เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 155

สรุปบท ตอนที่ 155 เหตุใดเสียงพิณนี้ช่างคุ้นหูยิ่งนัก ?: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

สรุปตอน ตอนที่ 155 เหตุใดเสียงพิณนี้ช่างคุ้นหูยิ่งนัก ? – จากเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet

ตอน ตอนที่ 155 เหตุใดเสียงพิณนี้ช่างคุ้นหูยิ่งนัก ? ของนิยายนิยายแปลเรื่องดัง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 155 เหตุใดเสียงพิณนี้ช่างคุ้นหูยิ่งนัก ?

ขณะเดียวกัน ณ หอสายลมจันทรา ในเมืองหลวงของแคว้นต้าเยี่ยน

คำพูดที่มิใส่ใจของเย่ฉางชิงเพียงประโยคเดียว กลับทำให้คนที่อยู่บนชั้นหมากล้อมถึงกับต้องปิดปากเงียบด้วยความหวาดกลัว บรรยากาศกดดันจนถึงขีดสุด

แต่หลังจากได้สติกลับมา

เย่ฉางชิงที่เห็นผู้คนตรงหน้าต่างเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกก็ชะงักงันไปทันที

‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ’

‘หรือว่าข้าพูดอะไรผิดไปงั้นหรือ ? ’

‘แต่เจ้าของภาพกลหมากปริศนาเหล่านี้กำลังกลั่นแกล้งข้าอยู่จริง ๆ นี่นา’

‘ข้าแก้ภาพกลหมากปริศนาติดกันได้มากมายเพียงนี้ นับว่าเปลืองแรงไปมิน้อย’

‘แต่ทุกคราที่ถึงเวลาช่วงสำคัญ เสียงนั้นกลับเลือนหายไปจากโสตประสาททันที ข้าพูดอะไรผิดไปกัน ? ’

เพราะตั้งแต่ตอนที่เขามาถึงโลกเซียนแห่งนี้ ก็ถูกตรวจพบว่าไร้รากวิญญาณ ถูกกำหนดให้ต้องใช้ชีวิตธรรมดาในโลกเซียนแห่งนี้ไปชั่วชีวิต

บัดนี้การที่ได้พบโอกาสและความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตที่เหลือ เขาย่อมมิคิดที่จะปล่อยไปง่าย ๆ

ทว่าสุดท้ายเขากลับมิได้รับวาสนาจากภาพกลหมากปริศนา แต่พอเป็นคนอื่นกลับสามารถได้รับมันไปง่าย ๆ

หากนี่มิใช่การกลั่นแกล้ง แล้วจะเรียกว่าอันใดกันเล่า?

อีกทั้งหากมิใช่เพราะเขาได้ฝึกฝนจิตใจอยู่ที่เมืองเสี่ยวฉือมาเป็นเวลาถึง 5 ปีแล้วล่ะก็ หากเป็นคนอื่นคงอาละวาดไปตั้งนานแล้ว

เย่ฉางชิงคิดได้เช่นนั้นก็ได้พูดกับตัวเองในใจต่ออีกว่า ‘บางทีข้าเย่ฉางชิงอาจถูกกำหนดให้ใช้ชีวิตราบเรียบในโลกเซียนแห่งนี้แล้วก็เป็นได้ ช่างเถอะข้าจะมิขอฝืนโชคชะตาอีกแล้ว’

เย่ฉางชิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ของตัวเอง ขณะเดียวกันท่าทางของเขาก็ค่อย ๆ อ่อนลง พลางยิ้มออกมาอย่างฝืดเฝื่อน “ทำให้ทุกท่านต้องหัวเราะเข้าแล้ว”

ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็ได้สติขึ้นมาอีกครั้ง จึงอดมิได้ที่จะมองหน้ากัน ก่อนจะยิ้มแห้งออกมาแล้วประสานมือค้อมหัวให้แก่เย่ฉางชิง

ยอดคนเช่นนี้สำรวมต่อพวกเขาถึงเพียงนี้ มิได้วางอำนาจใด ๆ แม้แต่น้อย พวกเขาย่อมมิกล้าที่จะเหิมเกริมอยู่แล้ว

ตอนนั้นเองหลู่ฉีที่ใบหน้าประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน ได้เอ่ยถามขึ้นอย่างนอบน้อมว่า “ท่านเย่ ยังเหลือภาพกลหมากปริศนาอีก 1 ภาพ จะให้ข้าช่วยเปิดให้อีกหรือไม่ขอรับ ? ”

‘ภาพกลหมากปริศนาภาพสุดท้าย?’

เย่ฉางชิงชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสบตากับหลู่ฉี แล้วกวาดตามองกล่องไม้ทรงยาวกล่องนั้น

สุดท้ายเขาจึงยิ้มออกมาพลางส่ายศีรษะไปมา

เสียเวลาไปตั้งหลายชั่วยาม เพื่อแก้ภาพกลหมากปริศนาติดต่อกันถึง 12 ภาพ

นอกจากเยี่ยนปิงซินที่ได้รับโอกาสและวาสนาจากภาพกลหมากปริศนาภาพที่สี่ไปแล้ว ทว่าเย่ฉางชิงกลับมิได้รับอะไรเลย

ส่วนกลหมากบนภาพกลหมากปริศนา สำหรับเขาแล้ว นอกจากการที่จะต้องใช้เวลาอย่างมากในการทำความเข้าใจทิศทางการเดินของทั้งสองฝ่ายแล้ว แต่การจะแก้กลหมากนั้นกลับง่ายดายยิ่งนัก

เช่นนั้นเย่ฉางชิงจึงหมดความอดทนที่จะมานั่งแก้ภาพกลหมากปริศนาภาพสุดท้ายอีก

แม้ภายในใจจะคิดเช่นนั้น แต่เย่ฉางชิงก็เพียงแค่เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าแก้กลหมากปริศนาติดต่อกันมาถึง 12 ภาพแล้ว ภาพที่เหลืออีกภาพหนึ่งนั้นเก็บเอาไว้ให้คนรุ่นหลังแก้จะดีกว่า”

หลู่ฉีนิ่งอึ้งไป ก่อนจะพยักหน้ารับยิ้ม ๆ

ต้องบอกว่ากลหมากปริศนา 13 ภาพนี้ถือว่าเป็นของมีค่าของชั้นหมากล้อมจริง ๆ

หากวันนี้ถูกแก้จนหมด เกรงว่าคงส่งผลต่อความดึงดูดใจในภายภาคหน้าของชั้นหมากล้อมเป็นแน่

มิต้องพูดถึงความเก่งกาจของเย่ฉางชิงที่มิมีผู้ใดเทียบเทียมได้ มิหนำซ้ำวันนี้ยังสามารถแก้กลหมากปริศนาติดต่อกันได้ถึง 12 ภาพ ลำพังแค่สายตาอันยาวไกลที่เขายอมเก็บภาพกลหมากปริศนาภาพสุดท้ายเอาไว้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนชื่นชมด้วยใจจริงแล้ว

ยอดคนที่ไร้เทียมทานเช่นนี้ทำสิ่งใดก็มักจะละเอียดรอบคอบ มีสายตายาวไกลจริง ๆ

ทันใดนั้นหลังจากสิ้นเสียงของเย่ฉางชิง ผู้คนที่อยู่ในที่นั้นต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย แววตาที่มองเย่ฉางชิงก็ยิ่งเต็มไปด้วยความเลื่อมใส

“ท่านปู่ เหตุใดท่านเย่ผู้นี้จึงมิแก้กลหมากปริศนาภาพสุดท้ายต่อเล่าเจ้าคะ ? ”

“ตึ้ง ! ”

ก็มีเสียงพิณดังกังวานมาจากด้านบน

เสียงพิณอันไพเราะที่ดังขึ้นเป็นระลอก ราวกับดนตรีสวรรค์ทำให้ผู้คนมีจิตใจที่เบิกบาน

ขณะเดียวกันผู้คนที่ได้ยินเสียงพิณดุจดังสายลมนี้ก็ได้สบตากันเล็กน้อย ใบหน้าต่างเผยความยินดีออกมา

“มิผิดแน่ เสียงพิณนี้จะต้องเป็นท่านเซียนผู้นั้นมาปรากฏตัวที่ชั้นพิณเป็นแน่”

“มิได้พบเพียงมิกี่วัน แต่ดุจดั่งมิได้พบกันมาหลายปี เสียงพิณของเซียนท่านนั้นช่างทำให้ผู้คนหลงใหลได้จริง ๆ ”

“ใช่แล้ว บทเพลงที่ท่านเซียนผู้นี้บรรเลงช่างไพเราะยิ่งนัก หากวันหนึ่งมิสามารถได้ยินบทเพลงที่ท่านเซียนผู้นี้บรรเลงได้อีก พวกเราจะทำเช่นไรกันดี ! ”

“เหตุใดมัวแต่อึ้งกันอยู่อีก พวกเรารีบขึ้นไปชั้นพิณกันเถอะ”

“ใช่แล้ว รีบขึ้นไปที่ชั้นพิณกัน ! ”

“……”

ทันทีที่ผู้คนบนชั้นหมากล้อมได้ยินเสียงจากด้านบนต่างก็มีสีหน้าปลื้มปิติ ก่อนจะพุ่งตรงไปทางบันไดอย่างเร่งรีบ

“ท่านเย่ พวกเราจะขึ้นไปที่ชั้นพิณด้วยหรือไม่เจ้าคะ ? ”

ตอนนั้นเองเยี่ยนปิงซินก็ได้มาหยุดที่ด้านหน้าของเย่ฉางชิง พร้อมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล

เย่ฉางชิงที่เงียบฟังเสียงพิณที่ดังมาจากด้านบน ถึงกับขมวดคิ้วออกมาอย่างห้ามมิได้ “เสียงพิณนี้เหตุใดถึงฟังดูคุ้นหูเช่นนี้นะ ? ”

‘คุ้นหู ? ’

ดวงตาดำขลับของเยี่ยนปิงซินกะพริบปริบ ๆ พร้อมกับเผยสีหน้าสงสัยออกมา

‘หรือว่าท่านเย่จะมีคนรู้จักอยู่ที่เมืองหลวง ? ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน