ตอนที่ 201 พวกเจ้าพูดจริงหรือ ?
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง
รอยยิ้มอ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่ฉางชิง
แม้ฐานะในตอนนี้จะค่อนข้างสูงส่ง แต่อย่างน้อยก็สามารถยืนยันได้ว่าในที่สุดเขาก็สามารถบำเพ็ญเพียรได้แล้ว
สำหรับเขาแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องดียิ่ง อย่างมิต้องสงสัย
มนุษย์ควรเรียนรู้ที่จะพึงพอใจ ผู้ที่รู้จักความพอจึงจะมีความสุข
เย่ฉางชิงคิดได้เช่นนั้นก็ลุกขึ้นยืน เตรียมตัวเดินออกไปด้านนอกเรือน
แม้จะสามารถบำเพ็ญเพียรได้แล้ว ทว่าก็ยังเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาอยู่ ย่อมต้องกินข้าวดื่มน้ำอยู่ดี
อีกอย่างเขาต้องการที่จะไปยืนยันกับพวกเยี่ยนปิงซิน ว่าหินสีดำนี้คือสิ่งที่เรียกว่าศิลาวิญญาณหรือไม่
มิรู้เพราะเหตุใด
เขาถึงรู้สึกว่าศิลาวิญญาณนี้ช่างประหลาดนัก
มินาน เมื่อเย่ฉางชิงเปิดประตูห้องออกมา
เยี่ยนปิงซินและถานไถชิงเสวี่ย รวมทั้งเยี่ยนจิ่งหงกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู ราวกับยืนรออยู่นานแล้ว
“พวกเจ้ารอข้าอยู่งั้นหรือ ? ”
เย่ฉางชิงผงะไป ก่อนจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
เยี่ยนปิงซินหันไปสื่อสารทางสายตากับถานไถชิงเสวี่ย ก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ท่านเย่ เมื่อครู่ท่านบำเพ็ญเพียรอยู่หรือเจ้าคะ ? ”
เย่ฉางชิงพยักหน้ารับ “จู่ ๆ ก็เกิดความเข้าใจขึ้นมาน่ะ”
เยี่ยงไรเสียด้วยฐานะของเขาในตอนนี้ก็เป็นถึงท่านเทพฉางชิงที่อยู่เหนือผู้คนทั้งปวง เช่นนั้นจึงต้องระมัดระวังคำพูดให้มาก
เรื่องนี้เย่ฉางชิงมิกล้าที่จะประมาทแม้แต่น้อย
ได้ยินเช่นนั้นทั้งสามคนก็สบตากันด้วยรอยยิ้ม
‘ปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เป็นฝีมือของผู้อาวุโสเย่จริง ๆ ด้วย’
เยี่ยนจิ่งหงประสานมือคาราวะ “ผู้อาวุโสเย่ อาหารเตรียมพร้อมหมดแล้ว มิทราบว่าท่านจะทานอาหารตอนนี้เลยหรือไม่ขอรับ”
เย่ฉางชิงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ต้องรบกวนคุณชายเยี่ยนแล้ว”
จากนั้นพวกเยี่ยนปิงซินก็ได้เดินไปห้องทานอาหารเป็นเพื่อนเย่ฉางชิง
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม
ทั้งสี่คนก็เดินมายังศาลาหลังหนึ่ง
เย่ฉางชิงเหลือบมองทั้งสามคนอย่างมิมีพิรุธ ก่อนจะยิ้มให้แก่เยี่ยนจิ่งหง “คุณชายเยี่ยน ท่านเกิดในตระกูลใหญ่เกรงว่าสายตาคงจะกว้างไกลอย่างมากกระมัง ? ”
‘เกิดในตระกูลใหญ่ ? ’
‘สายตากว้างไกล ? ’
‘ผู้อาวุโสเย่หมายความเช่นไรกัน ? ’
‘หรือว่าต้องการที่จะทดสอบข้าอย่างนั้นหรือ ? ’
เยี่ยนจิ่งหงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มให้เย่ฉางชิงอย่างระแวดระวัง “ผู้อาวุโสเย่ ผู้น้อยด้อยความสามารถ ไหนเลยจะกล้าแสดงความโง่เขลาต่อหน้าท่านได้เล่าขอรับ”
ท่านเทพฉางชิงมีชีวิตอยู่มามิรู้กี่ปี ความรู้อันน้อยนิดของเขาจะยกตนว่าเป็นคนที่มีสายตากว้างไกลได้อย่างนั้นหรือ ?
แล้วจะกล้าวิพากษ์วิจารณ์ต่อหน้าท่านเทพฉางชิงได้อย่างไรกัน ?
เมื่อเห็นเยี่ยนจิ่งหงตอบกลับเช่นนี้ เย่ฉางชิงก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาอย่างอดมิได้ รู้สึกว่าตัวเองนั้นพูดผิดไปเสียแล้ว
‘เย่ฉางชิงเอ๋ยเย่ฉางชิง เจ้าอย่าได้ลืมเป็นอันขาดว่าฐานะของเจ้าในตอนนี้ยังเป็นท่านเทพฉางชิงผู้สูงศักดิ์อยู่นะ’
‘หากเผยพิรุธใด ๆ ออกมา เจ้าจะต้องตายอย่างอนาถเป็นแน่ ! ’
เย่ฉางชิงคิดเช่นนั้นจึงอดมิได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหวาดหวั่น
จากนั้นเย่ฉางชิงก็ได้เพ่งสมาธิ และหยิบหินหุนหยวนก้อนหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ พร้อมกับวางลงบนโต๊ะตรงหน้า
ทันทีที่หินหุนหยวนก้อนนี้ปรากฏสู่สายตาของคนทั้งสาม
เยี่ยนจิ่งหงก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะเบิกตาโพลง
‘ลวดลายเช่นนี้ ? ’
‘ไอพลังเช่นนี้ ? ’
‘หรือว่าจะเป็นของวิเศษหินหุนหยวนในตำนานเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
ส่วนเยี่ยนปิงซินและถานไถชิงเสวี่ย กลับมิได้มีสีหน้าแปลกใจแต่อย่างใด
พวกนางทั้งสองคนต่างก็เคยไปที่เมืองเสี่ยวฉือ และเคยเห็นหินหุนหยวนที่ลานบ้านของผู้อาวุโสเย่มาแล้ว
มิหนำซ้ำแม้หินหุนหยวนจะเป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง แต่ผู้อาวุโสเย่กลับมองว่ามันเป็นสิ่งของธรรมดาทั่วไป
เพราะนั่นคือมุมมองของผู้อาวุโสเย่ !
“ผู้อาวุโสเย่ นี่เป็น… หินหุนหยวนใช่หรือไม่ขอรับ ? ”
หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยนจิ่งหงจึงเอ่ยถามกับเย่ฉางชิงพลางขมวดคิ้วมุ่น
‘หินหุนหยวน ? ’
‘หรือว่าโลกเซียนแห่งนี้เรียนศิลาวิญญาณว่าหินหุนหยวนงั้นหรือ ? ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน