ตอนที่ 157 เพลงฮั่วฟานถูกบรรเลงอีกครา
หลังจากที่ถานไถชิง เสวี่ยปลดผ้าคลุมหน้าออก ใบหน้าอันงดงามไร้ที่ติก็ปรากฏสู่สายตาของทุกคน
ทันใดนั้นทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ดวงตาเบิกโพลง ท่าทางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ช่างงดงามยิ่งนัก !
งดงามจนมิอาจจะหาสิ่งใดมาเปรียบได้ !
ดวงตาเรียวยาวราวกับภาพวาด จมูกโด่งเป็นสัน ผิวพรรรณผุดผ่องเปล่งประกายระยิบระยับบาง ๆ ผมยาวสลวยลู่ไปด้านหลังราวกับเกลียวคลื่น รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น
เข้ากันดีกับกระโปรงสีขาวราวกับหิมะ เมื่อผสมกับท่วงท่าการเคลื่อนไหวที่งดงามแล้ว ให้ความรู้สึกราวกับเซียนจากสวรรค์ชั้นฟ้ามาเยือนโลกมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น
วินาทีนี้แม้แต่เยี่ยนปิงซินที่แม้จะมีหน้าตาสะสวย ก็ยังถูกความโดดเด่นของถานไถชิง เสวี่ยบดบังจนมิด
โดยเฉพาะหลิวหรูเยียน
หลายวันมานี้ สตรีลึกลับผู้นี้แม้จะมาปรากฏตัวที่หอสายลมจันทราบ้างเป็นครั้งคราว
แต่จวบจนวันนี้นางเพิ่งจะเคยได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของสตรีลึกลับท่านนี้เป็นครั้งแรก
มิเพียงเท่านั้น สตรีลึกลับท่านนี้ยังมีตบะบารมีที่สูงส่ง อีกทั้งยังมักให้ความรู้สึกที่ห่างเหิน
นางต้องการที่จะสร้างความสนิทสนมกับสตรีลึกลับผู้นี้อยู่หลายครา แต่ก็ต้องจนใจด้วยสตรีผู้นี้มิยอมรับไมตรีจากนางเลย
มีอยู่คราหนึ่งมิเพียงสตรีลึกลับท่านนี้จะกล่าวตำหนิเสียงเย็น แต่ดวงตายังแผ่ไอสังหารอันน่าสะพรึงกลัวออกมาอีกด้วย
เช่นนั้นนางจึงจำต้องละทิ้งความคิดที่จะสร้างความสนิทสนมนั้นไปในที่สุด
แต่บัดนี้เมื่อสตรีลึกลับผู้นี้ได้พบกับท่านเย่ นอกจากจะกล่าวทักทายแล้วยังได้เผยใบหน้าที่แท้จริง และส่งยิ้มให้อย่างมิลังเล
อีกทั้งท่าทางของนางยังเต็มไปด้วยความเคารพอีกด้วย
ถ้าเช่นนั้นท่านเย่ผู้นี้แท้จริงแล้วมีฐานะเช่นไรกันแน่ ?
ข้างกายก็มีคนของราชวงศ์คอยเคียงข้าง ทั้งยังมีผู้แข็งแกร่งของจวนผู้กล้ามาคุ้มกันให้ แม้กระทั่งสตรีลึกลับที่เย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งผู้นี้ก็ยังให้ความเคารพถึงเพียงนี้
ยิ่งกว่านั้นคนผู้นี้ยังดูหนุ่มแน่นมากอีกด้วย
คิดถึงตรงนี้
“สูด ! ”
หลิวหรูเยียนจึงสูดลมหายใจที่หนาวเหน็บเข้าปอดเฮือกใหญ่ทันที รู้สึกราวกับมีไอเย็นสายหนึ่งพุ่งเข้ามาหาในพริบตา จนอดที่จะสั่นสะท้านขึ้นมามิได้
เพราะก่อนหน้านี้ตัวนางเองยังกล้าที่จะเอ่ยหยอกล้อท่านเย่ผู้นี้อยู่เลย
ทว่าตอนนี้ดูแล้วเกรงว่าตนคงมิได้มีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้นอีกแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกโชคดีก็คือ
ท่านเย่ผู้นี้มิเพียงดูสุภาพเท่านั้น แต่ยังมีนิสัยที่อ่อนโยนอย่างมากอีกด้วย
มิเช่นนั้นคำพูดเมื่อครู่หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ต่อให้เบื้องหลังของนางจะมีท่านเจ้าหอคอยหนุนหลังอยู่ ก็คงเลี่ยงมิได้ที่จะต้องถูกลงโทษเป็นแน่
ตอนนั้นเอง
“มิน่าเล่า ก่อนหน้านี้ตอนที่ได้ยินเสียงพิณที่ด้านล่างถึงได้รู้สึกคุ้นหูนัก ที่แท้ก็เป็นแม่นางชิง เสวี่ยนี่เอง”
เย่ฉางชิงมองถานไถชิง เสวี่ยที่ปลดผ้าคลุมหน้าออก พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนว่า “แต่ว่ามิได้พบกันมาพักใหญ่ เหตุใดแม่นางชิง เสวี่ยจึงมาปรากฏตัวอยู่ที่เมืองหลวงได้เล่า ? ”
ถานไถชิง เสวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย
ความจริงแล้วเทียบกับเหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง นางนับว่ามาถึงเมืองหลวงล่าช้ามากแล้ว
เดิมนางคิดว่าเมื่อกลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงแล้วจะตั้งใจบำเพ็ญเพียรวิถีดนตรีอย่างหนัก
อีกทั้งนับตั้งแต่จากเมืองเสี่ยวฉือมาจนถึงวันนี้ นางก็ยังคงพยายามพัฒนาความแตกฉานในวิถีดนตรีของตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่เมื่อมิกี่วันก่อน นางกลับพบปัญหาใหม่ในวิถีดนตรี และบังเอิญได้ทราบข่าวจากท่านเจ้าสำนักว่าเย่ฉางชิงจะมายังเมืองหลวง
เช่นนั้นหลังจากใคร่ครวญดูแล้ว นางจึงตัดสินใจเดินทางมายังเมืองหลวงแห่งนี้
จากนั้นก็ได้มายังหอสายลมจันทราแห่งนี้ด้วยความบังเอิญ เพียงแต่นางมิรู้ว่าควรเอ่ยปากกับเย่ฉางชิงเช่นไรดี
ในที่สุดวันนี้ก็มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งบอกนางว่า เย่ฉางชิงได้พำนักอยู่ที่ทิศใต้ของเมืองหลวง
และเมื่อทราบว่าวันนี้เย่ฉางชิงออกมาข้างนอก เช่นนั้นนางจึงได้มาดักรอที่หอสายลมจันทราแห่งนี้
สุดท้ายก็ได้พบเย่ฉางชิงที่นี่จริง ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน