ตอนที่ 153 สิ่งนี้มิใช่ทัณฑ์สวรรค์ แต่เป็นการลงโทษจากสวรรค์
ณ สวรรค์บูรพา บนเกาะลอยฟ้าแห่งหนึ่งเหนือวังเสวียนจี
เสวียนจีเจินจวิน1 ที่สวมชุดนักพรตเต๋าสีขาว นั่งตรงข้ามกับผู้เฒ่าที่สวมเสื้อผ้าป่านท่านหนึ่ง
แม้ร่างของทั้งสองจะมิมีคลื่นพลังใด ๆ แต่กลับมีลักษณะบางอย่างที่ดูพิเศษเป็นอย่างมาก
ระหว่างคนทั้งสองมีกระดานหมากล้อมกระดานหนึ่งวางอยู่
ตัวกระดานมีความเก่าแก่เป็นอย่างมาก รอบ ๆ มีแสงเปล่งประกายระยิบระยับออกมา
ขณะเดียวกันยันต์โบราณที่สลักเอาไว้โดยรอบก็ปรากฏขึ้นจาง ๆ บ้างก็ส่องแสงออกมา ช่างดูอัศจรรย์ยิ่งนัก
“เสวียนจีเจินจวิน ว่ากันว่าก่อนที่เจ้าจะบรรลุขึ้นสู่สวรรค์ เคยทิ้งกลหมากปริศนา 14 ภาพเอาไว้บนโลก กลหมากเปลี่ยนแปลงได้เหลือคณา จนถึงวันนี้ก็ยังมิมีผู้ใดแก้กลหมากได้งั้นหรือ ? ”
ผู้เฒ่าสวมเสื้อผ้าป่านวางหมากลง พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“มิถึงขนาดนั้นหรอก”
เสวียนจีเจินจวินที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับหยก กวาดตามองหมากบนกระดานผ่าน ๆ พลางยิ้มบาง ๆ ออกมา “ศิษย์เอกของข้าแก้กลหมากปริศนาได้ภาพหนึ่ง จึงได้รับเคล็ดวิชาที่ข้าทิ้งเอาไว้บนภาพกลหมากปริศนา จากนั้นจึงบรรลุเป็นเซียนขึ้นสรวงสวรรค์”
“ที่แท้ศิษย์เอกของเจ้าก็ได้รับโอกาสและวาสนาพลิกฟ้า จากการแก้กลหมากปริศนาของเจ้า ถึงได้บรรลุเป็นเซียนนี่เอง”
ผู้เฒ่าสวมเสื้อผ้าป่านยกมือขึ้นลูบหนวด เอ่ยพลางพยักหน้าให้ “เสวียนจีเจินจวินเจ้าช่างมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จริง ๆ มิเพียงทิ้งภาพกลหมากปริศนาเอาไว้บนโลกมนุษย์ ยังได้ทิ้งโอกาสและวาสนาพลิกฟ้าเอาไว้บนภาพกลหมากปริศนาอีก…”
ผู้เฒ่าสวมเสื้อผ้าป่านเอ่ยเพียงเท่านั้นก็เหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “เสวียนจีเจินจวิน เจ้าทิ้งกลหมากปริศนาเอาไว้ 14 ภาพ หมายความว่ามี 14 วาสนางั้นหรือ”
“ส่วนศิษย์เอกของเจ้าเพราะเข้าใจกลหมากปริศนาภาพหนึ่ง จึงได้บรรลุเป็นเซียนขึ้นสวรรค์ได้ ก็หมายความว่าขอเพียงมีคนสามารถแก้กลหมากปริศนาได้ 1 ภาพ ภายภาคหน้าก็มีโอกาสที่จะได้ขึ้นสวรรค์ และกลายเป็นศิษย์สายตรงของเจ้าด้วยน่ะสิ”
“มิหนำซ้ำยังหมายความว่ากลหมากปริศนา 14 ภาพนี้ เท่ากับเป็น 14 บุญกุศลนับอนันต์ด้วยงั้นสิ ? ”
“ท่านพี่ช่างรู้ใจข้าจริง ๆ ”
เสวียนจีเจินจวินวางหมากอย่างมิเร่งรีบ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “แต่ว่าท่านพี่อาจจะมิทราบ บางทีอาจเป็นเพราะกลหมากปริศนา 14 ภาพที่ข้าทิ้งเอาไว้ที่โลกมนุษย์ จึงทำให้ข้าติดอยู่ที่ดินแดนชั้นนี้มาเกือบล้านปีเช่นนี้ก็เป็นได้”
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยเรียนเรื่องนี้ให้ท่านอาจารย์ทราบ ท่านอาจารย์ตอบกลับมาแค่ว่าผลกรรม นั่นหมายความว่าหากกลหมากปริศนา 14 ภาพนี้ถูกแก้ได้ ข้าก็จะได้รับบุญกุศลนับอนันต์”
“ในทางตรงกันข้าม หากมิมีผู้ใดสามารถแก้กลหมากปริศนา 14 ภาพนี้ได้ ก็หมายความว่าข้าจะต้องติดอยู่ในดินแดนแห่งนี้ตลอดไป จนกว่าจะถึงจุดจบ”
“บางทีคงจะตรงกับคำกล่าวบนโลกมนุษย์ที่กล่าวว่า ฉลาดเกินไปจึงเสียรู้”
ผู้เฒ่าสวมเสื้อผ้าป่านพยักหน้าเห็นด้วย แล้วเอ่ยต่อว่า “เนื่องจากมีม่านพลังของค่ายกลโบราณที่ขวางกั้นโลกมนุษย์และสวรรค์บูรพาเอาไว้ ทำให้ผู้ที่มีตบะบารมีเช่นพวกเรา มิสามารถก้าวข้ามไปยังโลกมนุษย์ เพื่อเบิกเนตรมนุษย์ธรรมดา ช่วยให้เจ้าพ้นจากกรรมนี้ และได้รับบุญกุศลนับอนันต์ได้ ! ”
เสวียนจีเจินจวินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ท่านพี่ ช่างมองได้เฉียบขาดยิ่งนัก”
หลังจากสิ้นเสียงนั้น ขณะที่ผู้เฒ่าสวมเสื้อผ้าป่านวางหมากลงอีกครั้ง เสวียนจีเจินจวินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“เจินจวิน เจ้าเป็นอะไรไปงั้นหรือ ? ”
ผู้เฒ่าสวมเสื้อผ้าป่านถามขึ้นทันที เมื่อเห็นเสวียนจีเจินจวินอ้าปากค้าง
“ท่านพี่ ในที่สุด… บนโลกมนุษย์ก็มีคนแก้กลหมากปริศนาที่ข้าทิ้งเอาไว้ได้อีกหนึ่งภาพแล้ว”
เสวียนจีเจินจวินเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ใบหน้าไร้ซึ่งความยินดี
“เจินจวิน มีคนแก้กลหมากปริศนาที่เจ้าทิ้งเอาไว้ได้ ย่อมเป็นเรื่องดีมิใช่หรือ ? ”
ผู้เฒ่าสวมเสื้อผ้าป่านเห็นท่าทางของเสวียนจีเจินจวินแล้วอดถามออกมาด้วยความสงสัยมิได้ “เหตุใดเจ้ากลับดูมิดีใจเล่า ? ”
เสวียนจีเจินจวินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่แววตาจะเย็นเหยียบลง พลางเอ่ยขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ท่านพี่ ท่านคงมิรู้ว่าคนผู้นี้ช่างจองหองยิ่งนัก บนภาพกลหมากปริศนามีรอยประทับจิตวิญญาณดั้งเดิมที่ข้าทิ้งเอาไว้ บนรอยประทับจิตวิญญาณดั้งเดิมนี้มีเคล็ดวิชาที่ข้าทิ้งเอาไว้อยู่”
“แต่ใครจะไปคิดว่าคนผู้นี้มิเพียงดูแคลนเคล็ดวิชาที่ข้าทิ้งเอาไว้ แต่ยังกลั่นและกลืนกินรอยประทับจิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าไปด้วย ! ”
ผู้เฒ่าสวมเสื้อผ้าป่านได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปในทันที ภายในใจเริ่มรู้สึกว้าวุ่นขึ้นมา
‘ผู้ที่แก้กลหมากปริศนา แท้จริงแล้วเป็นเทพมาจากที่ใดกัน ? ’
‘นี่เป็นถึงรอยประทับจิตวิญญาณดั้งเดิมที่เสวียนจีเจินจวินทิ้งเอาไว้ แม้การกลั่นจิตวิญญาณดั้งเดิมจะเป็นการกระทำที่เกินไปก็จริง’
‘แต่ด้วยตบะบารมีของผู้บำเพ็ญเพียรบนโลกมนุษย์แล้ว การกลั่นรอยประทับจิตวิญญาณดั้งเดิมของเสวียนจีเจินจวินเช่นนี้จะต้องถูกครอบงำกลับอย่างแน่นอน และอาจทำให้กายเนื้อสูญสิ้นจนถึงขั้นวิญญาณดับสูญก็เป็นได้ ! ’
‘คนผู้นี้จะมุทะลุเกินไปหน่อยกระมัง ! ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน