เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 186

ตอนที่ 186 ข้ามีนามว่าฉางชิง

ทันใดนั้น เสียงแห่งศรัทธาก็ดังก้องไปทั่วทั้งเมืองหลวงราวกับเสียงฟ้าร้อง ถึงขนาดทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่นได้

เย่ฉางชิงนิ่งอึ้งไปทันทีที่ได้ยินเสียงอันน่าตกใจเช่นนี้ ขณะเดียวกันภายในใจก็เกิดความรู้สึกสับสนขึ้นอีกครา

เขาคาดมิถึงว่าในเมืองหลวงจะมีสาวกของท่านเทพฉางชิงอยู่มากมายเพียงนี้

หากสาวกเหล่านี้รู้ว่าเขามิใช่ท่านเทพฉางชิงตัวจริง ถึงตอนนั้นเขาจะต้องตายแน่ ๆ

คนผู้นี้ต่ำช้าไร้ยางอาย กล้าสวมรอยเป็นท่านเทพฉางชิง นำตัวไปประหารโดยใช้ห้าม้าแยกร่าง !

คนผู้นี้ดูหมิ่นท่านเทพฉางชิง ต้องใช้ห้าม้าแยกร่าง !

คนผู้นี้มิรู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ สมควรนำไปแขวนคอบนประตูเมือง !

…………………….

ทันใดนั้นภายในสมองของเย่ฉางชิงก็หยุดคิดถึงวิธีการตายนับพันนับหมื่นขึ้นมามิได้ จนทำให้เขาชาวาบไปทั้งร่าง

‘เย่ฉางชิงเอ๋ยเย่ฉางชิง ! ’

‘เจ้ายังจะอยู่เมืองหลวงอีกทำไมกัน ? ’

‘ต่อให้เจ้าจะมีรูปร่าง หน้าตา ท่าทางเหมือนท่านเทพฉางชิงผู้นั้นทุกกระเบียดนิ้ว แล้วเยี่ยงไรเล่า ? ’

‘หากมิมีตบะบารมีที่สูงส่ง มิช้าก็เร็วต้องเผยพิรุธออกมาเป็นแน่’

‘ยังมิรีบไสหัวกลับเมืองเสี่ยวฉืออีก ! ’

หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่ใหญ่

เย่ฉางชิงก็ได้ตัดสินใจว่า

หลังจากทดลองสอนที่สำนักศึกษาตงหลันครานี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจะหาทางออกจากเมืองหลวงกลับเมืองเสี่ยวฉือทันที

ใช่แล้ว !

ต่อให้ต้องตาย ก็ต้องไปตายที่เมืองเสี่ยวฉือ

นี่เป็นคราแรกที่เย่ฉางชิงรู้สึกโหยหาเมืองเสี่ยวฉืออย่างรุนแรงถึงเพียงนี้

ทว่าเวลานี้เนื่องด้วยเขากำลังแสดงละครเป็นท่านเทพฉางชิงผู้สูงส่งอยู่

แววตาของเขาจึงยังคงเรียบนิ่งดังเดิม และได้แต่กัดฟันยอมรับการคาราวะจากเหล่าสาวกจำนวนมหาศาล

แต่ขณะที่เขาบังเอิญเหลือบไปเห็นถานไถชิง เสวี่ยและเยี่ยนปิงซินที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น ก็อดที่จะพร่ำบ่นอยู่ภายในใจมิได้

‘เย่ฉางชิงเอ๋ยเย่ฉางชิง ดูแล้วเจ้าคงถูกกำหนดมาให้โดดเดี่ยวไปจนตายในโลกเซียนแห่งนี้เป็นแน่ ! ’

………………………………

ขณะเดียวกัน ณ จัตุรัสอันกว้างขวางแห่งหนึ่ง ของสำนักศึกษาตงหลัน

เวลานี้ได้มีผู้คนราว ๆ สามพันคนมารวมตัวกันอยู่

นอกจากศิษย์และอาจารย์ของสำนักศึกษาตงหลันแล้ว ยังมีศิษย์และอาจารย์ของสำนักศึกษาชางหมิงรวมอยู่ด้วย

มิเพียงเท่านั้นเยี่ยนเทียนซานที่เป็นถึงบรรพบุรุษแห่งแคว้นต้าเยี่ยน และฮ่องเต้องค์ปัจจุบันอย่างเยี่ยนหยางเหนียน รวมทั้งราชนิกุลมากมาย

อีกทั้งยังมีเหล่าขุนนางน้อยใหญ่อีกหลายคนที่มารวมตัวกันอยู่

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองต่างก็ต้องการมาฟังการสอนของท่านเทพฉางชิงเช่นกัน

เพราะการได้มาฟังการสอนจากท่านเทพที่ลงมายังโลกมนุษย์นั้น นับว่าเป็นโอกาสและโชคอันใหญ่หลวงเลยก็ว่าได้

และอาจทำให้พวกเขาเสียดายไปทั้งชีวิตหากมิได้มาในวันนี้ !

และในเวลาเดียวกันขณะที่เขาตะวันออกเกิดนิมิตอันงดงามตระการตาขึ้น พวกเขาทุกคนที่รออยู่ต่างก็มองไปทางเขาตะวันออก ด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“ท่านบรรพบุรุษ นิมิตที่ทรงพลังเช่นนี้ อลังการกว่านิมิตที่อารามฉางชิงเคยเกิดขึ้นเสียอีก หรือว่าผู้อาวุโสเย่จะประทานพรให้แก่แคว้นต้าเยี่ยนใช่หรือไม่ขอรับ ? ”

เยี่ยนหยางเหนียนที่ยืนอยู่ด้านหลังเยี่ยนเทียนซานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

เยี่ยนเทียนซานได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างหลับลงก่อนจะเริ่มตั้งใจสัมผัสอะไรบางอย่าง

ชั่วอึดใจต่อมา

เยี่ยนเทียนซานก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แล้วพยักหน้า “ใช่แล้ว เขาไปประทานพรให้อีกจริง ๆ ”

ทันทีที่เยี่ยนเทียนซานเอ่ยออกมา

ใบหน้าของเยี่ยนหยางเหนียนก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี

ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียบนิ่งและลึกลับเสียงหนึ่งดังขึ้น

ราวกับลอยมาจากที่ไกล ๆ แต่กลับชัดเจนเหมือนกระซิบขึ้นที่ข้างหูของทุกคน

“ชีวิตคนเราแสนสั้น ร้องเพลงเศร้าเคล้าสุรา ชีวิตผ่านพ้นราวน้ำค้างยามเช้า เวลาผ่านไปมิหวนกลับ…”

ฉับพลันผู้คนมากมายที่อยู่ในจัตุรัสต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนจะลอบสบตากัน

เพราะหลังจากที่เสียงลึกลับนี้ดังขึ้นในโสตประสาทของพวกเขา จิตใจของพวกเขาก็สงบลงในบัดดล

อีกทั้งยังเกิดความรู้สึกมหัศจรรย์ในการรู้แจ้งบางอย่าง ราวกับได้รับการเบิกเนตรจากผู้สูงส่ง

น่าเหลือเชื่อ !

ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก !

วินาทีต่อมา

“ผู้น้อยคาราวะท่านเทพฉางชิง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน