ตอนที่ 177 นี่เป็นเรื่องบังเอิญใช่หรือไม่ ?
เมื่อถูกเย่ฉางชิงเอ่ยถามเช่นนี้ มิเพียงมู่หรงลี่จูที่นิ่งค้างไป แม้แต่พวกเยี่ยนเทียนซานเองก็อึ้งไปเช่นกัน
ก่อนอื่นภาพวาดนี้ของผู้อาวุโสเย่เรียกได้ว่าไร้คนที่จะมาเทียบเคียงได้ อีกทั้งภาพวาดนี้ยังเต็มไปด้วยจิตแท้แห่งเต๋ามากมายอีกด้วย
อีกอย่างยอดฝีมือเช่นผู้อาวุโสเย่ ภาพวาดของเขาจะใช้สิ่งของบนโลกมนุษย์มาวัดค่าได้เยี่ยงไร
มิได้ !
มิได้อย่างเด็ดขาด !
เช่นนั้นแสดงว่านี่เป็นเพียงแค่การล้อเล่นเท่านั้นสินะ
ใช่แล้ว !
นี่เป็นเพียงการล้อเล่นเท่านั้น !
ต้องล้อกันเล่นเป็นแน่ !
แต่แม้จะเป็นเพียงประโยคหยอกล้อ แต่นางเป็นเพียงผู้น้อยจะพูดจาเหลวไหลต่อหน้าผู้อาวุโสเย่ได้เยี่ยงไรกัน ?
นั่นเท่ากับเป็นการลบลู่เชียวนะ !
หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง มู่หรงลี่จูก็ได้หันไปสบตากับเยี่ยนเทียนซานด้วยความหนักใจ
“ผู้เฒ่าเยี่ยน ข้าควรตอบเช่นไรดี ? ”
มู่หรงลี่จูจึงเพ่งกระแสจิตไปขอความคิดเห็นทันที
‘ตอบเช่นไรดี ? ’
‘ข้าจะไปรู้ได้เยี่ยงไรกัน ! ’
‘ต่อหน้าผู้อาวุโสเย่ ข้าเองก็เป็นเพียงผู้น้อยคนหนึ่งเท่านั้น ! ’
“คุณหนูมู่หรง คำถามนี้ของเจ้า……ข้าเองก็คิดมิออกเช่นกัน ! ”
เยี่ยนเทียนซานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไป
มู่หรงลี่ยิ้มมุมปากกระตุกเบา ๆ ก่อนจะฉีกยิ้มอ่อนโยนให้แก่เย่ฉางชิง
“ท่านเย่ ท่านล้อข้าเล่นแล้วเจ้าค่ะ ภาพวาดนี้ของท่านนับว่าไร้ผู้ใดที่จะมาเทียบเคียงได้ เช่นนั้นจึงมิสามารถที่จะใช้เงินวัดค่าได้เจ้าค่ะ”
หลังจากใคร่ครวญดูแล้ว มู่หรงลี่จูที่คิดอะไรมิออก จึงทำได้เพียงตอบไปตามตรง
นางเชื่อว่ายอดฝีมือเช่นผู้อาวุโสเย่ มีเพียงการตอบไปตามตรงเท่านั้น อีกฝ่ายจึงจะพอใจ
เมื่อเย่ฉางชิงได้ยินคำตอบเช่นนี้ ร่างทั้งร่างก็นิ่งงันไปทันที
‘มิสามารถวัดค่าได้ด้วยเงินงั้นหรือ ? ’
‘ประโยคนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่ ? ’
‘ขายมิออกงั้นหรือ ? ’
‘ราคา พวกเราตกลงกันได้นี่นา ! ’
‘ทุกคนก็รู้ดีว่าข้าเป็นคนคุยง่ายจะตายไป ! ’
‘อีกอย่าง… พวกเจ้าคงมิคิดว่าข้ายังมีเงินเหลือติดตัวอยู่หรอกนะ ? ’
เย่ฉางชิงคิดถึงตรงนี้ดวงตาพลันฉายประกายบางอย่างออกมา
‘หรือเพราะว่าภาพนี้สมบูรณ์แบบเกินไป จึงทำให้คุณหนูมู่หรงผู้นี้มิสามารถประเมินราคาได้ ? ’
‘ภาพวาดของอาจารย์ปี้เหลียนที่หอจุ้นเซียนเมื่อวานดูแล้วก็ธรรมดามิได้ดูพิเศษอันใด แต่กลับขายได้ถึง 180,000 ตำลึงทอง’
‘แต่ภาพนี้ของข้าเมื่อเทียบกับภาพวาดภาพนั้นของอาจารย์ปี้เหลียนแล้ว ถือว่าต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยก็ว่าได้’
เย่ฉางชิงคิดเช่นนั้น มุมปากก็ค่อย ๆ ยกขึ้นจนเกิดเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าให้แก่มู่หรงลี่จู
เพียงแต่วันนี้เขาวาดภาพเสร็จไปภาพหนึ่งแล้ว เช่นนั้นจึงมิเหมาะที่จะวาดภาพต่ออีก
มิเช่นนั้นจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองเขาได้ เพราะจะทำให้ทุกคนคิดว่าเขาเป็นยาจกไปแล้วจริง ๆ
แต่อันที่จริง… เขาก็กำลังจะกลายเป็นยาจกในเร็ว ๆ นี้แล้วสินะ !
หากไปจากเรือนจิ่งหลันหยวนแห่งนี้ อย่าว่าแต่อาหารมื้อหนึ่งที่มีกับข้าวหลายสิบจานเลย แม้แต่จะกินหมั่นโถวสักลูกยังแพงเกินไปเสียด้วยซ้ำ
ตอนนั้นเองเมื่อมู่หรงลี่จูเห็นเย่ฉางชิงพยักหน้าให้พร้อมรอยยิ้ม ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
‘ผู้อาวุโสเย่เพียงแค่ล้อเล่นจริง ๆ ด้วย’
‘โชคดีที่ข้ามิได้ตอบเกินจริงออกไป มิเช่นนั้นผู้อาวุโสเย่จะต้องไม่พอใจเป็นแน่’
ขณะเดียวกันพวกเยี่ยนเทียนซานก็ลอบสื่อสารกันทางสายตา ก่อนจะยิ้มให้แก่เย่ฉางชิง
ตอนนั้นเอง
“ท่านเย่ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว พวกเขาไปทานอาหารกันเถอะเจ้าค่ะ”
เยี่ยนปิงซินเอ่ยกับเย่ฉางชิงด้วยรอยยิ้ม
“ก็ดีเหมือนกัน ! ”
เย่ฉางชิงพยักหน้ารับน้อย ๆ
จากนั้นทุกคนจึงออกไปจากลานตรงนั้น เพื่อเดินไปยังห้องทานอาหาร
แน่นอนว่าระหว่างทานอาหาร เย่ฉางชิงก็ได้ตัดสินใจแล้ว
คุณหนูมู่หรงผู้นี้เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่เยี่ยนเทียนซานแนะนำให้แก่เขา เช่นนั้นมิว่าจะอย่างไรเขาก็จะต้องหน้าด้านรั้งเอาไว้ให้ได้
เงินก้อนแรกของเขาจะต้องมาจากคุณหนูมู่หรงผู้นี้นี่แหละ !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน