เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 164

ตอนที่ 164 มิรู้ว่ารูปโฉมเป็นเช่นไร ?

ทันทีที่เย่ฉางชิงเอ่ยออกมา

พวกถานไถชิง เสวี่ยต่างก็ตกตะลึงทันที ก่อนจะยิ้มด้วยความดีใจออกมา

เยี่ยนปิงซินส่งยิ้มพรายให้ “ท่านเย่ ใกล้ ๆ นี้มีภัตตาคารแห่งหนึ่งชื่อว่าหอจุ้ยเซียน มีชื่อเสียงโด่งดังมาก โดยเฉพาะสุราจุ้ยเซียนของพวกเขานั้นเรียกได้ว่ามีชื่อเสียงมากที่สุด พวกเราไปที่หอจุ้ยเซียนดีหรือไม่เจ้าคะ ? ”

“ท่านเย่ ข้าว่าเอาเช่นนี้ดีกว่า”

เยี่ยนเทียนซานถลึงตาใส่เยี่ยนปิงซินเล็กน้อย ก่อนจะหันไปยิ้มให้แก่เย่ฉางชิง “ท่านมาเมืองหลวงได้สองวันแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเรายังมิได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับท่านเลย ฉะนั้นวันนี้ถือว่าเป็นการเลี้ยงต้อนรับและเป็นการขออภัยท่านด้วย ท่านเห็นเป็นเช่นไรบ้าง ? ”

เย่ฉางชิงโบกมือไปมา แล้วเอ่ยอย่างแน่วแน่ “ท่านเยี่ยนกล่าวเกินไปแล้ว ข้ามาเมืองหลวงครานี้รบกวนพวกท่านหลายอย่าง เช่นนั้นคืนนี้ให้ข้าเป็นคนเลี้ยงพวกท่านเถิด”

ความจริงแล้วครานี้ถือเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ของเย่ฉางชิงก็ว่าได้

ร้านของชำที่เขาเปิดที่เมืองเสี่ยวฉือ หลายปีมานี้ทำกำไรได้เพียงมิกี่ร้อยตำลึงเท่านั้น

เขารู้ว่าเมืองหลวงแห่งนี้ที่ดินมีราคาสูงมาก เช่นนั้นสินค้าย่อมมิมีทางที่จะมีราคาถูกอย่างแน่นอน

แต่วันนี้เขาได้มีโอกาสมองเห็นลู่ทางและกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ที่หอสายลมจันทรา

เช่นนั้นเขาจึงมั่นใจว่าอีกมินาน ด้วยความแตกฉานในอักษรพู่กัน ภาพวาด หมากล้อมและพิณของตนเองนั้น จะทำให้ลงหลักปักฐานในเมืองหลวงแห่งนี้ได้อย่างแน่นอน

แม้ตระกูลเยี่ยนจะดูแลใส่ใจเขาอย่างดี แต่เยี่ยงไรเสียก็มิใช่ครอบครัวเดียวกัน

เช่นนั้นเขาจึงรู้สึกว่ากำลังพึ่งพาผู้อื่นอยู่ ทำให้รู้สึกติดค้างผู้อื่นมิน้อย

มิว่าจะเป็นโลกก่อนหน้าหรือว่าโลกเซียนแห่งนี้ เขาเกลียดความรู้สึกเช่นนี้มาก

ด้วยความแน่วแน่ของเย่ฉางชิง สุดท้ายพวกเยี่ยนเทียนซานจึงต้องยอมทำตาม

เช่นนั้นเมื่อเย่ฉางชิงเก็บพิณโบราณเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงออกจากหอสายลมจันทราไป

หลังจากส่งพวกเย่ฉางชิงกลับไปแล้ว ผู้ดูแลทั้งสี่ชั้นของหอสายลมจันทราก็รีบขึ้นมายังชั้นพิณที่อยู่ด้านบนสุด

“ผู้ที่ถูกขนานนามว่าท่านเย่ผู้นี้ มีความแตกฉานทุกด้านอย่างล้ำลึก แม้จะสัมผัสไอพลังเต๋าใด ๆ จากกายของเขามิได้ แต่หากมิมีสิ่งใดผิดพลาดล่ะก็ เขาคงตั้งใจปกปิดไอพลังของตนเองเอาไว้ อีกทั้งตบะบารมีของเขาจะต้องแก่กล้าจนคาดมิถึงเป็นแน่”

ผู้ดูแลชั้นหมากล้อมหลู่ฉีมีท่าทางเคร่งเครียด ก่อนเอ่ยขึ้นขณะกวาดสายตามองพวกหลิวหรูเยียน

ผู้ดูแลชั้นวาดภาพสวี่ชิงเยว่เอ่ยพลางครุ่นคิดว่า “ท่านเย่ผู้นี้ ความแตกฉานในด้านอักษรพู่กัน หมากล้อม และพิณล้วนแล้วแต่ล้ำลึกกว่าคนทั่วไปมากจริง ๆ มิรู้ว่าความแตกฉานในด้านภาพวาดของเขาเป็นเช่นไรบ้างนะ ? ”

“หากข้าเดามิผิดล่ะก็ ความแตกฉานในด้านภาพวาดของเขาจะต้องเหนือชั้นกว่าคนทั่วไปอย่างแน่นอน”

หลิวหรูอี้เห็นคนอื่น ๆ มองมาที่ตนจึงพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้เขาเขียนอักษรตัวหนึ่งเอาไว้ที่ชั้นหนึ่ง ลายเส้นลื่นไหล การจัดวางประณีตไร้ที่ติ ข้าว่าความแตกฉานในการวาดภาพของเขา ย่อมมิธรรมดาอย่างแน่นอน”

หลิวหรูอี้พูดถึงตรงนี้ก็มองไปยังหลิวหรูเยียน พลางเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่สาว ข้าว่าคนผู้นี้ล้วนเป็นไปตามที่ท่านเจ้าหอกำหนดทุกอย่างเลยนะเจ้าคะ”

หลิวหรูเยียนพยักหน้า ก่อนจะกวาดตามองทั้งสามคน “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็จำเป็นจะต้องเชิญท่านเจ้าหอให้มาที่หอสายลมจันทราเสียแล้ว”

“ข้าเห็นด้วย ! ”

หลิวหรูอี้เอ่ยโดยมิลังเลใด ๆ

“ได้ ! ”

หลู่ฉีใคร่ครวญเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้

สวี่ชิงเยว่ลังเลเล็กน้อย “หวังว่าครานี้พวกเราคงมิทำให้ท่านเจ้าหอผิดหวังอีกนะเจ้าคะ”

หลิวหรูเยียนชั่งใจเล็กน้อย ก่อนจะเพ่งสมาธิแล้วหยิบยันต์หยกหลายชิ้น รวมทั้งแผ่นหยกอีกหนึ่งแผ่นออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ

จากนั้นหลิวหรูเยียนก็แบ่งยันต์หยกให้แก่อีกสามคน ส่วนมือทั้งสองข้างของนางถือแผ่นหยกเนื้อใส แกะสลักลวดลายโบราณเอาไว้

ทั้งสี่คนสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยพลังปราณออกมาพร้อม ๆ กัน

“เปรี้ยง ! ”

มิกี่อึดใจต่อมาหลังจากพวกเขาปล่อยพลังเข้าสู่ยันต์หยกและแผ่นหยกแล้ว ฉับพลันยันต์หยกและแผ่นหยกก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมา

ขณะเดียวกัน ไอพลังค่ายกลวิเศษโบราณพลังหนึ่งก็แผ่ออกมา

ตรงหน้าของทั้งสี่คนมีสัญลักษณ์โบราณหนาแน่นลอยอยู่กลางอากาศ ท่ามกลางประกายไฟระยิบระยับ

มินานช่องว่างในตำแหน่งตรงกลางก็เกิดการบิดเบี้ยวขึ้น กลายเป็นหลุมอากาศขนาดใหญ่ เหมือนกับค่ายกลห้วงเวลาที่เชื่อมต่อกับสถานที่ลึกลับบางที่เอาไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน