ตอนที่ 156 ชิง เสวี่ยคาราวะท่านเย่
ใช่แล้ว !
เสียงพิณนี้ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยบางอย่างจริง ๆ
เท่าที่เย่ฉางชิงฟังดูแล้ว
เพลงนี้แม้การเล่นจะมิได้มีปัญหาอะไรมากมาย แต่การเปลี่ยนทำนองบางจุดยังมีข้อบกพร่องอยู่เล็กน้อย
“ท่านเย่ พวกเรา… จะขึ้นไปที่ชั้นพิณหรือไม่เจ้าคะ ? ”
ตอนนั้นเองน้ำเสียงอ่อนโยนของเยี่ยนปิงซินก็ดังขึ้นข้างหูของเย่ฉางชิงอีกครั้ง
เย่ฉางชิงจึงได้สติขึ้นมา ก่อนตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้เพิ่งจะพลบค่ำ ขึ้นไปดูสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
เย่ฉางชิงเอ่ยถึงตรงนี้ ก็หันไปมองเยี่ยนเทียนซานที่อยู่ทางด้านหลังแล้วเอ่ยถามว่า “ท่านเยี่ยน ท่านคิดเช่นไร ? ”
เยี่ยงไรเสียเวลานี้เขาก็มาพึ่งใบบุญคนอื่น อีกทั้งพวกเขาก็อยู่ที่ชั้นหมากล้อมมาหลายชั่วยามแล้วด้วย
เช่นนั้นเย่ฉางชิงจึงคิดว่าต้องถามความเห็นของเยี่ยนเทียนซานด้วยจะดีกว่า
เยี่ยนเทียนซานรีบพยักหน้าให้พร้อมรอยยิ้ม “เสียงพิณที่ดังมาจากด้านบนช่างไพเราะจับใจ อีกทั้งเวลานี้ก็เพิ่งจะพลบค่ำ ควรขึ้นไปดูที่ชั้นบนจริง ๆ ”
เย่ฉางชิงจึงพยักหน้าเห็นด้วย
จากนั้นเยี่ยนปิงซินก็ได้นำพวกเย่ฉางชิงเดินไปทางบันไดเพื่อขึ้นสู่ชั้นต่อไป
มินานทุกคนก็ปรากฏตัวขึ้นยังชั้นบนสุดของหอสายลมจันทรา
เห็นได้ว่ารอบ ๆ ชั้นพิณนี้ เสาทุกต้นจะถูกแกะสลักและวาดลวดลายเอาไว้อย่างประณีต ผ้าม่านพลิ้วไหว สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา รวมทั้งมองเห็นทะเลสาบปี้ชิงที่อยู่ทางด้านหลังของหอสายลมจันทราได้อย่างชัดเจน
เวลานี้ เมื่อยามพลบค่ำมาเข้ามาเยือนหอสายลมจันทรา บ้านเรือนที่อยู่อีกฝั่งของทะเลสาบ จึงเริ่มมีการจุดตะเกียงให้เห็นกันบ้าง
แต่ภายในชั้นพิณกลับสว่างไสวไปด้วยแสงเทียน และอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกำยาน ทุกอย่างถูกจัดวางเอาไว้ได้อย่างงดงาม
ภายในโถงจากเดิมที่มีโต๊ะตัวเตี้ยสิบกว่าตัววางเอาไว้ เพื่อเตรียมไว้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในดนตรี
แต่ทันทีที่เสียงพิณอันไพเราะนั้นดังขึ้น มิเพียงโต๊ะสิบกว่านั้นจะถูกคนนั่งจับจองจนเต็ม แม้แต่บริเวณอื่น ๆ บนชั้นนี้ก็ยังคราคร่ำไปด้วยผู้คน
มองไปแล้วจึงเห็นเพียงผู้คนที่แออัดยัดเยียดหลายร้อยคนที่กำลังมุงดูกันอยู่
ทว่าภายในชั้นพิณอันโอ่อ่านอกจากเสียงพิณอันไพเราะจับใจ ที่ดังออกมาจากหลังม่านที่อยู่กลางโถงแล้ว ก็หาได้มีเสียงใด ๆ อีกไม่
นี่ก็คือความอัศจรรย์ของวิถีดนตรีโดยแท้ !
สามารถทำให้จิตใจของผู้คนเกิดความสงบ ไร้ซึ่งความกังวลและว้าวุ่นใจโดยมิรู้ตัว
แต่ขณะเดียวกันเมื่อท่วงทำนองของดนตรีเปลี่ยนแปลงไป ก็สามารถทำให้จิตใจคนร้อนรน จนถึงขั้นคลุ้มคลั่งได้เช่นเดียวกัน
ในตอนที่พวกเย่ฉางชิงปรากฏตัวขึ้นยังทางเข้าของชั้นพิณ และหยุดฟังเสียงพิณอยู่นั้น
สาวใช้รูปร่างสะโอดสะองนางหนึ่งได้เดินอ้อมมาจากด้านหลังของกลุ่มคนอย่างเงียบเชียบ จนมาหยุดลงตรงหน้าของเย่ฉางชิง
“ท่านคงจะเป็นท่านเย่ใช่หรือไม่เจ้าคะ ? ”
สาวใช้ลอบพินิจพิจารณาเย่ฉางชิงที่อยู่ในชุดอาภรณ์สีขาวสะอาดตาและท่าทางสุภาพอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยถามออกมาเสียงเบา
เย่ฉางชิงหันไปสื่อสารทางสายตากับเยี่ยนเทียนซานแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับน้อย ๆ
สาวใช้นางนั้นจึงเอ่ยพร้อมส่งยิ้มบาง ๆ ออกมาว่า “ถ้าเช่นนั้น ได้โปรดตามข้ามาทางนี้เลยเจ้าค่ะ”
มินานสาวใช้ก็เดินนำพวกเย่ฉางชิงเดินอ้อมหลังผู้คนไป จนมาถึงห้อง ๆ หนึ่งจากจำนวนห้องที่มีอยู่มิมากนักบนชั้นพิณแห่งนั้น
“ท่านเย่ พวกท่านได้โปรดรออยู่ที่นี่สักครู่ หลังจากเพลงที่บรรเลงอยู่จบลง คุณหนูท่านนั้นจะมาพบท่านเจ้าค่ะ”
สาวใช้เหลือบมองเย่ฉางชิงอยู่เป็นระยะ และเมื่อเอ่ยจบก็ได้หมุนตัวจากไปทันที
หลังจากสาวใช้ออกไปแล้ว
เยี่ยนปิงซินจึงได้ลองถามหยั่งเชิงดูว่า “ท่านเย่ ท่านมีคนรู้จักอยู่ในเมืองหลวงด้วยหรือเจ้าคะ ? ”
‘คนรู้จัก ? ’
เย่ฉางชิงยิ้มออกมาอย่างใช้ความคิด
ตั้งแต่ทะลุมิติมายังโลกเซียนแห่งนี้ เพราะไร้ซึ่งรากวิญญาณ หลายปีมานี้เขาจึงเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในเมืองเสี่ยวฉือ
ครั้งนี้หากมิใช่เพราะตระกูลเยี่ยน มิแน่ชีวิตที่เหลืออยู่ของเขา อาจจะเลือกลงหลักปักฐานอยู่ในเมืองเสี่ยวฉือไปชั่วชีวิตก็เป็นได้
เช่นนั้นเขาจึงมิได้รู้จักคนในเมืองหลวงแต่อย่างใด
แต่มิรู้ด้วยเหตุใด แม้เย่ฉางชิงจะได้ยินเพลงนี้เป็นคราแรก
แต่ลึก ๆ แล้วเขากลับมีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
จนทำให้เย่ฉางชิงอดที่จะคิดถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมามิได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน