สรุปตอน ตอนที่ 152 ทำเช่นนี้มิกลัวสวรรค์ลงโทษหรือเยี่ยงไร ? ! – จากเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet
ตอน ตอนที่ 152 ทำเช่นนี้มิกลัวสวรรค์ลงโทษหรือเยี่ยงไร ? ! ของนิยายนิยายแปลเรื่องดัง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 152 ทำเช่นนี้มิกลัวสวรรค์ลงโทษหรือเยี่ยงไร ? !
‘ขอบคุณท่านเย่ที่ประทานวาสนาเช่นนี้ให้ ? ’
‘นี่มันอะไรกัน’
‘หมายความว่าเยี่ยนปิงซินได้รับสิ่งที่เรียกว่าการถ่ายทอดความทรงจำงั้นหรือ ? ’
‘บ้าไปแล้ว ! ’
จู่ ๆ เย่ฉางชิงก็นิ่งอึ้งไป
‘หรือว่าความทรงจำของกลหมากปริศนาสองภาพก่อนหน้านี้มีปัญหา แต่พอถึงภาพที่สามกลับสามารถถ่ายทอดวาสนาได้อย่างสมบูรณ์ ? ’
‘มิใช่หรอก ! ’
‘นี่เท่ากับเป็นการกลั่นแกล้งข้าชัด ๆ ! ’
ขณะเดียวกันคนอื่น ๆ ต่างก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันไปมองเยี่ยนปิงซินด้วยแววตาริษยา
‘สมกับเป็นเทพแห่งหมาก ! ’
‘ยอดเยี่ยมจริง ๆ ! ’
‘สามารถประทานโอกาสและวาสนาพลิกฟ้าเช่นนี้ ให้แก่ผู้น้อยคนหนึ่งง่าย ๆ ถึงเพียงนี้ได้ ! ’
เพราะภาพกลหมากปริศนาเหล่านี้ล้วนตกทอดมาจากสมัยบรรพกาล
นานมาแล้วเคยมีคนที่แก้กลหมากปริศนาได้หนึ่งภาพ จึงได้รับโอกาสและวาสนาพลิกฟ้า และสุดท้ายก็สามารถบรรลุเป็นเซียนบนสวรรค์ได้
แม้แต่ผู้ที่ถูกขนานนามว่าเทพหมากแห่งยุคอย่างหนานกงเซวียนจีก็สามารถเข้าสู่เต๋าได้ เพราะความรู้แจ้งที่ได้มาจากกลหมากปริศนาภาพหนึ่งเช่นกัน
แต่บัดนี้ยอดคนที่ดูเหมือนยังเยาว์วัย แต่กลับมีความแตกฉานในวิถีหมากเกินกว่าจะคาดเดาได้ กลับมอบโอกาสและวาสนาพลิกฟ้าให้แก่คุณหนูที่อยู่ข้างกายต่อหน้าทุกคนเช่นนี้
พวกเขาจะทำเป็นเหมือนมิมีอะไรเกิดขึ้นได้เยี่ยงไรกัน ?
“ขอบคุณท่านเย่ที่ประทานโอกาสและวาสนาเช่นนี้ให้แก่ปิงซิน ! ”
ตอนนั้นเองเยี่ยนเทียนซานก็ได้โค้งคำนับให้แก่เย่ฉางชิงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดี พร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างเคารพ
‘ผู้อาวุโสเย่เคยมอบรากวิญญาณธาตุน้ำแข็งชั้นยอดที่หายากให้แก่เยี่ยนปิงซิน ทำให้นางกลายเป็นยอดสตรีที่มีรากวิญญาณสองชนิดอยู่ภายในกาย’
‘บัดนี้ก็ยังมอบวาสนาจากภาพกลหมากปริศนาให้อีก’
‘เช่นนี้แล้วต่อไปเยี่ยนปิงซินจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ! ’
เยี่ยนเทียนซานคิดได้เช่นนั้นก็ปรายตามองไปยังเยี่ยนจิ่งหงที่อยู่ข้างกาย แล้วก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว
นั่นก็คือปลดเยี่ยนจิ่งหงจากตำแหน่งรัชทายาทเสีย แล้วต่อไปก็ให้ฮ่องเต้หญิงปกครองแคว้นต้าเยี่ยนแทน
‘อืม ! ’
‘ความคิดนี้มิเลวเลย ค่อยให้เยี่ยนหยางเหนียนเก็บไปพิจารณาอีกที’
และในตอนนั้นเองเยี่ยนจิ่งหงก็ได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง
เขามองเยี่ยนปิงซินด้วยความอิจฉาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างนอบน้อม “ขอบคุณท่านเย่ที่ประทานโอกาสและวาสนาเช่นนี้ให้แก่น้องสาวของข้าขอรับ”
ขณะที่เอ่ยประโยคนั้นออกมา เยี่ยนจิ่งหงก็ได้หวนคิดถึงคำพูดอันหนักแน่นของเยี่ยนหยางเหนียนก่อนหน้านี้
“บางทีการได้ติดตามข้างกายท่านเย่อาจเป็นวาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเจ้าก็ได้ แต่ขณะเดียวกันก็อาจทำให้เจ้าสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในตอนนี้ไปได้เช่นเดียวกัน……”
ก่อนหน้านี้เยี่ยนจิ่งหงยังรู้สึกสงสัยในคำพูดนี้อยู่
แต่บัดนี้เขาเพิ่งจะได้เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้
‘เสด็จพ่อ ลูกทำให้ท่านผิดหวังแล้ว’
เยี่ยนจิ่งหงทอดถอนใจออกมา อย่างหมดอาลัยตายอยาก
ทว่าหลังจากที่เย่ฉางชิงได้ยินคำพูดของเยี่ยนเทียนซานและเยี่ยนจิ่งหง กลับรู้สึกดีใจไม่ออก
เพราะสองคราก่อนหน้านี้ล้วนก็บอกว่าจะมีการถ่ายทอดความทรงจำให้ แต่สุดท้ายรออยู่ครึ่งค่อนวันก็หาได้มีอะไรเกิดขึ้นไม่ เช่นนั้นเขาจึงให้เยี่ยนปิงซินมาทดสอบดูบ้าง
แต่ใครจะรู้ว่าการทดสอบกลับเจอปัญหาเข้าจริง ๆ !
เย่ฉางชิงคิดได้เช่นนั้นก็ก้มลงไปมองเยี่ยนปิงซินที่ยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น มุมปากกระตุกเล็กน้อยสีหน้ามิบ่งบอกอารมณ์ใด ๆ
‘คุณหนูเยี่ยนทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด เจ้ามอบวาสนานี้คืนให้ข้าเถอะ…’
‘จนถึงบัดนี้ข้ายังมิมีตบะแม้แต่น้อย คิดเสียว่าสงสารข้าได้หรือไม่ ? ’
“…..”
เย่ฉางชิงได้แค่เพียงพร่ำบ่นในใจ ก่อนที่จะปล่อยวางเรื่องนี้ลง
การมาเมืองหลวงในครานี้นับว่าเขาติดหนี้บุญคุณตระกูลเยี่ยน
การที่เขาได้มอบวาสนาในภาพกลหมากปริศนาให้แก่เยี่ยนปิงซินเช่นนี้ ก็นับว่าเป็นการชดใช้บุญคุณให้แล้ว
“ผู้ดูแลหลู่ รบกวนท่านช่วยเปิดกลหมากปริศนาให้ข้าอีกภาพที”
เย่ฉางชิงมิได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา ขณะฝืนยิ้มให้แก่หลู่ฉี
หลู่ฉีพยักหน้ารับ พร้อมกับหยิบกลหมากปริศนาอีกภาพออกมา วางลงตรงหน้าของเย่ฉางชิง
ครานี้ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป เย่ฉางชิงก็สามารถแก้กลหมากปริศนาได้สำเร็จ
เสียงแหบแห้งเสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง
แต่สุดท้ายเย่ฉางชิงก็ยังคงมิได้รับในสิ่งที่เรียกว่าโอกาสและวาสนาอยู่ดี
“ผู้ดูแลหลู่ รบกวนท่านช่วยเปิดกลหมากปริศนาอีกภาพที”
…………………………….
เวลาผ่านไปเกือบสี่ชั่วยาม กลหมากปริศนา 13 ภาพก็ถูกแก้จนเหลือเพียงแค่ภาพเดียวที่ยังมิได้ถูกเปิดออก
ส่วนความอดทนของเย่ฉางชิงก็ดูเหมือนจะมาถึงขีดสุดแล้ว
สีหน้าของเขาเข้มขึ้น คิ้วขมวดแน่น พร้อมจ้องเขม็งไปที่ภาพกลหมากปริศนาตรงหน้า
ในตอนนั้นเองเนื่องด้วยข่าวที่เย่ฉางชิงแก้กลหมากปริศนาได้ติดต่อกันหลายภาพแพร่กระจายออกไป ทำให้ชั้นหมากล้อมที่โอ่โถงเริ่มมีคนแน่นขนัดขึ้นมาในพริบตา
ทุกคนต่างจ้องมองด้วยความเหลือเชื่อ ส่วนเย่ฉางชิงที่สวมอาภรณ์สีขาวบัดนี้กลับมีสีหน้าที่ยากจะคาดเดา
เพราะกลหมากปริศนา 13 ภาพนี้ นับตั้งแต่สมัยบรรพกาลมาจวบจนถึงตอนนี้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เคยสามารถแก้กลนี้ได้
และคนผู้นั้นก็ได้บรรลุจนได้เป็นเซียนบนสวรรค์ไปนานแล้ว
การที่วันนี้คน ๆ เดียวสามารถแก้กลหมากปริศนาติดต่อกันได้ถึง 12 ภาพเช่นนี้ นี่มันหมายความว่าเยี่ยงไรกันแน่ ?
ก็หมายความว่าชายหนุ่มที่ดูเยาว์วัยผู้นี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นยอดคนที่มาจากสรวงสวรรค์ !
เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เลยล่ะ ?
กลับกัน ยอดฝีมือท่านนี้หลังแก้กลหมากปริศนาติดต่อกัน 12 ภาพ กลับยังคงมีสีหน้าที่เคร่งเครียด จนดูเหมือนกำลังโมโหเสียด้วยซ้ำ
จนทำให้พวกเขาอดที่จะประหลาดใจมิได้
หรือว่าจะมีสิ่งใดไปละเมิดข้อห้ามของยอดฝีมือท่านนี้เข้า ?
ตอนนั้นเองเย่ฉางชิงก็ได้กำหมัดแน่น พร้อมกับเอ่ยเสียงเข้มว่า “ทำเช่นนี้มิกลัวสวรรค์ลงโทษหรือเยี่ยงไร ? ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน