ตอนที่ 140 หอสายลมจันทรา
“นายท่าน เจอคุณหนูแล้วขอรับ อยู่ด้านหน้าขอรับ ! ”
“นายท่าน คุณหนูอยู่ด้านหน้าขอรับ ! ”
มินานคนที่ผู้นำตระกูลต่าง ๆ ส่งออกไป ก็ตามหาคุณหนูของตัวเองเจอ ก่อนพบว่าพวกนางอยู่ด้านหน้าเกือบทั้งสิ้น
“แล้วจะมัวยืนนิ่งอยู่ทำไม รีบพานางไสหัวกลับไปเดี๋ยวนี้ ! ”
“หากนางเด็กคนนั้นกล้าพูดคำว่า ไม่ ให้บอกนางไปว่ามิต้องกลับมาอีก ! ”
“……”
มินานขณะที่เหล่าคุณหนูตระกูลใหญ่มากมายที่ขวางทางเย่ฉางชิง กำลังแย่งกันถามจนฟังมิได้ศัพท์ จู่ ๆ ก็มีคนเดินปรี่เข้ามา
“คุณหนู ที่เรือนเกิดเรื่องใหญ่ รีบกลับไปกับข้าน้อยเถอะขอรับ ! ”
“เรื่องใหญ่งั้นหรือ เกิดเรื่องใหญ่อะไรกัน ? ”
“นายท่านบอกว่าหากท่านมิรีบกลับไปตอนนี้ ต่อไปก็มิต้องกลับไปอีก ครานี้ข้าขอเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน นายท่านมิได้ล้อเล่นแน่นอนขอรับ”
“เรื่องนี้สำคัญมากเกี่ยวพันถึงทั้งตระกูล อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของตระกูลด้วยนะขอรับ”
“ร้ายแรงเช่นนั้นเชียวหรือ ? ”
“พี่ฉางชิง ข้าชื่อเหอหลัน ท่านต้องจำชื่อข้าให้ได้นะเจ้าคะ”
“……”
เพียงมิกี่อึดใจต่อมา บรรดาคุณหนูมากมายที่ขวางทางเย่ฉางชิงเอาไว้ ก็ได้เอ่ยลาเย่ฉางชิงก่อนจะรีบเดินจากไป
เมื่อเห็นทุกคนทยอยจากไปแล้ว เย่ฉางชิงจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“คุณหนูเยี่ยน การเดินทางของพวกเราครานี้มิได้เป็นที่สะดุดตาเกินไปใช่หรือไม่ ? ”
เย่ฉางชิงก้าวเดินต่อไป ขณะเดียวกันก็เหลือบมองเยี่ยนปิงซินพร้อมกับเอ่ยถามออกมา
เยี่ยนปิงซินยิ้มพรายก่อนจะตอบว่า “ท่านเย่ ความจริงแล้วพวกเรามิถือว่าเป็นที่สะดุดตาแต่อย่างใด เพียงแต่ท่านนั้นดูโดดเด่นกว่าคนอื่นเจ้าค่ะ”
‘โดดเด่น ? ’
‘โดดเด่นอะไรกัน ? ’
‘นอกจากใบหน้าหล่อเหลากับพรสวรรค์ที่หาประโยชน์อันใดมิได้ในโลกเซียนแห่งนี้ ข้ายังมีอะไรที่โดดเด่นอีกเล่า ? ’
เย่ฉางชิงส่ายหน้าพร้อมยิ้มบาง ๆ ออกมา หลังปรับอารมณ์แล้วจึงได้เอ่ยถามขึ้น “คุณหนูเยี่ยน ท่านยังมิได้บอกข้าเลยว่าเราจะไปที่ใดกันแน่ ? ”
เยี่ยนปิงซินยิ้มหวานออกมา
“หอสายลมจันทราเจ้าค่ะ”
‘หอสายลมจันทรา ? ’
‘เป็นสถานที่เช่นไรกัน ชื่อถึงงดงามราวกับบทกวีเช่นนี้’
เย่ฉางชิงเอ่ยถามต่อ “หอสายลมจันทราเป็นสถานที่เช่นใดกันหรือ ? ”
เยี่ยนปิงซินตาเป็นประกาย ก่อนจะตอบกลับพร้อมรอยยิ้มว่า “ท่านเย่ หอสายลมจันทราชื่อนี้ฟังดูเป็นสถานที่ที่งดงามใช่หรือไม่เจ้าคะ ? ”
เย่ฉางชิงพยักหน้าเห็นด้วย
“ท่านเย่ หอสายลมจันทราความจริงแล้วเป็นสถานที่ที่รวบรวมยอดกวีของเมืองหลวงเอาไว้เจ้าค่ะ”
เยี่ยนปิงซินเอ่ยอธิบายต่ออีกว่า “หอสายลมจันทรานั้นตั้งอยู่ริมทะเลสาบปี้ชิงที่อยู่ทางใต้ของเมืองหลวง เดิมมีชื่อว่าหอสายลม แต่หลังจากนั้นได้มียอดกวีท่านหนึ่งเมามายในยามค่ำคืน และพบว่ามีพระจันทร์เต็มดวงสะท้อนบนทะเลสาบปี้ชิง จึงทำให้เกิดกวีอันงดงามประโยคหนึ่งขึ้น”
“ข้ายกจอกเชิญนวลจันทร์ มิทราบจันทราลับปี้ชิง”
เย่ฉางชิงอดที่จะตกตะลึงมิได้เมื่อได้ยินบทกวีนี้
ต้องยอมรับว่ากลอนบทนี้ใช้ได้เลยทีเดียว
แต่แน่นอนว่าแค่พอใช้ได้เท่านั้น
เพราะก่อนที่จะมายังโลกเซียนแห่งนี้ เย่ฉางชิงเรียกได้ว่าเคยอ่านบทกลอนยุคถังและซ่งมามากมาย
เช่นนั้นกลอนบทนี้หากเทียบกับกลอนในยุคถังและยุคซ่ง ที่อยู่ในความทรงจำของเขาแล้ว จึงนับว่าแค่พอใช้ได้จริง ๆ
เย่ฉางชิงอดมิได้ที่จะยกยิ้มออกมา เมื่อบังเอิญเหลือบเห็นท่าทางของเยี่ยนปิงซินขณะพูดถึงกลอนประโยคนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน