้ว ต้องเป็นเช่นนี้แน่ ! ”

เย่ฉางชิงเอ่ยจบก็ลุกขึ้นเดินไปที่หัวเตียง แล้วหยิบมีดสั้นคมกริบด้ามหนึ่งออกมาจากใต้หมอน

มีดสั้นเล่มนี้เป็นมีดที่หลายปีก่อน เขาตั้งใจให้ช่างตีเหล็กซ่งทำขึ้นโดยเฉพาะ

ส่วนคมมีดนั้นเขาเป็นคนลับเองกับมือ

ในโลกเซียนเช่นนี้จิตใจมนุษย์ยากแท้จะหยั่งถึง ปีศาจดุร้ายออกอาละวาดไปทั่ว

หลังจากจับพลัดจับผลูได้มาที่โลกนี้ เย่ฉางชิงคิดว่าจำเป็นต้องมีแผนสำรองให้ตัวเอง

แม้จะเป็นตัวเอกของเรื่อง ก็ควรระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา

เช่นนั้นจึงได้เอามีดสั้นเล่มนี้ติดตัวอยู่เสมอ

แต่สุดท้ายเพราะว่ามิมีรากวิญญาณ จึงมิอาจบำเพ็ญเพียรได้ เช่นนั้นเขาจึงจำใจต้องอยู่ที่เมืองเสี่ยวฉือแห่งนี้มากว่าห้าปีแล้ว

แต่เพราะมิเคยเจออันตรายใด ๆ มีดสั้นเล่มนี้จึงเปรียบเสมือนวีรบุรุษที่มิมีโอกาสได้แสดงฝีมือ ไม่เคยได้เปื้อนเลือดของผู้ใด

แต่คืนนี้กลับต้องเอามาใช้กับตัวเองเสียแล้ว

เย่ฉางชิงมองคมมีดในมือผ่านแสงสลัว ด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน “ช่างน่าขันยิ่งนัก มีดสั้นเล่มนี้ถูกเก็บเอาไว้มานานหลายปี สุดท้ายคราแรกที่จะดื่มเลือดกลับเป็นเลือดของตัวเองเสียได้”

เย่ฉางชิงเอ่ยพึมพำก่อนจะนั่งลงข้างโต๊ะอีกครั้ง

เขาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะกัดฟันแล้วใช้มีดสั้นกรีดลงที่นิ้วชี้ของตนเอง

เมื่อเลือดสีแดงสดไหลออกมา เขาก็รีบยื่นนิ้วชี้ไปยังแหวนเก็บสมบัติที่ทำอย่างละเอียดปราณีต

“อย่าได้มีอะไรผิดพลาดเด็ดขาดเชียวนะ กระดาษซวนมากมายเหล่านั้นเป็นสมบัติล้ำค่า อีกทั้งแหวนนี่ยังเป็นแหวนเก็บสมบัติวงแรกของข้าอีกด้วย…”

เย่ฉางชิงจ้องที่นิ้วของตัวเอง ขณะเดียวกันก็พึมพำกับตัวเองไปพลาง

มินานเลือดสีแดงสดหยดหนึ่งก็หยดลงบนลวดลายของแหวนเก็บสมบัติ

แล้วจู่ ๆ เสียงบ่นงึมงำของเย่ฉางชิงก็หยุดลง สายตาจ้องเขม็งไปยังหยดเลือดที่ส่องประกายแวววาวราวกับผลึกใสบนแหวนเก็บสมบัติ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ”

“เหตุใดเลือดหยดนี้จึงมิซึมลงไปในแหวนเก็บสมบัติกันเล่า หรือว่าโลกเซียนแห่งนี้มิได้บัญญัติเรื่องการหลั่งเลือดเพื่อให้จดจำเจ้าของเอาไว้ ? ”

เย่ฉางชิงขมวดคิ้วแน่น พร้อมกับเอ่ยขึ้น

จนเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งก้านธูป

“เปรี้ยง ! ”

ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องพลันดังขึ้นที่นอกประตู

“สูด ! ”

เย่ฉางชิงสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหลุดออกจากภวังค์

ตอนนั้นเองภาพที่เย่ฉางชิงเฝ้ารอก็ปรากฏขึ้นมา

เลือดหยดนั้นสั่นเล็กน้อย ก่อนจะค่อยซึมลงไปช้า ๆ

‘เริ่มดูดซับแล้วงั้นหรือ ? ’

มุมปากของเย่ฉางชิงค่อย ๆ ยกขึ้น ในที่สุดใบหน้าขาวใสก็เผยรอยยิ้มยินดีออกมา

จนเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งก้านธูป

แหวนเก็บสมบัติก็ดูดซับเลือดหยดนั้นเข้าไปจนหมด

เย่ฉางชิงเห็นภาพตรงหน้าก็สูดลมหายใจเข้าลึก และยืดหลังให้ตรงก่อนจะค่อย ๆ สวมแหวนเก็บสมบัติเข้าที่นิ้วชี้ของเขา

‘เพ่งสมาธิงั้นหรือ ? ’

เย่ฉางชิงยิ้มออกมา ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลง

เขาสงบจิตใจและเพ่งสมาธิ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน