ตอนที่ 139 จะล่วงเกินเบื้องบนงั้นหรือ ?
“ปิงซิน ห้ามเสียมารยาทต่อหน้าท่านเย่”
เยี่ยนปิงซินเอ่ยจบ เยี่ยนเทียนซานก็หันไปเอ่ยเตือนทันที
ผู้อาวุโสเย่นับเป็นเซียนที่ลงมาจากสวรรค์ตัวจริง แม้จะมีนิสัยมิถือเนื้อถือตัวแต่ผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าอย่างพวกเขาก็มิควรกำเริบเสิบสานเด็ดขาด
อีกทั้งการที่เมื่อวานนี้อารามฉางชิงปรากฏนิมิตขึ้นอีกครา จนไอพลังลึกลับปกคลุมไปทั่วทั้งทิศตะวันออก ทำให้ผู้คนมากมายราวกับรู้แจ้ง
นี่เป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสเย่ประทานให้แคว้นต้าเยี่ยนอย่างหาที่สุดมิได้ !
แต่เยี่ยนปิงซินอาจจะยังมิทราบถึงเรื่องนี้ เช่นนั้นเยี่ยนเทียนซานจึงเพียงแค่เอ่ยตำหนิเบา ๆ เท่านั้น
“ท่านเยี่ยนกล่าวเกินไปแล้ว”
เย่ฉางชิงโบกมือให้อย่างมิเห็นด้วย พร้อมกับหันไปถามเยี่ยนปิงซินด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูเยี่ยน มิทราบว่าท่านหมายถึงที่ใดกัน ข้ารู้สึกสนใจมิน้อยเลย”
เยี่ยนเทียนซานได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ายิ้ม ๆ
เมื่อผู้อาวุโสเย่เอ่ยเช่นนี้แล้ว ผู้น้อยเช่นเขาย่อมมิกล้าพูดอะไรอีก
เยี่ยนปิงซินกะพริบตาปริบ ๆ และกล่าวต่ออย่างมีเลศนัยว่า “เราไปทานอาหารเช้าก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ ระหว่างทางข้าจะบอกให้ฟังเจ้าค่ะ”
“พูดได้ดี”
เย่ฉางชิงหัวเราะก่อนหมุนตัวกลับไปอุ้มถูสือซานเอาไว้แนบอก และเดินไปทางห้องอาหารพร้อมกับพวกเยี่ยนเทียนซานทันที
เมื่อมาถึงห้องอาหารก็พบว่าบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารเช้านานาชนิด
เย่ฉางชิงนั่งลงเป็นคนแรกตามคำเชิญอย่างกระตือรือร้นของเยี่ยนเทียนซาน ก่อนที่คนที่เหลือจะทยอยนั่งลงตาม ๆ กัน
หลังทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เย่ฉางชิงได้ขอให้หัวหน้าสาวใช้ที่นามว่าหลี่เยว่ ช่วยดูแลราชันทมิฬหลังจากที่พวกเขาออกไปด้านนอกด้วย
หลี่เยว่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่ภายในใจกลับรู้สึกว้าวุ่นเป็นอย่างมาก
สุนัขดำตัวใหญ่นั่นเป็นถึงจักรพรรดิปีศาจเชียวนะ !
ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามายังคฤหาสน์จิ่งหลันหยวน นางก็รับรู้ได้ถึงไอพลังอันน่าหวาดกลัวนี้ดี
แต่ตอนนี้นางกลับต้องมาเป็นคนดูแลจักรพรรดิปีศาจตนนี้ แล้วนางจะดูแลเช่นไรกันเล่า ?
‘ท่านเย่ เรื่องนี้มันยากเกินกำลังไปแล้วนะเจ้าคะ ! ’
‘ข้าน้อยลำบากใจยิ่งนัก ! ’
เนื่องด้วยที่หมายในวันนี้มิได้ไกลเท่าไรนัก เช่นนั้นทุกคนจึงตัดสินใจที่เดินไปแทน
ที่สำคัญก็คือเย่ฉางชิงมิอยากนั่งรถม้า เพราะต้องการที่จะทำความเข้าใจสภาพความเป็นอยู่ของที่นี่
บนท้องถนนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน
พวกเย่ฉางชิงต่างเดินปะปนไปกับผู้คนเช่นเดียวกับชาวบ้านทั่วไป แต่เนื่องด้วยลักษณะท่าทางที่ออกมาจากภายในของทั้งสี่คน ทำให้เหมือนกับนกกระเรียนในฝูงไก่1
โดยเฉพาะเย่ฉางชิง
อาภรณ์สีขาวราวกับหิมะ ใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับหยกประดับมงกุฎ ดวงตาเรียวยาว ท่าทางสุภาพอ่อนโยน แต่กลับรูปงามอย่างหาตัวจับยาก
โดดเด่นราวกับเทพบุตร ที่มาท่องอยู่บนโลกมนุษย์
ส่วนเยี่ยนจิ่งหงแม้จะเป็นถึงรัชทายาทแห่งแคว้นต้าเยี่ยน เดิมก็มีลักษณะท่าทางที่พิเศษอยู่แล้ว
ทว่าเมื่อมาเดินข้างกายเย่ฉางชิง กลับโดนกลบรัศมีไปจนมิด ทำให้ตอนนี้จึงดูมิต่างจากคนธรรมดาสามัญเลย
พลันทุกสายตาต่างก็จับจ้องมาที่เย่ฉางชิงจนเป็นตาเดียว
“ดูนั่นเร็ว บุรุษหนุ่มรูปงาม ! ”
“ไหน ๆ ให้ข้าดูหน่อยสิ ! ”
“ว้าว เป็นบุรุษหนุ่มรูปงามจริง ๆ ด้วย ท่าทาง ใบหน้า ช่างหล่อเหลายิ่งนัก ! ”
“นี่ใช่บุรุษหนุ่มรูปงามที่ไหนกัน นี่มันเทพบุตรที่มาท่องอยู่บนโลกมนุษย์ชัด ๆ ! ”
“ใช่แล้ว เมืองหลวงมีบุรุษหนุ่มรูปงามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน เหตุใดก่อนหน้านี้ข้ามิเคยได้ยินมาก่อน รูปงามเพียงนี้มิมีทางที่จะมิเป็นกล่าวขานอย่างแน่นอน ! ”
“บ้าจริง คนเช่นนี้ต้องมีมารดาที่งดงามเพียงใดกันแน่นะ ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ! ”
“บุรุษรูปงามเช่นนี้ ขอเพียงได้อยู่กับเขาสักสองวัน ต่อให้ตายก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว”
“……”
ทันทีที่พวกเย่ฉางชิงปรากฏตัว ก็เกิดความโกลาหลขึ้นโดยรอบ
มินานเหล่าบุรุษหนุ่มที่สวมอาภรณ์หรูหรา ก็จ้องมายังเย่ฉางชิงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก็มิปาน
ตอนนั้นเองพวกเยี่ยนเทียนซานที่ตามอยู่ทางด้านหลังเย่ฉางชิง ก็มีสีหน้ามิสู้ดีขึ้นมาทันที
เยี่ยนเทียนซานขมวดคิ้วมุ่น พร้อมกับกระซิบขึ้น “เยี่ยนจิ่งหง พ่อเจ้าบอกไว้มิใช่หรือว่าให้เจ้าดูแลเรื่องความเป็นอยู่ของผู้อาวุโสเย่ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ”
“ท่านบรรพบุรุษ ผู้น้อยเป็นคนดูแลก็จริงขอรับ แต่ผู้น้อยคาดมิถึงว่าบรรดาคุณหนูตระกูลใหญ่จะเข้ามาวุ่นวายเช่นนี้ขอรับ”
เยี่ยนจิ่งหงมีสีหน้าย่ำแย่ถึงขีดสุด พลางตอบกลับอย่างหวาดหวั่น
เยี่ยนเทียนซานมุมปากกระตุกเล็กน้อย กระซิบถามอีกครั้งว่า “เจ้าวางกำลังทหารไว้ทางทิศใต้เท่าไร ? ”
“เรียนท่านบรรพบุรุษ แปดพันขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน