ตอนที่ 169 ท่านเย่ผู้นี้คงมิใช่ท่านเทพฉางชิงกระมัง
หลังสิ้นเสียงทั้งเยี่ยนปิงซินและถานไถชิง เสวี่ย รวมถึงเยี่ยนจิ่งหงต่างก็ทยอยพากันลุกขึ้น
“ท่านเย่ ผู้น้อยไปส่งขอรับ ! ”
จูฟู๋ยิ้มเต็มใบหน้า พร้อมกับเอ่ยอย่างนอบน้อม
“มิเป็นไร”
เย่ฉางชิงตอบกลับไป จากนั้นก็อุ้มจิ้งจอกน้อยขึ้นแนบอกแล้วเดินตรงไปยังบันได
แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่จูฟู๋ก็ยังคงเดินตามหลังทุกคนไป
จนเวลาผ่านไปเกือบ 1 ก้านธูป
หลังจากส่งพวกเย่ฉางชิงเสร็จแล้ว จูฟู๋ก็รีบหมุนตัวกลับเข้าไปในหอจุ้ยเซียนทันที
ก่อนตรงขึ้นไปยังชั้นบนสุด
เขามองภาพวาดของเย่ฉางชิงบนโต๊ะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี
‘ผลงานชิ้นเอก ! ’
‘มิใช่ ! ’
‘ผลงานที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ เป็นผลงานจากสวรรค์ชัด ๆ ! ’
‘รวยแล้ว ! ’
‘ครานี้ข้าจะรวยเละแล้ว ! ’
ตอนนั้นเองเสี่ยวเอ้อหน้าซื่อคนหนึ่งก็รีบเดินนำเงิน 300 ตำลึงที่เย่ฉางชิงทิ้งเอาไว้เข้ามาอย่างเร่งรีบ
“เถ้าแก่ อาหารขึ้นชื่อหนึ่งโต๊ะเหตุใดถึงคิดเงินแค่เพียง 300 ตำลึงเล่าขอรับ แค่นี้ยังมิพอค่าต้นทุนเลยนะขอรับ ! ”
เสี่ยวเอ้อเอ่ยด้วยน้ำเสียงมิพอใจ พลางขมวดคิ้วแน่น
“เจ้าน่ะ สายตาตื้นเขินนัก”
จูฟู๋มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แล้วปรายตามองว่า “300 ตำลึงนี้ ข้าเพียงมิอยากทำให้ท่านเย่เสียหน้าก็เท่านั้น”
“ภาพ ๆ นี้ของเขา อย่าว่าแต่อาหารโต๊ะละ 1,000 ตำลึงทองเลย แม้จะเป็นหอจุ้ยเซียนทั้งหลังก็ยังมิอาจเทียบได้”
จากนั้นจูฟู๋ก็เอ่ยอย่างระอาว่า “จริงสิ ก่อนหน้านี้ข้าให้เจ้าเชิญท่านตี๋มา เจ้าได้เชิญเขามาหรือยัง ? ”
เสี่ยวเอ้อเกาท้ายทอยอย่างหงอย ๆ พร้อมตอบกลับว่า “แจ้งแล้วขอรับ คงจะใกล้ถึงแล้ว”
“แล้วจะมัวยืนบื้ออยู่ตรงนี้ทำไมเล่า รีบไปรอต้อนรับอยู่ข้างล่างสิ ! ” จูฟู๋เอ่ยอย่างมิพอใจ
เมื่อเอ่ยจบกลับมีเสียงอ่อนโยนเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เถ้าแก่จู ต้องขออภัยจริง ๆ เมื่อครู่ข้ากำลังช่วยคุณชายของรองเสนาบดีกรมการคลัง เข้าม้วนผลงานชิ้นใหม่ของอาจารย์ปี้เหลียนอยู่ หวังว่าท่านจะมิถือโทษกันหรอกนะ”
จูฟู๋ได้ยินก็หันไปมองทันที
พลันก็ได้พบกับผู้เฒ่าใบหน้าซูบผอมสวมอาภรณ์สีขาวผู้หนึ่ง ปรากฏตัวอยู่ที่หัวบันไดโดยมีสตรีนางหนึ่งช่วยประคองเดินขึ้นมา
มิกี่อึดใจต่อมา ทั้งสองคนก็ได้เดินเข้ามาหา
ผู้เฒ่าท่านนี้คือปรมาจารย์การทำม้วนภาพที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเมืองหลวง
ตี๋ซิวหยวน
ตี๋ซิวหยวนเริ่มมีชื่อเสียงตอนอายุสามสิบ เพราะความเชี่ยวชาญในการเลือกรูปแบบของม้วนภาพที่ต่างกันไป ตามการจัดวางและแนวความคิดของแต่ละภาพ จึงทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงสังคมชั้นสูงของเมืองหลวง
ในเมืองหลวงมีคำกล่าวว่า
ต่อให้จะเป็นภาพวาดที่ล้ำค่าเพียงใด หากมิใช่ท่านตี๋เป็นคนทำม้วนภาพ ย่อมส่งผลต่อคุณค่าและความงามของภาพวาดไปด้วย
สรุปก็คือการเข้าม้วนภาพของตี๋ซิวหยวนนั้น ช่วยทำให้ภาพงดงามขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง
แน่นอนว่าค่าแรงในการเข้าม้วนภาพของตี๋ซิวหยวนนั้นมิใช่ราคาถูก ๆ ปกติแล้วการเข้าม้วนภาพ ๆ หนึ่งจะตกราว ๆ 1,000 ตำลึง
เมื่อเห็นตี๋ซิวหยวนและหลานสาวเดินมา จูฟู๋ก็รีบเอ่ยด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าทันที “ท่านตี๋ ท่านเอ่ยเช่นนี้ก็เท่ากับเห็นว่าข้าเป็นคนนอกแล้ว”
ตี๋ซิวหยวนพยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วถามว่า “เถ้าแก่จู ครานี้ซือจื่อ1 ได้ผลงานที่มีชื่อเสียงชิ้นใดมาอีกเยี่ยงนั้นหรือ?”
‘ผลงานที่มีชื่อเสียง ? ’
‘ครานี้เป็นผลงานของสวรรค์ต่างหากเล่า ! ’
‘อีกทั้งครานี้ก็มิใช่นายท่านที่เป็นผู้ได้มา แต่เป็นท่านเย่ท่านนั้นประทานให้ต่างหาก’
จูฟู๋นิ่งงัน แล้วส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ท่านตี๋ ภาพวาดในครานี้เป็นคุณชายท่านหนึ่งมอบให้หอจุ้ยเซียน เขาคิดว่าภาพไผ่เมฆาของอาจารย์ปี้เหลียนยังมิดีพอ จึงได้วาดขึ้นมาใหม่อีกภาพขอรับ”
‘ยังมิดีพอ ? ’
‘ภาพไผ่เมฆาของอาจารย์ปี้เหลียนยังมิดีพอ ? ’
‘คนผู้นี้เป็นใครมาจากไหนกัน ถึงได้อวดดีเพียงนี้ ! ’
ตี๋ซิวหยวนมีสีหน้าเปลี่ยนไป หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน