เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 177

สรุปบท ตอนที่ 177 นี่เป็นเรื่องบังเอิญใช่หรือไม่ ?: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอน ตอนที่ 177 นี่เป็นเรื่องบังเอิญใช่หรือไม่ ? จาก เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 177 นี่เป็นเรื่องบังเอิญใช่หรือไม่ ? คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายแปล เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 177 นี่เป็นเรื่องบังเอิญใช่หรือไม่ ?

เมื่อถูกเย่ฉางชิงเอ่ยถามเช่นนี้ มิเพียงมู่หรงลี่จูที่นิ่งค้างไป แม้แต่พวกเยี่ยนเทียนซานเองก็อึ้งไปเช่นกัน

ก่อนอื่นภาพวาดนี้ของผู้อาวุโสเย่เรียกได้ว่าไร้คนที่จะมาเทียบเคียงได้ อีกทั้งภาพวาดนี้ยังเต็มไปด้วยจิตแท้แห่งเต๋ามากมายอีกด้วย

อีกอย่างยอดฝีมือเช่นผู้อาวุโสเย่ ภาพวาดของเขาจะใช้สิ่งของบนโลกมนุษย์มาวัดค่าได้เยี่ยงไร

มิได้ !

มิได้อย่างเด็ดขาด !

เช่นนั้นแสดงว่านี่เป็นเพียงแค่การล้อเล่นเท่านั้นสินะ

ใช่แล้ว !

นี่เป็นเพียงการล้อเล่นเท่านั้น !

ต้องล้อกันเล่นเป็นแน่ !

แต่แม้จะเป็นเพียงประโยคหยอกล้อ แต่นางเป็นเพียงผู้น้อยจะพูดจาเหลวไหลต่อหน้าผู้อาวุโสเย่ได้เยี่ยงไรกัน ?

นั่นเท่ากับเป็นการลบลู่เชียวนะ !

หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง มู่หรงลี่จูก็ได้หันไปสบตากับเยี่ยนเทียนซานด้วยความหนักใจ

“ผู้เฒ่าเยี่ยน ข้าควรตอบเช่นไรดี ? ”

มู่หรงลี่จูจึงเพ่งกระแสจิตไปขอความคิดเห็นทันที

‘ตอบเช่นไรดี ? ’

‘ข้าจะไปรู้ได้เยี่ยงไรกัน ! ’

‘ต่อหน้าผู้อาวุโสเย่ ข้าเองก็เป็นเพียงผู้น้อยคนหนึ่งเท่านั้น ! ’

“คุณหนูมู่หรง คำถามนี้ของเจ้า……ข้าเองก็คิดมิออกเช่นกัน ! ”

เยี่ยนเทียนซานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไป

มู่หรงลี่ยิ้มมุมปากกระตุกเบา ๆ ก่อนจะฉีกยิ้มอ่อนโยนให้แก่เย่ฉางชิง

“ท่านเย่ ท่านล้อข้าเล่นแล้วเจ้าค่ะ ภาพวาดนี้ของท่านนับว่าไร้ผู้ใดที่จะมาเทียบเคียงได้ เช่นนั้นจึงมิสามารถที่จะใช้เงินวัดค่าได้เจ้าค่ะ”

หลังจากใคร่ครวญดูแล้ว มู่หรงลี่จูที่คิดอะไรมิออก จึงทำได้เพียงตอบไปตามตรง

นางเชื่อว่ายอดฝีมือเช่นผู้อาวุโสเย่ มีเพียงการตอบไปตามตรงเท่านั้น อีกฝ่ายจึงจะพอใจ

เมื่อเย่ฉางชิงได้ยินคำตอบเช่นนี้ ร่างทั้งร่างก็นิ่งงันไปทันที

‘มิสามารถวัดค่าได้ด้วยเงินงั้นหรือ ? ’

‘ประโยคนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่ ? ’

‘ขายมิออกงั้นหรือ ? ’

‘ราคา พวกเราตกลงกันได้นี่นา ! ’

‘ทุกคนก็รู้ดีว่าข้าเป็นคนคุยง่ายจะตายไป ! ’

‘อีกอย่าง… พวกเจ้าคงมิคิดว่าข้ายังมีเงินเหลือติดตัวอยู่หรอกนะ ? ’

เย่ฉางชิงคิดถึงตรงนี้ดวงตาพลันฉายประกายบางอย่างออกมา

‘หรือเพราะว่าภาพนี้สมบูรณ์แบบเกินไป จึงทำให้คุณหนูมู่หรงผู้นี้มิสามารถประเมินราคาได้ ? ’

‘ภาพวาดของอาจารย์ปี้เหลียนที่หอจุ้นเซียนเมื่อวานดูแล้วก็ธรรมดามิได้ดูพิเศษอันใด แต่กลับขายได้ถึง 180,000 ตำลึงทอง’

‘แต่ภาพนี้ของข้าเมื่อเทียบกับภาพวาดภาพนั้นของอาจารย์ปี้เหลียนแล้ว ถือว่าต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยก็ว่าได้’

เย่ฉางชิงคิดเช่นนั้น มุมปากก็ค่อย ๆ ยกขึ้นจนเกิดเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าให้แก่มู่หรงลี่จู

เพียงแต่วันนี้เขาวาดภาพเสร็จไปภาพหนึ่งแล้ว เช่นนั้นจึงมิเหมาะที่จะวาดภาพต่ออีก

มิเช่นนั้นจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองเขาได้ เพราะจะทำให้ทุกคนคิดว่าเขาเป็นยาจกไปแล้วจริง ๆ

แต่อันที่จริง… เขาก็กำลังจะกลายเป็นยาจกในเร็ว ๆ นี้แล้วสินะ !

หากไปจากเรือนจิ่งหลันหยวนแห่งนี้ อย่าว่าแต่อาหารมื้อหนึ่งที่มีกับข้าวหลายสิบจานเลย แม้แต่จะกินหมั่นโถวสักลูกยังแพงเกินไปเสียด้วยซ้ำ

ตอนนั้นเองเมื่อมู่หรงลี่จูเห็นเย่ฉางชิงพยักหน้าให้พร้อมรอยยิ้ม ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

‘ผู้อาวุโสเย่เพียงแค่ล้อเล่นจริง ๆ ด้วย’

‘โชคดีที่ข้ามิได้ตอบเกินจริงออกไป มิเช่นนั้นผู้อาวุโสเย่จะต้องไม่พอใจเป็นแน่’

ขณะเดียวกันพวกเยี่ยนเทียนซานก็ลอบสื่อสารกันทางสายตา ก่อนจะยิ้มให้แก่เย่ฉางชิง

ตอนนั้นเอง

“ท่านเย่ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว พวกเขาไปทานอาหารกันเถอะเจ้าค่ะ”

เยี่ยนปิงซินเอ่ยกับเย่ฉางชิงด้วยรอยยิ้ม

“ก็ดีเหมือนกัน ! ”

เย่ฉางชิงพยักหน้ารับน้อย ๆ

จากนั้นทุกคนจึงออกไปจากลานตรงนั้น เพื่อเดินไปยังห้องทานอาหาร

แน่นอนว่าระหว่างทานอาหาร เย่ฉางชิงก็ได้ตัดสินใจแล้ว

คุณหนูมู่หรงผู้นี้เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่เยี่ยนเทียนซานแนะนำให้แก่เขา เช่นนั้นมิว่าจะอย่างไรเขาก็จะต้องหน้าด้านรั้งเอาไว้ให้ได้

เงินก้อนแรกของเขาจะต้องมาจากคุณหนูมู่หรงผู้นี้นี่แหละ !

ขณะเดียวกันเขาก็เพิ่งจะสังเกตเห็นพวกมู่หรงลี่จู

“พวกเจ้ามาแล้วหรือ ? ”

เย่ฉางชิงเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม “พวกเจ้ามาดูนี่สิ ภาพวาดวันนี้เป็นเช่นไรบ้าง ? ”

‘เป็นเช่นไรบ้างอีกแล้วหรือ ! ’

ได้ยินเช่นนั้นทุกคนต่างก็ชะงักงัน ก่อนจะสื่อสารกันทางสายตา

เยี่ยนปิงซินมองไปยังภาพวาดที่วางอยู่บนโต๊ะ ด้วยท่าทางครุ่นคิด

หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งเยี่ยนปิงซินก็รวบรวมความกล้าและเอ่ยขึ้นเป็นคนแรกว่า “แม้ข้าจะมีความรู้ด้านภาพวาดเพียงน้อยนิด แต่ข้ามองว่าภาพนี้ของท่านทั้งฉากหลังหรือการเชื่อมต่อมุมมองทั้งใกล้และไกล ดูเหมือนจะดีกว่าภาพเมื่อวานอยู่เล็กน้อยเจ้าค่ะ”

‘ดีกว่าเล็กน้อย ? ’

เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งอึ้งไปทันที

‘หากบอกว่าแย่กว่าภาพวาดเมื่อวานเล็กน้อยเขายังพอรับได้’

‘แต่กลับบอกว่าดีกว่าเมื่อวานอีกเยี่ยงนั้นหรือ แบบนี้ก็มิถูกต้องน่ะสิ ! ’

‘นี่มิใช่ความตั้งใจของข้านะ’

เย่ฉางชิงคิดเช่นนั้นแล้วก็เลิกคิ้วขึ้น เบนสายตากลับมาประเมินภาพที่ตนเองวาดวันนี้อีกครั้ง

จริงด้วย…

แต่ว่า

มิใช่สิ !

ภาพวาดวันนี้เขามิได้ใส่ใจอะไรเลย เพียงแค่วาดออกมาตามความรู้สึกก็เท่านั้น

เหตุใดถึงได้ออกมาดีกว่าภาพวาดเมื่อวานไปได้ ทั้งการเชื่อมต่อและความหมายในภาพ

เย่ฉางชิงลังเลเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองทางมู่หรงลี่จูและเยี่ยนเทียนซาน แล้วจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “พวกท่านทั้งสองคิดว่าเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”

เยี่ยนเทียนซานพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม

มู่หรงลี่จูพิจารณาภาพวาดเล็กน้อยแล้วเอ่ยตามตรงว่า “เรียนท่านเย่ ลายเส้นของวันนี้เหมือนจะไหลลื่นกว่าภาพวาดของเมื่อวาน ส่วนด้านแนวความคิดของภาพนั้นก็เหมือนจะดีกว่าเช่นกันเจ้าค่ะ”

ทว่ามู่หรงลี่จูก็มิได้พูดคำบางคำออกมา

นั่นคือไอพลังที่แผ่ออกมาจากภาพนี้บริสุทธิ์ยิ่งกว่า และสัมผัสได้ถึงที่มาของเต๋าที่แท้จริงในภาพวาดภาพนี้ได้อย่างชัดเจน

ทันใดนั้นเย่ฉางชิงก็นิ่งเงียบไปทันที

ภาพที่มิได้ตั้งใจกลับยอดเยี่ยมกว่าภาพที่ผ่านมา

นี่เป็นเรื่องบังเอิญใช่หรือไม่ ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน